5 ความลับของน้องเหมียว ที่ทาสแมวอาจไม่เคยรู้มาก่อน

WM

นอกจากความน่ารักแล้ว น้องแมวก็ยังมีความลับอันน่ามหัศจรรย์ต่างๆ มากมายอยู่ในอวัยวะต่างๆ

สำหรับทาสแมวอย่างเรา คงต้องยอมรับเลยว่าน้องแมวที่บ้านนั้นน่ารักแบบสุด ๆ ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ดูน่ารักน่าฟัดไปหมด คุณเคยรู้ไหมคะว่าแมวนั้นมีความสามารถพิเศษมากมาย เมื่อเทียบกับสุนัขหรือสัตว์อื่น ๆ ที่เราเลี้ยงแล้วถือว่าความสามารถนั้นไม่ธรรมดาเลยค่ะ แมวเป็นสัตว์ที่มีความสามารถพิเศษอันสุดแสนแปลกประหลาด ซึ่งวันนี้เราจะพาทาสแมวมาดูความลับสุดพิเศษของเจ้านายเรา ที่ทาสแมวอย่างเราอาจไม่เคยรู้มาก่อน

แมว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Felis catus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ ตั้งแต่เมื่อประมาณ 9,500 ปีก่อน แต่ถึงแม้ว่ามนุษย์และแมวจะรู้จักกันมาตั้งแต่อดีตกาล ก็ยังมีความพิเศษ ลึกลับ และซับซ้อนอีกมากมายเกี่ยวกับ “ร่างกายแมว” ที่ทาสแมวหลายคนอาจไม่เคยรู้ ได้รวบรวมข้อมูลบางส่วนมาฝากกันค่ะ หากพูดถึงน้องแมวแล้วเชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงความน่ารักไม่เหมือนใครจนทำเอาใครต่อใครหลายคนตกหลุมรักจนกลายเป็นทาสแมวกันโดย ไม่รู้ตัว แต่นอกจากความน่ารักแล้ว น้องแมวก็ยังมีความลับอันน่ามหัศจรรย์ต่างๆ มากมายอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งจะมีความพิเศษอะไรบ้างนั้น เราขอเผยเรื่องน่ารู้ของแมวและความลับของส่วนต่าง ๆ กันตามนี้เลย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@michaelsum1228

1.แมวไม่มี “กระดูกไหปลาร้า”
กระดูกไหปลาร้า คือ กระดูกส่วนที่เชื่อมต่อกระดูกหน้าอกส่วนบนไปยังกระดูกหัวไหล่ ทำให้สรีระร่างกายของช่วงอกผายออกหรือช่วงขาหน้าถ่างออก ซึ่งสำหรับแมวที่ไม่มีกระดูกปลาร้า หรือกระดูกไหปลาร้าถูกลดรูปไปตามธรรมชาตินั้น กลับกลายมาเป็นข้อดีที่ทำให้เจ้าแมวสามารถมุดผ่านช่องว่างขนาดเล็กเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่หัวของมันสามารถผ่านได้ อีกทั้งการที่ขาลู่แนบไปกับลำตัว ยังช่วยลดแรงต้านในอากาศทำให้สามารถวิ่งและเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การที่แมวที่ไม่มีกระดูกปลาร้ายังเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้แมวสามารถกลับตัวในอากาศเวลาตกจากที่สูงได้อีกด้วย

2.“หนวดแมว” เรดาร์พิเศษที่ใช้รับความรู้สึก และวัดขนาดพื้นที่
หนวดแมว มีลักษณะหนาและแข็งแรง (Vibrissae หรือ Tactile hairs) เป็นอวัยวะพิเศษที่ใช้รับความรู้สึก (Sensory Receptor) และ สำรวจสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว รวมถึงตรวจจับการเคลื่อนไหวของเหยื่อได้แม้ในที่มืด นอกจากนี้ ยังเปรียบเสมือนเรดาร์วัดความแคบ-กว้าง และ ความสูงของพื้นที่ โดยทั่วไปหนวดแมวจะมีความยาวเท่ากับความกว้างของลำตัว เมื่อเวลาที่ต้องผ่านช่องแคบ ๆ แมวจะเอาหัวมุดเข้ามุดออก เพื่อเช็คขนาดและกะระยะก่อนมุดผ่านเข้าไป ซึ่งถ้าหากว่าแมวสูญเสียหนวดไป ก็จะทำให้แมวหมดความมั่นใจ การตอบสนองช้าลง และ ใช้ชีวิตได้ไม่ปกติเช่นเดิม

3.“อึแมว” มีผลต่อความกล้าได้กล้าเสียของมนุษย์
งานวิจัยในวารสารของราชสมาคมกรุงลอนดอนฉบับบี (Proceedings of the Royal Society B ) เปิดเผยว่า นักธุรกิจมืออาชีพมีโอกาสจะตัดสินใจลงทุน หรือเริ่มก่อตั้งกิจการใหม่ได้มากกว่า หากเป็นผู้ที่มีเชื้อโปรโตซัวท็อกโซพลาสมากอนดี (Toxoplasma gondii) ในร่างกาย ซึ่งเชื้อดังกล่าวเป็นเชื้อปรสิต Tosoplasma gondii ที่สามารถพบได้บ่อยในตัวแมว และสามารถส่งผ่านออกมาทางอุจจาระของแมวได้ นอกจากนี้ งานวิจัยยังระบุอีกว่า ผู้ที่ติดเชื้อบางคนอาจมีอาการหุนหันพลันแล่น และมีแนวโน้มที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนตร์มากกว่าคนที่ไม่ติดเชื้อได้มากกว่า 3-4 เท่า และเชื้อตัวนี้อาจเชื่อมโยงกับโรคจิตเภทบางอย่าง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้มนุษย์ยอมตกเป็นทาส และคลุกคลีอยู่กับแมวตลอดวันแบบไม่มีเบื่อด้วยก็ได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/jonathansautter-1125250/

4.ยิ่งเจอแสงแดด “แมวยิ่งลูกดก”
แมวเพศเมียจะเริ่มแสดงอาการเป็นสัดเมื่ออายุประมาณ 4-10 เดือน ซึ่งช่วงเวลาการเป็นสัดของแมวจะขึ้นอยู่กับฤดูกาล (seasonally polyestrous) หมายความว่า แสงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบฮอร์โมนเพศในแมว โดยกำลังแสงที่เพียงพอและยาวนานกว่า 14 ชั่วโมงต่อวัน จะมีผลต่อต่อมไพเนียลภายในสมองที่จะทำให้หลั่งสารเมลาโตนินลดลง จนกระตุ้นกระบวนการสร้างฮอร์โมนเพศและกระตุ้นให้แมวเป็นสัด สำหรับเมืองร้อนอย่างบ้านเราที่มีตั้งแต่ร้อนน้อย ร้อนปานกลาง และร้อนมาก แมวจึงมีโอกาสแสดงสัดได้ตลอดปี หง่าวกันบ่อย ๆ และมีลูกดกกว่าประเทศในเขตเมืองหนาว

5.แมวมี “นิ้วเท้า” ขาหน้า-ขาหลังไม่เท่ากัน
อุ้งเท้าแมวคู่หน้าจะมี 5 นิ้ว ส่วนเท้าคู่หลังมี 4 นิ้ว แต่ละนิ้วจะมีเล็บที่เป็นโปรตีนเคราตินเช่นเดียวกับมนุษย์ ใช้ทำหน้าที่ในการยึดเกาะและดักจับเหยื่อ โดยสภาวะปกติกล้ามเนื้อบริเวณเล็บจะดึงเล็บหดเข้าไป แต่เมื่อต้องการดักจับเหยื่อ หยิบ จับ เล่น โกรธ หรือเวลาต้องการลับเล็บ กล้ามเนื้อที่นิ้วจะยืด ทำให้นิ้วกางออก ซึ่งอาจจะกางเฉพาะเพียงขาหน้าก็ได้ แต่ถ้าหากจะปีนต้นไม้ แมวจะกางเล็บออกทั้ง 4 ขา เพื่อช่วยให้ร่างกายสมดุล

น้องแมวสุดน่ารักที่ใครเห็นต่างก็หลงใหลในความอินดี้นี้ มีความพิเศษที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน จากข้อมูลเบื้องต้นที่ ได้นำมาฝากทาสแมวในวันนี้ จะเห็นได้ว่า อวัยวะทุกส่วนของแมว ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นทั้งสิ้นสำหรับการดำรงชีวิตของแมวค่ะ DooDiDo การดูแลเน้องแมวให้มีสุขภาพดีและร่างกายแข็งแรงจึงจำเป็นมากสำหรับเจ้าของ อย่าลืมดูแลน้องแมวด้วยความรัก เพื่อให้น้องมีสุขภาพกายและใจที่ดี ให้เค้ามีความสุขเพื่ออยู่กับเราไปนาน ๆ นะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.purina.co.th, www.baanlaesuan.com