เด็กฟันผุ เป็นปัญหามาจากการรวมตัวกันของแบคทีเรีย น้ำตาล และฟัน ในระยะเวลาหนึ่งจะทำให้เกิดฟันผุ เด็กฟันผุเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ที่อาจจะมาจากการไม่ดูแลสุขภาพช่องปากของลูก หรือการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง พ่อแม่บางคนอาจจะคิดว่าลูกยังเด็กมากคงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน แต่มารู้ตอนที่ลูกร้องไห้เพราะมีอาการปวด หรือพ่อแม่ที่มีปัญหาลูก2ขวบฟันผุ ทำไงดีหรือลูก3ขวบฟันผุ ทำไงดี ในบทความนี้เราจะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดฟันผุในเด็ก สาเหตุ อาการ การรักษาเด็กฟันผุ
ฟันผุ หมายถึงอะไร
ฟันผุ หมายถึง การทำลายของคราบฟันที่เกิดขึ้นในทำลายจากกระบวนการทางธรรมชาติในช่วงเวลาที่บริโภคอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลทำให้เกิดกระบวนการเคลือบของกรดที่ทำลายคราบฟัน จนเกิดรอยร้าวและทำให้เกิดรูบนผิวฟัน อาการของเด็กฟันผุมักเริ่มต้นด้วยรอยร้าวที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ทันตแพทย์สามารถตรวจพบได้ในการตรวจทางทันตกรรมหรือจากการรักษาฟัน ในระยะท้ายฟันผุสามารถทำให้เกิดอาการปวดเมื่อทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ร้อน หรือเย็น การรักษาเด็กฟันผุมักนำเสนอตัวเลือกต่างๆ ตามความรุ่นแรงของฟันผุ ซึ่งรวมถึงการใช้ยาฟลูออไรด์เพื่อเสริมความแข็งแรงของคราบฟัน การให้ฟันเทียม หรือการทำความสะอาดฟันโดยทันตแพทย์ และการรักษาด้วยตัวเอง เช่น การใช้ยาฟลูออไรด์ การล้างปากที่เหมาะสม และการลดการบริโภคอาหารหวาน สามารถช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการเจริญของฟันผุในระยะที่เป็นได้
อาการเด็กฟันผุ เริ่มตอนอายุกี่ขวบ
อาการของเด็กฟันผุสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็กเล็กๆ โดยส่วนใหญ่เริ่มแสดงอาการเมื่อเด็กมีอายุประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี หรือตอนที่ฟันน้องแรกของเด็กเริ่มเจริญขึ้น ฟันแรกที่เจริญเรียกว่าฟันน้ำตาล จะออกมาที่ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ฟันผุสามารถเกิดขึ้นในฟันน้ำตาลหรือฟันที่เจริญเพิ่มเติมต่อจากนั้น การเป็นเด็กฟันผุมีผลต่อการดูแลฟันและสุขภาพช่องปากทั้งหมดของเด็ก ดังนั้นการเริ่มดูแลและสร้างนิสัยดีในการดูแลสุขภาพช่องปากตั้งแต่เด็กยังเล็กจะมีผลที่ดีในระยะยาว
เกิดจากกระบวนการทำลายของคราบฟัน ซึ่งเป็นชั้นภายนอกของฟัน การป้องกันไม่ให้เด็กฟันผุควรให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลน้อย การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ การให้ฟลูออไรด์ และการรับการตรวจรักษาจากทันตแพทย์เป็นประจำ โดยมีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้เด็กฟันผุได้
- การบริโภคน้ำตาล: การบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงสามารถสร้างกรดที่ทำลายคราบฟันได้ น้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นกรดขณะเชื้อแบคทีเรียในปากสังเคราะห์น้ำตาลเป็นกรด ทำให้เกิดกระบวนการกระเวนกระบวนทำลายคราบฟันทำให้เด็กฟันผุ
- ไม่ดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเหมาะสม: การไม่รักษาสุขภาพช่องปากอย่างเหมาะสม เช่น การไม่แปรงฟัน การไม่ใช้ไหมขนหรือไหมพรม หรือการไม่ได้รับการตรวจรักษาทันตกรรมเป็นระยะเวลานาน ทำให้เด็กฟันผุมากขึ้น
- ไม่ได้รับฟลูออไรด์เพียงพอ: ฟลูออไรด์เป็นสารที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของคราบฟัน และมีความสามารถในการทำให้กระบวนการทำลายของกรดลดลง หากเด็กไม่ได้รับฟลูออไรด์เพียงพอก็อาจทำให้เด็กฟันผุได้
- การใช้น้ำหล่อเย็นหรือน้ำหล่อร้อนในขวด: การให้น้ำหล่อร้อนหรือน้ำหล่อเย็นในขวดหรือกระติกในระหว่างเล่นเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการทำลายของคราบฟันได้
- การกระทำของเชื้อแบคทีเรีย: เชื้อแบคทีเรียในปากสามารถแปรรูปน้ำตาลในอาหารเป็นกรดที่ทำลายคราบฟัน นอกจากนี้การเกิดการสะสมของคราบฟันรอบๆ คราบฟันที่มีการเกิดฟันผุย่อมเป็นสภาวะที่ทำให้กระบวนการทำลายคราบฟันเกิดขึ้นได้
อาการของเด็กฟันผุอาจแตกต่างกันไปตามระดับความรุ่นแรงของฟันผุและการเสียหายที่เกิดขึ้น ควรระวังและสังเกตอาการของเด็กโดยเฉพาะถ้ามีรอยร้าวหรือการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้บนฟัน เพื่อรีบนำเด็กฟันผุไปทันตกรรมเพื่อการตรวจและรักษาทันที ซึ่งจะช่วยป้องกันการเสียหายของฟันเพิ่มเติม อาการที่บอกถึงเด็กฟันผุมีดังนี้
- รอยร้าวที่เล็กหรือไม่เป็นที่เห็น: ในระยะแรกของเด็กฟันผุ รอยร้าวบนฟันอาจไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เด็กอาจไม่มีอาการที่น่าสังเกต
- ฟันมีจุดดำหรือเล็ก: เมื่อฟันผุเริ่มขึ้นฟันอาจเป็นจุดดำหรือเล็กที่สามารถมองเห็นได้
- รอยร้าวขนาดใหญ่: ในบางกรณีฟันผุที่เกิดขึ้นได้มีรอยร้าวที่ใหญ่ขึ้นและสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
- อาการปวด: เด็กฟันผุอาจมีอาการปวดเมื่อทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ร้อน หรือเย็น
- อาการเจ็บปวดเมื่อกัดขบ: เด็กฟันผุอาจรู้สึกเจ็บปวดเมื่อกัดขบ
- การร้องไห้หรือมีอาการไม่สบาย: เด็กอาจร้องไห้หรือมีอาการไม่สบายเมื่อเด็กฟันผุ
- ฟันเสียหาย: ในระยะท้ายของฟันผุ ฟันอาจมีการเสียหายที่มากขึ้นและอาจต้องการการรักษาจากทันตแพทย์
การรักษาเด็กฟันผุรักษายังไง
การรักษาเด็กฟันผุมักต้องพิจารณาตามระดับความรุ่นแรงของฟันผุและสภาพการเสียหาย ควรจำไว้ว่าการรักษาฟันผุในเด็กควรให้ความสำคัญกับการป้องกันและการดูแลป้องกันในระยะยาว เพื่อให้เด็กมีฟันแข็งแรงและสุขภาพดีตลอดชีวิต วิธีการรักษาเด็กฟันผุมีดังนี้
- การให้ยาฟลูออไรด์: การให้ยาฟลูออไรด์ เช่น ยาฟลูออไรด์ในรูปแบบเจลหรือยาหลอดที่ทันตแพทย์จะให้ในคลินิกทันตกรรม หรือสามารถซื้อได้ที่ร้านขายยา การให้ยาฟลูออไรด์ช่วยเสริมความแข็งแรงของคราบฟัน
- การทาน้ำตาลบนฟัน (Dental Sealants): การทาน้ำตาลบนฟันทานานเป็นวิธีที่จะช่วยป้องกันเด็กฟันผุ โดยการทาน้ำตาลนี้ทำให้ฟันแข็งแรงและป้องกันการเกิดคราบฟัน
- การรักษาด้วยตัวเอง: คำแนะนำให้เด็กให้เข้าใจถึงการแปรงฟันอย่างถูกต้อง 2 ครั้งต่อวันโดยใช้ยาสีหลอดที่มีฟลูออไรด์จะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กฟันผุ
- การทำความสะอาดโดยทันตแพทย์: ทันตแพทย์อาจทำการทำความสะอาดฟันเพื่อกำจัดคราบฟันและป้องกันการเจริญของฟันผุ
- การให้ยาสำหรับเสริมความแข็งแรง: ทันตแพทย์อาจสนับสนุนการให้ยาเสริมฟลูออไรด์ในรูปแบบของแลคตาโทสหรือเจลเฉพาะที่ใช้ในทาบริเวณฟันของเด็กฟันผุ
- การรับประทานอาหารที่มีฟลูออไรด์: ส่งเสริมการบริโภคอาหารที่มีฟลูออไรด์ เช่น ผักผลไม้ นม และปลา
- การตรวจเช็คและการดูแลเป็นประจำ: นำเด็กไปทำการตรวจเช็ครับการดูแลจากทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยในการระบุและรักษาเด็กฟันผุที่เกิดขึ้น
ทำอย่างไรเมื่อเด็กฟันผุเหลือแต่ตอ
ถ้าเด็กมีฟันผุเหลือแต่ตอที่ไม่ได้รับการรักษาทันทีหรือไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาทันตกรรมและสุขภาพช่องปากเพิ่มเติมได้ ข้อแนะนำเพื่อการดูแลเด็กฟันผุที่เหลือแต่ตอมีดังนี้
- พบทันตแพทย์ทันที: นำเด็กฟันผุไปพบทันตแพทย์เพื่อการตรวจรักษาและวางแผนการรักษาทันที ทันตแพทย์จะดูแลและรักษาฟันผุเหลือแต่ตอให้เหมาะสม
- การล้างฟันอย่างถูกต้อง: ให้เด็กแปรงฟันอย่างถูกต้อง 2 ครั้งต่อวันโดยใช้ยาสีหลอดที่มีฟลูออไรด์ นอกจากนี้การใช้ไหมขนหรือไหมพรมเพื่อทำความสะอาดระหว่างฟันและรอยร้าวย่อมเป็นประโยชน์
- ลดการบริโภคน้ำตาล: เด็กฟันผุให้ลดปริมาณการบริโภคอาหารหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เพื่อลดการกระตุ้นที่ทำให้เกิดกรดที่ทำลายฟัน
- การให้ฟลูออไรด์: ทันตแพทย์อาจแนะนำการให้ฟลูออไรด์เด็กฟันผุในรูปแบบของแลคตาโทสหรือเจลเฉพาะที่ใช้ในทาบรรยายฟัน
- การให้น้ำหล่อเย็น: หลีกเลี่ยงการให้น้ำหล่อเย็นหรือน้ำหล่อร้อนในขวดหรือกระติกนานเท่าที่จะเป็นไปได้
- การคัดกรองน้ำ: หากน้ำที่ใช้เป็นน้ำบรรจุขวดคัดกรองน้ำเพื่อลดปริมาณธาตุที่สามารถทำลายคราบฟัน
- การตรวจรักษาประจำ: นำเด็กฟันผุไปตรวจรักษาทันตกรรมประจำเพื่อติดตามและดูแลฟันเหลือแต่ตอ ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำและวางแผนการรักษาในระยะยาว
บทสรุป
เด็กๆ ชอบกินขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ความหวานเหล่านี้มักเกิดปัญหาเด็กฟันผุตามมา หากไม่มีการดูแล สังเกต หรือตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำอาจทำให้เด็กฟันผุได้ เพราะฉะนั้นหากพ่อแม่สังเกตว่าลูกปวดฟันหรือแสดงอาการเบื้องต้นให้ตรวจดูฟันของลูก หรือไปพบทันตแพทย์เพื่อการรักษาฟันที่ถูกต้อง จะเป็นการป้องกันอาการเด็กฟันผุไม่ให้รุนแรงมากขึ้นและรักษาได้ทัน
ขอบคุณภาพประกอบจาก :
ขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก :
- ncbi.nlm.nih.gov
- betterhealth.vic.gov.au
- listerine.co.uk