5 วิธีที่สาวๆ มักเข้าใจผิดเวลาใช้มอยเจอร์ไรเซอร์!!

ทุกครั้งก่อนที่จะใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดใหม่ ควรทดสอบก่อนเสมอโดยทาผลิตภัณฑ์บนท้องแขนทั้ง 2 ข้าง

สาวๆ คนไหนทีมีปัญหาผิวหน้าแห้ง ลอกเป็นขุยกันบ้าง บอกเลยว่าปัยหาผิวแห้งสร้างความหนักใจไม่น้อยกันเลยทีเดียว นอกจากปัญหาผิวแห้งจะทำให้ผิวหน้าลอกเป็นขุยแล้ว ปัญหาผิวแห้งยังเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าเกิดริ้วรอยได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย แถมยังทำให้การแต่งหน้ายาก เครื่องสำอางไม่ติดใบหน้า หามอยเจอร์ไรเซอร์มาบำรุงแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น วันนี้เราจะพาไปดูว่าสาว ๆ ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ด้วยวิธีผิด ๆ กันอยู่หรือเปล่า

มอยส์เจอไรเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับทาผิวเพื่อลดหรือป้องกันภาวะผิวแห้ง ลอก คัน หรือระคายเคือง โดยจะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวนุ่มและอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น การแบ่งประเภทของมอยส์เจอไรเซอร์นั้นมีหลายแบบ อาจจำแนกตามประเภทของเนื้อสัมผัส เช่น โลชั่น ครีม ขี้ผึ้ง หรืออาจจำแนกตามองค์ประกอบ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทฐานน้ำมัน (Oil-based moisturizer) และมอยส์เจอไรเซอร์ ประเภทฐานน้ำ (Water-based moisturizer) โดยแต่ละเนื้อสัมผัสหรือองค์ประกอบในตำรับจะเหมาะสมแตกต่างกันไปขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เราควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตัวเอง

1. ไม่ได้ทดสอบก่อนใช้
ทุกครั้งก่อนที่คุณจะใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดใหม่ ยี่ห้อใหม่ที่เพิ่งไม่เคยใช้ ควรทดสอบก่อนเสมอโดยทาผลิตภัณฑ์บนท้องแขนทั้ง 2 ข้าง หรือบริเวณกราม หลังหู ในเวลาเช้า – เย็น ติดต่อกันอย่างน้อย 2 – 7 วัน เนื่องจากความไวต่อสารกระตุ้นการระคายเคืองและการแพ้ในแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน จากนั้นให้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของผิว หากไม่ปรากฏอาการคัน แสบแดง แห้งลอก หรือผิวอักเสบ ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทั่วทั้งใบหน้าได้ สำหรับผู้ที่มีประวัติเป็นสิวง่ายมากๆ ควรเพิ่มขั้นตอนโดยการทาครีมที่คอเพียงเล็กน้อยนาน 1 สัปดาห์ก่อนที่จะทาทั้งใบหน้า การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าครีมไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน เกิดอาการแพ้ หรือมีสิวขึ้น

2. ทาแรงเกินไป
บ่อยครั้งที่เราต้องการเน้นการบำรุงในบางบริเวณจึงให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ แต่การทาซ้ำๆหรือทาแรงเกินไปอาจเป็นการขัดผิวแทนที่จะเติมความชุ่มชื้น การทามอยส์เจอไรเซอร์จะมีประสิทธิผลมากที่สุดตอนที่ผิวของคุณมีความชื้น เพราะผิวที่ชื้นจะดูดซึมและกักเก็บความชื้นได้นานขึ้น ดังนั้นถ้าอยากเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด ให้ทา มอยเจอร์ไรเซอร์ ทันทีหลังทำความสะอาด แต่ต้องทาก่อนที่ผิวจะแห้งสนิทเพื่อให้ผิวได้ซึมซาบรับประโยชน์อย่างเต็มที่

3. ทาผลิตภัณฑ์ผิดลำดับขั้นตอน
การใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกลำดับชั้นตอนจะช่วยให้ผิวได้รับประโยชน์สูงสุด ควรเริ่มทาผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเบาที่สุดก่อน แล้วค่อยไล่ระดับไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความหนาที่สุด ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีสิวและกำลังอยู่ในช่วงใช้ยาแต้มสิว ให้คุณเริ่มจากการล้างหน้า ทายารักษาสิว และทา มอยเจอร์ไรเซอร์ ที่มีส่วนผสมของครีมกันแดด หรือถ้าคุณใช้เซรั่ม คุณก็ควรใช้คลีนเซอร์เป็นอันดับแรก แล้วค่อยใช้เซรั่ม และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของครีมกันแดดตามลำดับ

4. เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวด้วยการสครับผิวบ่อยกว่าทาครีม
การสครับผิวเป็นการเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวแบบเร่งด่วน และเป็นตัวช่วยให้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ซึมสู่ผิวได้ดี แต่จริงๆ แล้วเราต้องพิจารณาสภาพผิวด้วย หากผิวเราหมองคล้ำลง อาจไม่ได้มาจากเซลล์ผิวเก่าหนาเกินไปก็ได้ แต่เป็นเพราะปัญหาผิวขาดน้ำ และการสครับผิวก็ยิ่งทำให้ผิวแห้ง ระคายเคืองได้ง่าย และยังเป็นการทำร้ายเกราะป้องกันผิวได้ด้วย ดังนั้นหากพบว่า ผิวหมองคล้ำขึ้น แทนที่จะสครับผิวบ่อยๆ ลองหันมาโฟกัสเรื่องความชุ่มชื้นของผิวจะดีกว่าค่ะ

5. โบกมอยส์เจอร์หนา ๆ ไม่ใช่ทางแก้ผิวแห้งที่ถูกต้อง
บางคนเจอกับปัญหาริ้วรอย แห้งตึงหลังล้างหน้าก็ชอบคิดว่าผิวหน้าชุ่มชื้นพอแล้ว แต่ผลคือยิ่งโบกหนาเข้าไปทำให้เกิดปัญหาสิวอุดตันไปอีก เพราะว่าผิวสามารถดูดซึมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้แค่ระดับนึง ที่เหลือก็จะผลักออกมากลายเป็นความมันส่วนเกิน ดังนั้นถ้าเจอกับปัญหาผิวมีริ้วรอย หรือรู้สึกแห้งตึง ควรเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีปริมาณสารบำรุงเหมาะสมกับผิวเพื่อแก้ให้ตรงจุดจะดีกว่า

สาว ๆ ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ หลังทำความสะอาดผิวหรืออาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ นะคะ เนื่องจากเป็นช่วงที่สารจะซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิวหน้าให้เห็นผลได้ดียิ่งขึ้น จะช่วยให้ผิวหน้านุ่มชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิวได้มากขึ้น จนสาว ๆ ลืมผิวแห้งลอกไปเลยค่ะ DooDiDo แนะนำอีกอย่างว่าอย่าลืมดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อสุขภาพผิวที่ดีกันด้วยนะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://aquaplus.co.th, www.bumrungrad.com