5 วิธีการสอนลูกเวลาดื้อ ไม่ค่อยฟัง พ่อแม่ควรจะทำยังไง?
บางอย่างก็ต้องปล่อยให้ลูกลองผิดลองถูกเอง และหัดให้ลูกยอมรับผิดให้เป็น
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนต่างคาดหวังให้ลูกเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ แต่จริงๆ แล้วเด็กที่เรามองว่าดื้อ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเด็กนิสัยไม่ดีไปเสียหมด บางครั้งลูกแค่เป็นเด็กที่ต้องการอิสระ ต้องการแสดงออกในแบบของตัวเอง และมีความคิดของตัวเอง ถ้าเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ขอให้คุณแม่ลองให้โอกาสลูกได้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำบ้าง ถึงแม้ว่าเราจะรู้อยู่แล้วว่าลูกตัดสินใจผิด แต่ให้เขาค้นพบว่าเขาผิดด้วยตัวเอง
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กดื้อ เพราะลูกไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงห้ามไม่ให้เขาทำนั่น ทำนี่ ถ้าคุณแม่มัวแต่ออกคำสั่งห้ามอย่างเดียว โดยไม่อธิบายเหตุผลให้ลูกเข้าใจ เด็กหลายๆ คนเลยเกิดอาการดื้อต่อต้านไม่ยอมทำตามคำสั่งคุณแม่ท่าเดียว เวลาอยากให้ลูกทำอะไร ลองพูดกับเขาดีๆ แล้วอธิบายเหตุผลของสิ่งนั้นด้วย เช่น ทะเลาะกับน้องแย่งของเล่นกัน ถ้าพี่ผลักน้องแรงๆ คุณแม่ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดีอย่างไร ทำให้เกิดผลอะไรตามมา ถ้าเป็นตัวเขาเองแล้วน้องมาผลัก เขาก็ต้องไม่ชอบใจเหมือนกัน
ข้อแรก เด็กไม่ได้รับความสนใจเมื่อทำตัวดี
อย่างที่บอกไปข้างต้น ว่าโดยทั่วไปเด็กต้องการความรัก ความใส่ใจ คำพูดดีๆ จากจากพ่อแม่ แต่หากเด็กทำตัวดี เชื่อฟังว่านอนสอนง่ายมาเรื่อยๆ แล้วพ่อแม่กลับทำเฉยไม่สนใจ เหมือนมองไม่เห็นการทำดีนั้น
พอมาวันหนึ่ง ด้วยเหตุอะไรก็ตามเด็กบังเอิญได้ทำตัวไม่ดี ดื้อไม่เชื่อฟัง อาละวาด โวยวายขึ้นมาสักครั้งสองครั้ง พ่อแม่รีบเข้ามาสนใจ ให้ความสำคัญ เห็นเป็นเรื่องใหญ่และบางทียังได้ของที่อยากได้ (ที่เวลาพูดขอดีๆ กลับไม่ได้)
เพื่อเป็นการตัดรำคาญหรือติดสินบนให้หยุดดื้อ หยุดโวยวาย อาละวาด เอาแต่ใจหากเป็นแบบนี้ เด็กจะเรียนรู้ที่จะทำตัวไม่ดีเวลาอยากได้ความสนใจหรือเวลาอยากได้อะไรจากผู้ใหญ่
วิธีแก้ : พ่อแม่ให้ “ความสนใจทางบวก” เวลาลูกทำตัวดี ให้เป็นคำชม ยิ้มให้ลูก พยักหน้าแสดงความสนใจ แสดงท่ารับรู้ ลูบศีรษะ กอด ฯลฯ ทำเช่นนี้บ่อยๆ ทุกครั้งที่ลูกทำตัวดีการให้ความสนใจทางบวกกับลูกอย่างสม่ำเสมอ เป็นเสมือนการเติมพลังใจ สร้างแรงจูงใจในการทำตัวดีให้กับลูกเป็นการแสดงออกให้ลูกรู้ว่าคุณรับรู้คุณค่าในตัวเขา ตอบสนองความต้องการของลูกที่อยากได้การยอมรับความรักความสนใจจากพ่อแม่และผู้ใหญ่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความต้องการพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องการ
ข้อสอง ลูกไม่ได้รับการสอนว่าพฤติกรร มที่ดีคืออะไร
บางบ้านไม่สอนอะไรว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ไม่มีการกำหนดขอบเขตพฤติกรร มที่ควรและไม่ควรทำในครอบครัว
วิธีแก้ : สั่งสอนลูก ชี้แนะให้รู้จักขอบเขตที่ชัดเจนของพฤติกรร มที่ทำได้และทำไม่ได้
ตัวอย่างในการสอนลูก เวลาเห็นลูกทำตัวไม่เหมาะสมในเรื่องใดก็ตาม ควรพูดเตือนทันที อย่าปล่อยผ่านไป โดยให้พูดบอก “สั้นๆ ง่ายๆ” ใช้น้ำเสียง สีหน้ากลาง ๆ ไม่ใช้อารมณ์ แต่ท่าทางเอาจริงลองฝึกพูดกับหน้ากระจกดูก่อนก็ได้ว่าหน้าตาท่าทางเราดูคุกคามลูกเกินไปมั๊ยหรือน้ำเสียงเราอ่อน ขาดความเด็ดขาดตัองบาลานซ์ให้พูดกับลูกสาววัย 4 ขวบ ที่กำลังแ ย่ ง ของเล่นจากพี่ชายวัย 6 ขวบ ว่า “หนูไม่ แ ย่ ง ของจากมือพี่ หนูขอพี่แล้วรอให้พี่ส่งของให้ค่ะ” เมื่อลูกเอาเท้ายกขึ้นมาบนโต๊ะตอนกินอาหาร ให้พูดกับลูกว่า “โต๊ะไว้วางอาหาร ลูกเอาเท้าวางบนพื้นค่ะ”
ข้อสาม ลูกเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมจากพ่อแม่ และเกิดการเลียนแบบ
วิธีแก้ : เตือนตัวเองว่าลูกจำ และเรียนรู้จากเรา เราต้องเป็นต้นแบบของพฤติกรร มที่เหมาะสมให้กับลูก
ข้อสี่ ลูกโกรธ เศร้า หรือกังวล
เวลาเด็กมีความรู้สึกลบๆ พวกเขามักจะระบายอารมณ์ ออกมาเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ดื้อ ต่ อ ต้ า น ก้าวร้ าว ทำ ร้ า ย คนอื่น ทำ ล า ย ข้าวของ
วิธีแก้ : ก่อนที่จะพูดตำหนิหรือไม่พอใจลูก ให้ลองพิจารณาว่าช่วงนี้ ลูกมีอารมณ์และการแสดงออกด้านอื่นที่เปลี่ยนไปจากเดิมด้วยหรือไม่ เช่น เงียบลง ดูหงอยๆ แยกตัว ไม่ร่าเริง กินน้อย นอนยาก ร้องไห้ง่ายกว่าเดิม หงุดหงิดง่าย ขี้โมโหกว่าเดิมถ้าพ่อแม่สังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ให้ลองคุยกับลูกว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ลองถามดูว่าที่โรงเรียนเป็นยังไง ทั้งเรื่องครู เรื่องเพื่อน เรื่องการเรียนถามไถ่ชีวิตลูก จะได้รู้สาเหตุที่ทำให้ลูกมีอารมณ์และการแสดงออกที่ผิดไปจากเดิม อาจจะช่วยชี้แนะลูกถ้าช่วยได้
ข้อห้า พื้นอารมณ์ของลูก
เด็กบางคนเป็นเด็กที่มีพื้น อารมณ์อ่อนไหว หงุดหงิดง่าย ปรับตัวยาก มีความคิดและอารมณ์ค่อนไปทางลบ เด็กกลุ่มนี้มักจะแสดงท่าที ต่อต้าน ไม่ร่วมมือกับคนอื่นอยู่บ่อยๆ มีความคับข้องใจง่ายจะแสดงพฤติกรร มถดถอย ทำตัวไม่สมวัย
วิธีแก้ : พ่อแม่ควรทำความเข้าใจ ในเรื่องพื้นอารมณ์ของเด็ก และตอบสนองลูกให้เหมาะกับพื้นอารมณ์ของเค้า จะช่วยลดความคับข้องใจของลูกลงไปได้ ช่วยให้ลูกปรับตัวกับสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบถึง 5 สาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูก มีพฤติกรร มดื้อ ต่อต้ าน ไม่เชื่อฟังแล้ว DooDiDo แนะนำว่าลองนำไปใช้สังเกตลูกดูว่าเป็นแบบนี้หรือไม่ หากพบว่าใช่ ควรรีบปรับพฤติกรรมตัวเอง เน้นที่พ่อแม่ปรับพฤติกรร มของตัวเองที่กระทำต่อลูก จะพบว่าลูกร่วมมือกับพ่อแม่มากขึ้น ต่อต้านลดลง ให้ค่อยๆ ปรับตัวเองและ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่หากลูกยังมีพฤติกรรมดื้อ ต่อต้านเช่นเดิม แนะนำว่าควรปรึกษากุมารแพทย์ หรือ จิตแพทย์เด็กเพื่อประเมินสภาวะอารมณ์ จิตใจ ความคิด และการปรับตัวของลูก เพื่อได้รับการดูแลช่วยเหลือให้ตรงสาเหตุต่อไป
ขอบคุณแหล่งที่มา: https://verrysmilejung.com