ลูกโดนบูลลี่ พ่อแม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างไร
ลูกโดนบูลลี่ ทำให้เก็บตัวไม่อยากเข้าสังคม อาจมีเหตุผลมาจากการกลั่นแกล้งทั้งทางกายและใจอย่างรุนแรง โดนบูลลี่จนเสียความมั่นใจ รู้สึกแย่จนทำให้สุขภาพจิตเสีย พ่อแม่ควรหมั่นดูแลและสังเกตพฤติกรรมลูกอย่างใกล้ชิด หากเห็นว่าลูกมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปและเข้าค่ายอาการที่ลูกโดนบูลลี่ ให้รีบหาความชัดเจนจากลูก หรือคนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยหาทางแก้ไขปัญหาลูกโดนบูลลี่
ลูกโดนบูลลี่ ทำอย่างไรดี
เมื่อเด็กเล่นด้วยกันอาจมีทะเลาะกันบ้าง แกล้งกันบ้างเป็นปกติ แต่ถ้าหากลูกถูกรังแกหรือการโดนทำร้ายทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการที่ลูกโดนบูลลี่ทางโซเชียลซึ่งมีอิทธิพลต่อการทำร้ายเด็กๆ ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดความรู้สึกแย่ มีอาการซึมลง เก็บตัว มีพฤติกรรมไม่ค่อยพูดถึงเพื่อน ไม่เล่าเรื่องที่โรงเรียน และไม่อยากเข้าสังคม อาจแสดงว่าลูกโดนบูลลี่ เมื่อพ่อแม่สังเกตแล้วพบพฤติกรรมของลูกที่เปลี่ยนไปให้รีบหาข้อมูลโดยการถามลูก คุยกับครู หรือพ่อแม่อีกฝ่าย และหาวิธีแก้ปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนร่วมกับคุณครู เพื่อช่วยหาทางแก้ไขหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาลูกโดนบูลลี่ได้อย่างตรงจุด
ความหมายของคำว่า บูลลี่
“บูลลี่” (Bully) เป็นคำภาษาอังกฤษที่ใช้เพื่ออธิบายการทำร้ายหรือการก่อกวนผู้อื่นในลักษณะที่มีความกลัวหรืออาจทำให้เกิดความเสียหายทางร่างกายหรือจิตใจได้ การบูลลี่ส่วนใหญ่เกิดในบริบททางสังคม เช่น ที่โรงเรียน ที่ทำงาน หรือในที่อาศัย บูลลี่สามารถเกิดในรูปแบบต่างๆ เช่น การแทรกแซง การกล่าวหา การล้อเลียน การข่มขู่ หรือการใช้ความรุนแรงทางร่างกาย เป้าหมายของการบูลลี่อาจเป็นคนเดียวหรือกลุ่มคน และมักมีผลกระทบทางจิตใจและทางร่างกายต่อผู้ถูกบูลลี่ได้ สังคมหลายแห่งมีการเรียกร้องให้สนับสนุนและป้องกันการบูลลี่ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเชื่อมั่นสำหรับทุกคนในสังคมที่ต่างกันไป
พ่อแม่ช่วยลูกเมื่อถูกกลั่นแกล้งได้อย่างไร
การช่วยเหลือเมื่อลูกโดนบูลลี่ต้องทำอย่างรอบคอบและมีความสงบเสงี่ยม ทำให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่อยู่ข้างเคียงและยินดีช่วยเหลือ สามารถช่วยสร้างพื้นที่ที่ลูกสามารถรับรู้ถึงความรักและความสนใจ ถ้าลูกโดนบูลลี่สามารถดำเนินการดังนี้เพื่อช่วยเหลือลูก
- ฟังและเข้าใจ: ฟังความรู้สึกของลูกเมื่อลูกโดนบูลลี่อย่างจริงจังและเข้าใจสถานการณ์ โปรดไม่ทำลายความรู้สึกของลูกหรือไม่ตัดสินใจให้ลูกทำตามที่คิดว่าถูกต้อง
- พูดคุยกับลูก: ถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมลูกโดนบูลลี่ หากลูกไม่สะดวกพูดออกมาให้เวลาลูกเพื่อรักษาการสนทนาเอาไว้
- สร้างระบบสนับสนุน: สร้างระบบสนับสนุนทั้งในบ้านและที่โรงเรียน การมีพื้นที่ที่ลูกไว้ใจและรู้สึกปลอดภัยมีผลดีต่อการจัดการสถานการณ์
- ติดต่อกับโรงเรียน: หากลูกโดนบูลลี่ที่โรงเรียน ติดต่อครูหรือเจ้าหน้าที่โรงเรียนเพื่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ
- ส่งเสริมทักษะสังคม: ช่วยลูกพัฒนาทักษะสังคมเพื่อให้ลูกมีความมั่นใจและสามารถเข้าไปในกลุ่มได้ง่ายขึ้น
- แสวงหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ: หากลูกโดนบูลลี่ต้องการความช่วยเหลือมากขึ้นอาจต้องพบคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาหรือนักจิตวิทยาเด็ก
- สนับสนุนจากเพื่อน: สนับสนุนลูกให้ค้นหาเพื่อนที่รู้จักและที่พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิด
- ความช่วยเหลือทางการแพทย์: หากลูกโดนบูลลี่แสดงอาการทางจิตเวชหรือต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์ ควรพบแพทย์หรือนักจิตวิทยา
การตอกกลับ คือการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก หรือความต้องการอย่างชัดเจน โดยไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งต่อคนอื่นๆ หากลูกต้องเผชิญกับบูลลี่ การตอกกลับอาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการ โดยสามารถทำได้ด้วยการให้สัญญาณและแสดงท่าทีชัดเจนเพื่อแสดงว่ามีความคิดเห็นและต้องการให้หยุดพฤติกรรมบูลลี่ โดยใช้ภาษาที่ไม่รุนแรงหรือเจตนาทำให้เกิดความเป็นศัตรู ถ้าหากลูกโดนบูลลี่โรงเรียนสามารถร้องเรียนที่โรงเรียนตามกฎได้ และสอนลูกถึงการยับยั้งการแสดงความไม่พอใจและแสดงถึงความไม่สนใจเมื่อลูกโดนบูลลี่ การตอกกลับต้องระมัดระวังและไม่ควรทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น การใช้การตอกกลับเป็นวิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเมื่อใช้ในบทบาทของการจัดการอย่างสมดุล หากลูกโดนบูลลี่เป็นเรื่องรุนแรงหรือไม่สามารถจัดการได้ให้พ่อแม่ติดต่อผู้ให้ความช่วยเหลือ เช่น ครู ผู้ปกครอง หรือคนที่เกี่ยวข้อง
บทสรุป
หากลูกถูกบูลลี่พ่อแม่อย่าพึ่งตื่นตกใจ ให้รับฟังด้วยความสงบและสร้างความมั่นใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะพ่อแม่บางคนไม่แน่ใจว่าจะเริ่มช่วยปกป้องลูกโดนบูลลี่ได้อย่างไร เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจและสนับสนุนให้ลูกๆ ใช้เวลากับเพื่อนที่มีอิทธิพลเชิงบวก การเข้าร่วมชมรม กีฬา หรือกิจกรรมที่สนุกสนานอื่นๆ ที่สร้างความเข้มแข็งและมิตรภาพ
ขอบคุณภาพประกอบจาก :
- pexels.com
ขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก :
- unicef.org
- anti-bullyingalliance.org.uk
- kidshealth.org