เปิดตำนานนาคานคร เมืองพญานาค ของจังหวัดหนองคาย และบึงกาฬ

เรื่องลึกลับ

ว่ากันว่าบริเวณ จังหวัดหนองคาย และจังหวัดบึงกาฬ เคยเป็น “นาคานคร” หรือ “เมืองพญานาค”

เทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาค ยังคงเป็นหนึ่งในเทศกาลท่องเที่ยวช่วงวันออกพรรษา ที่น่าสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเทศกาลนี้จะมีลูกไฟสีส้มอมแดงพุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำโขงในช่วงวันออกพรรษา ถึงแม้จะยังไม่มีข้อสรุปว่าบั้งไฟดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นด้วยฝีมือพญานาคจริงหรือไม่

แต่ในความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคนั้น ยังอยู่คู่กับคนในแถบลุ่มแม่น้ำโขงมาเป็นเวลาช้านาน บางคนอาจจะเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมบั้งไฟพญานาคจึงขึ้นให้เห็นมากที่สุดเฉพาะในจังหวัดหนองคาย และในจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งในอดีตนั้นเคยเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดหนองคาย เหตุผลหนึ่งนั่นก็เพราะมีความเชื่อกันว่า บริเวณนี้เป็น “นาคานคร” หรือ “เมืองพญานาค” นั่นเอง หนังสือ “หนองคายคมเลนส์” ได้มีการกล่าวถึงเรื่องของพญานาคไว้ว่า ตำนานศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูโบราณ ได้มีความเชื่อสืบเนื่องกันมานานหลายพันปีว่า

นาคานคร
ภาพจาก www.google.com

พญานาคนั้นเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์เบื้องบน เช่นที่ปราสาทเขาพระวิหาร ปราสาทหินพนมรุ้ง ที่สร้างเป็นบันไดพญานาคราช ซึ่งทอดตัวยาวเพื่อการรับมวลมนุษย์ไปสู่โลกแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับลัทธิพราหมณ์ที่มีความเชื่อว่าพญานาคนั้น

คือเทพเจ้าแห่งสายน้ำชาวอินเดียเป็นกลุ่มแรกที่รวมความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคเข้ากับพระพุทธศาสนา โดยการแทรกบทของทศชาดกและประวัติของพระพุทธเจ้าไว้หลายบท เช่น เชื่อกันว่าพระพุทธเจ้าพระองค์เคยเป็นพญานาคมาก่อนเช่นเดียวกับชาวเอเชียในเกือบทุกประเทศ

เชื่อกันว่างูและมังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจเหนือมนุษย์เช่นเดียวกับชาวอีสานของเรา เราเชื่อว่าพญานาคเป็นเจ้าแห่งยมโลก ให้กำเนิดน้ำโดยลูกไฟของชาวอีสานซึ่งสร้างในพิธีทำบุญทุก ๆ เดือนที่ 6 มักจะสร้างในรูปแบบและลายของพญานาคจนถึงจุดส่งขึ้นไปบอกพญาตันในสวรรค์

WM
ภาพจาก www.google.com

ช่วยกันนำ ท่ามกลางสายฝนและความเยือกเย็นของมนุษย์เชื่อกันว่าพญานาคเป็นงูขนาดใหญ่ที่มีหงอนสีทองอยู่บนหัว ตาสีแดง และมีเกล็ดคล้ายปลาทั่วตัว ตาชั่งมีหลายสีตามบารมี เช่น เขียว ดำ หรือบางตัวมีถึง 7 เกล็ด

คล้ายกับสีรุ้ง นอกจากนี้ พญานาคยังมีพิษ 64 ชนิดและต้องคายทุกๆ 15 วัน อื่นๆ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ ได้รับพิษจากงูเกือบทั้งหมดความเชื่อเรื่องพญานาคมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา

ในประวัติพระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ใต้ต้นแพร์ ๗ วัน ขณะฝนตกทั้งวัน และพญานาคชื่อมูคาลินมาเฝ้าพระองค์ด้วยพระวรกายขนาด ๗ รอบ ทรงกางกระโจมคลุมไว้เพื่อกันฝนและลมไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย เมื่อฝนหมด นาคมุชลินก็คลายกาย กลายเป็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ด้วยศรัทธา

บั้งไฟ
ภาพจาก www.google.com

จากตำนานดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก DooDiDo ในเวลาต่อมา โดยการสร้างเป็นรูปลักษณ์ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่บนตัวพญานาคที่แผ่พังพานราวกับเป็นผู้คุ้มครองพระศาสดานั่นเอง

แหล่งที่มา : MGRONLINE