ลูกโกหกเพื่อเลี่ยงความผิด พ่อแม่ต้องหาเหตุผลและช่วยแก้ไข

ลูกโกหก

Headshot of real little boy getting his nose longer like pinocchio and acting surprised

ลูกโกหก เป็นพฤติกรรมที่หลีกเลี่ยงการถูกกล่าวโทษเพื่อรักษาประโยชน์ของตัวเองไว้ อาจจะกลัวโดนพ่อแม่ดุ หรือกลัวถูกตี มักพบเด็กโกหกในช่วงอายุ 5-8 ปี ระดับความรุนแรงของพฤติกรรมการโกหกจะแตกต่างกันไปตามวัย หากปล่อยให้ลูกโกหกเป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดผลเสียต่อตัวเด็กและคนรอบข้างได้ ในบทความนี้จะมาแนะนำข้อมูลพฤติกรรม การโกหก และวิธีแก้ไข รวมถึงเหตุผลและวิธีทำให้ลูกโกหกสามารถรับความจริงได้

ลูกโกหก

ลูกโกหก มักมีพฤติกรรมอย่างไร

พฤติกรรมการโกหก คือการให้ข้อมูลหรือข้อความที่ไม่เป็นจริงหรือเต็มความจริง เพื่อการผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ การโกหกมีลักษณะสังคมต่างๆ โดยอาจมีหลายระดับความรุนแรง หรือเกิดขึ้นในบริบทและสถานการณ์ต่างๆ โดยมีเหตุผลหลายประการ เช่น ความกลัวจากการโดนลงโทษ ความต้องการหรือความปรารถนาในการได้รับประโยชน์ส่วนตัว การจัดการกับพฤติกรรมลูกโกหกอาจต้องพิจารณาเหตุผลและบริบทที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถสนับสนุนในการแก้ไขพฤติกรรมลูกโกหกได้อย่างเหมาะสม

เหตุผลที่ลูกชอบโกหก

การที่ลูกโกหกขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ลูกเจอและประสบการณ์ที่ได้รับ การสนับสนุนและสอนให้ลูกเข้าใจค่าความจริงและผลของการที่ลูกโกหกสามารถช่วยลดการโกหกได้ในบางกรณี การสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างสำหรับการสนทนาและการเปิดเผยความจริงสามารถช่วยลูกเรียนรู้ว่าการพูดความจริงสำคัญอย่างไรและมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของพวกเขา การทำให้เข้าใจว่าทำไมบางครั้งลูกโกหกนั้นซับซ้อนและมีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดเช่นนี้ ต่อไปนี้คือบางเหตุผลที่อาจทำให้ลูกโกหก

  • การเรียนรู้จากสภาพแวดล้อม: บางคนอาจพบว่าการโกหกทำให้ได้รับประโยชน์หรือป้องกันตัวจากการโดนลงโทษ ในบางกรณีความไม่พึงพอใจหรือลำเอียงเมื่อบอกความจริง ก็ทำให้ลูกโกหกเพื่อลดความเสี่ยงนั้นลง
  • ความกลัวหรือเกรงขาด: ลูกโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับลงโทษหรือการสับสน หากพวกเขามีความกลัวที่การพูดความจริงจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์หรือสถานการณ์บางประการ
  • ความต้องการรับรู้: บางครั้งลูกอาจพบความพึงพอใจในที่ลูกโกหกเพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเองหรือสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของผู้อื่น
  • การแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว: ลูกโกหกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น การทำให้ได้รับประโยชน์ทางการเงิน การเลื่อนตำแหน่ง หรือการทำให้ผู้อื่นชื่นชม
  • ความผิดสังคม: วัฒนธรรมหรือสังคมในที่ต่างๆ อาจมีการปกป้องหรือยกย่องการโกหกในบางกรณี ทำให้ลูกมีแนวโน้มที่จะโกหกมากขึ้น

พฤติกรรมการโกหกของเด็กแต่ละวัย

พฤติกรรมลูกโกหกมีความแตกต่างตามวัย โปรไฟล์พฤติกรรมลูกโกหกเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการพัฒนาทางสติปัญญาและสังคมของเด็ก การทำความเข้าใจถึงลักษณะการโกหกของเด็กในแต่ละวัยจะช่วยผู้ปกครองและครูในการตอบรับและสอนให้เห็นคุณค่าของความจริงและความซื่อสัตย์ การสนับสนุนการพัฒนาทางสังคมและสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างสำหรับการสนทนาสามารถช่วยลดพฤติกรรมลูกโกหกที่ไม่พึงประสงค์ได้ ต่อไปนี้คือลักษณะพฤติกรรมการโกหกของเด็กในแต่ละวัย

  • วัยเด็กต่ำกว่า 5 ขวบ: การที่ลูกโกหกในวัยนี้มักเกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์และจินตนาการ ทำให้บางครั้งลูกโกหกเพื่อสร้างเรื่องราวหรือเพื่อจัดการกับความไม่พอใจในทางทางอารมณ์ การไม่เข้าใจความจริงทางสังคมและมีทัศนคติที่ไม่แน่ใจ
  • วัยเรียนหนังสือ (6-12 ขวบ): เด็กรุ่นนี้เริ่มเรียนรู้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น การที่ลูกโกหกอาจมีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการปกปิดความผิดพลาดหรือความไม่สบายใจ ปละเพื่อหลีกเลี่ยงลงโทษหรือการขอรับความช่วยเหลือ
  • วัยรุ่น (13-18 ขวบ): การโกหกในวัยรุ่นมักมีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาอัตลักษณ์และการปรับตัวในสังคม หรือในกรณีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความสำคัญทางเพศ การเล่นเสพยา หรือกรณีที่คาดหวังไม่เข้าใจ
  • วัยผู้ใหญ่ (18 ขวบขึ้นไป): การโกหกในวัยผู้ใหญ่มักมีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมสถานการณ์หรือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของผู้อื่น ในบางครั้งสามารถเกิดขึ้นเพื่อปกปิดสิ่งที่เป็นที่รังเกียจหรือสร้างภาพที่ดีขึ้น

วิธีการแก้ไขพฤติกรรมการโกหก

การแก้ไขพฤติกรรมลูกโกหกไม่ใช่เรื่องที่ง่ายและมีวิธีที่เดียว มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ลูกโกหก ดังนั้นการแก้ไขนั้นควรเน้นไปที่การเข้าใจและสนับสนุนการพัฒนาทางสังคมและความซื่อสัตย์ของลูกของคุณ ต่อไปนี้คือบางวิธีที่สามารถใช้เพื่อช่วยลูกเรียนรู้และเปลี่ยนพฤติกรรมการโกหก

  • สร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง: ทำให้ลูกรู้สึกสบายและปลอดภัยในการพูดความจริงโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการโดนลงโทษหรือสับสน เปิดโอกาสให้ลูกได้พูดคุยและแสดงความรู้สึกโดยอิสระ
  • สนับสนุนทักษะสังคมและความสามารถในการแก้ปัญหา: ช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา สนับสนุนทักษะสังคมและการตอบสนองต่ออารมณ์ของผู้อื่น
  • สอนคุณลักษณะความซื่อสัตย์: อธิบายถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์และผลที่เกิดจากการที่ลูกโกหก สร้างสถานการณ์ที่ต้องใช้ความซื่อสัตย์และสัญญาณของความซื่อสัตย์
  • ไม่ลงโทษหลังการโกหก: ให้ลูกรู้ว่าคุณยินยอมที่จะฟังและเข้าใจทุกความจริง สร้างโอกาสให้ลูกปรับตัวและพัฒนา
  • รับรู้และสนับสนุนสาเหตุ: หากการที่ลูกโกหกมีสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางอารมณ์หรือปัญหาทางสังคม พยายามเข้าใจและสนับสนุนในการแก้ไขปัญหานั้น ค้นหาวิธีในการช่วยเหลือลูกในการจัดการกับความท้าทายหรือปัญหาที่อาจทำให้ลูกโกหก
  • บริหารเวลาและการสื่อสาร: จัดการเวลาให้เหมาะสมและมีความสมดุลในกิจกรรมต่างๆ ที่เด็กทำ สื่อสารอย่างเปิดเผยและกระตือรือร้น ฟังลูกอย่างจริงใจและเข้าใจสถานการณ์ที่ทำให้ลูกโกหก

ผลของการที่ลูกเป็นคนโกหก

การที่ลูกโกหกสามารถมีผลกระทบทั้งด้านสังคม ความรู้สึกทางอารมณ์ และพฤติกรรมทั่วไป การตอบสนองและการสนับสนุนลูกในการพัฒนาทักษะทางสังคมและทางจิตวิทยาสามารถช่วยลดผลกระทบที่เป็นลบนี้ นี่คือบางผลของการที่ลูกโกหก

  • ความเสี่ยงในความสัมพันธ์: การที่ลูกโกหกสามารถสร้างความไม่เชื่อถือในความสัมพันธ์ ผู้อื่นอาจพบว่าลูกไม่ซื่อสัตย์หรือไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจทำให้มีความไม่พึงพอใจและเสียใจในความสัมพันธ์
  • ผลกระทบทางอารมณ์: การที่ลูกโกหกอาจสร้างความวิตกกังวลและความเครียดทั้งในตัวลูกและคนที่รับสาระสำคัญ ลูกอาจเก็บความลับหรือความไม่พึงพอใจภายในตัวเองซึ่งอาจทำให้มีผลทางจิตใจ
  • การพัฒนาทางสังคม: การที่ลูกโกหกอาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางสังคมของลูก คนรอบข้างอาจพบว่าลูกไม่เข้ากันดีหรือมีปฏิสัมพันธ์ที่อาจไม่ดีเนื่องจากการที่ลูกเป็นคนโกหก
  • ผลกระทบในการเรียนรู้: การโที่ลูกโกหกอาจมีผลกระทบทางการเรียนรู้ เนื่องจากมีโอกาสที่ลูกจะไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกขาดการเรียนรู้
  • ความผิดพลาดในการสังเกตและการรับรู้: การที่ลูกโกหกอาจทำให้ลูกมีความยากที่จะสังเกตและรับรู้สิ่งต่างๆ อย่างถูกต้อง เนื่องจากพวกเขามักปกปิดความจริงหรือสร้างภาพที่ไม่เป็นจริง
  • การพยาบาลทางจิต: ความถูกต้องในการพูดความจริงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาทางจิต การท่ี่ลูกโกหกสามารถทำให้พบว่ามีความยากที่จะติดต่อกับความจริงและรับรู้ทางจิต

ทำอย่างไรเมื่อลูกไม่ยอมรับความจริง

การจัดการกับลูกไม่ยอมรับความจริงและพฤติกรรมลูกโกหกเป็นกระบวนการที่ท้าทายและต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจในการพัฒนาการของลูก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและการให้การสนับสนุนทางอารมณ์และสังคมสามารถช่วยในการสร้างพื้นที่สำหรับการพัฒนาและการเรียนรู้ของลูก ต่อไปนี้คือบางขั้นตอนที่สามารถช่วยในการจัดการกับสถานการณ์นี้

  • สร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง: ทำให้ลูกรู้สึกสบายและปลอดภัยในการพูดความจริง ไม่ให้ลูกกังวลหรือกลัวการโดนลงโทษหรือถูกตำหนิจนเกิดพฤติกรรมลูกโกหก
  • ฟังและเข้าใจ: ให้ลูกมีโอกาสพูดคุยและแสดงความรู้สึกโดยอิสระ ฟังเสียงเรียนรู้เกี่ยวกับทุกความจริงที่ลูกมี
  • ให้ข้อมูลที่ชัดเจน: ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นฐานที่มีหลักการ เพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจและยอมรับความจริง
  • ให้เวลาให้ลูกปรับตัว: ให้เวลาและอวัยวะให้ลูกมีโอกาสปรับตัวและมีเวลาในการตัดสินใจ อย่าเร่งรีบหรือกดดันลูกให้ยอมรับความจริงทันที
  • สนับสนุนทักษะการจัดการอารมณ์: สอนทักษะในการจัดการกับความรู้สึก เช่น การตอบสนองต่อความโกรธหรือความผิดหวัง
  • ให้ตัวช่วยและการสนับสนุน: ตัวช่วยจากครอบครัวหรือผู้ปกครองสามารถช่วยให้ลูกรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนและไม่เหงา
  • สนับสนุนและยืนยัน: สนับสนุนลูกในขณะที่เขาหรือเธอกำลังรับรู้ความจริง ให้แสดงความยินยอมและยืนยันความคิดเห็นที่ดีที่สุด
  • ควบคุมกิจกรรมที่สร้างความละเอียดอ่อน: หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่สามารถทำให้ลูกตกลงไปทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น การละเมิดกฎหมายหรือการเสพยา
  • พิจารณาการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ: หากปัญหายังคงมีอยู่หรือเพิ่มขึ้น คิดหรือพิจารณาการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาหรือนักจิตวิทยา

บทสรุป

การแก้ไขพฤติกรรมลูกโกหกเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน หากพบว่าการโกหกของลูกเป็นเรื่องรุนแรงหรือมีปัญหาที่คุณไม่สามารถจัดการได้ ควรพิจารณาการรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมเด็กหรือนักจิตวิทยาเพื่อแก้ปัญหาพฤติกรรมลูกโกหก

 

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com

ขอบคุณภาพประกอบจาก : 

  • istockphoto.com

ขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก :

  • skylight.org.nz
  • empoweringparents.com
  • clinical-partners.co.uk