ลูกติดหน้าจอ อาจเสี่ยงเป็นภาวะออทิสติกเทียม

ออทิสติกเทียม

ออทิสติกเทียม มักพบในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปีที่ถูกเลี้ยงดูอย่างปล่อยปละละเลยด้วยการให้ดูการ์ตูนหรือการให้เล่นมือถือและแท็บเล็ต ทำให้เด็กขาดการถูกกระตุ้นให้สื่อสาร ไม่มีปฏิสัมพันธ์หรือไม่ได้ทำกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการเท่าที่ควร ส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมออทิสติกเทียมคล้ายเป็นโรคออทิสติก เช่น ไม่ยอมสบตา ไม่ชอบมองหน้าคนอื่น มีปัญหาในการสื่อสารและมีพัฒนาการช้า หากไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดูและคอยสังเกตลูก อาจส่งผลให้เกิดอาการออทิสติกเทียมได้

ออทิสติกเทียม
รูปประกอบจาก istockphoto.com

ออทิสติกเทียม คืออะไร

ภาวะออทิสติกเทียม (Autistic Spectrum) หรือที่เรียกว่า สเปกตรัมออทิสติก (Autism Spectrum) เป็นภาวะทางจิตใจที่มีลักษณะพฤติกรรมที่หลากหลาย โดยมีความแตกต่างในการปรากฏตัวระหว่างบุคคลที่มีอาการออทิสติก ไม่มีลักษณะที่คงที่ซึ่งทำให้เรียกว่า “สเปกตรัม” หรือ “สเปกตรัมออทิสติก” เพื่อแสดงถึงการแตกต่างความรุนแรงของอาการต่างๆ ที่แต่ละคนแสดงออกมาได้ บุคคลที่มีออทิสติกเทียมมักจะแสดงพฤติกรรมทางสังคมและการสื่อสารที่มีความแตกต่างจากปกติ รวมถึงอาการ repetitive behaviors ที่มีการทำซ้ำๆ หรือเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ เช่น การกระทำที่ซ้ำๆ การโน้มน้าวต่อวัตถุบางอย่าง เป็นต้น

ออทิสติกเทียมมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไปตามบุคคล บางคนอาจมีอาการเล็กน้อยและสามารถทำกิจกรรมปกติได้ ในขณะที่บางคนก็อาจมีความรุนแรงมากขึ้นและต้องการการสนับสนุนทางการแพทย์และการศึกษาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น การตรวจวินิจฉัยและการประเมินเป็นสิ่งที่สำคัญในการจัดการและสนับสนุนบุคคลที่มีออทิสติกเทียม

อาการของเด็กที่เป็นออทิสติกเทียม

ภาวะออทิสติกเทียมเป็นลักษณะพฤติกรรมทางสังคมและการสื่อสารที่แตกต่างจากพัฒนาการปกติ อาการของเด็กที่เป็นออทิสติกเทียมมีความหลากหลายและมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป การวินิจฉัยออทิสติกเทียมมักจะเป็นไปพร้อมกับการประเมินจากทีมที่ประกอบด้วยแพทย์, นักจิตวิทยา และผู้เชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาเด็ก การสนับสนุนและการศึกษาที่เฉพาะเจาะจงสามารถช่วยเด็กที่เป็นออทิสติกเทียม ในการพัฒนาทักษะและเตรียมความพร้อมในชีวิตประจำวัน ซึ่งบางอาการที่อาจปรากฏบ่อยมากในกลุ่มนี้ได้แก่

  1. ข้อจำกัดทางสังคมและการสื่อสาร
    • เด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียมไม่สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อทัศนคติทางสังคม
    • ขาดทักษะในการสื่อสารทั้งในด้านการใช้ภาษาและภาษามือ
    • เล่นแบบไม่มีเพื่อนหรือความสนใจทางสังคมที่จำกัด
  2. ท่าทางและการเคลื่อนไหว
    • เด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียมมีท่าทางที่ไม่ปกติ เคลื่อนไหวที่ไม่สม่ำเสมอหรือท่าทางที่ซ้ำๆ
    • จะสนใจและมุ่งมั่นในการทำกิจกรรมที่ซ้ำๆ
  3. ข้อจำกัดทางอารมณ์
    • เด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียมมีปัญหาในการจัดการอารมณ์
    • ไม่สามารถทำความเข้าใจและแสดงอารมณ์ของผู้อื่น
    • มีความสนใจทางอารมณ์ที่ไม่เหมือนกับคนปกติ
  4. การเรียนรู้และทักษะพิเศษ
    • เด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียมมีทักษะพิเศษที่พัฒนาได้เป็นพิเศษ เช่น ทักษะทางด้านการวาด, คณิตศาสตร์ หรือดนตรี
    • เด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียมมีความสามารถในการเรียนรู้ที่โดดเด่นในบางเรื่อง

การรักษาออทิสติกเทียม

ไม่มีวิธีรักษาที่สามารถทำให้ภาวะออทิสติกเทียมนี้หายไปได้แบบสมบูรณ์ แต่มีการสนับสนุนและการปรับปรุงทักษะทางสังคมและการสื่อสารที่สามารถช่วยลดอาการและเพิ่มความสามารถในชีวิตประจำวันของผู้ที่เป็นออทิสติกเทียมได้มาก นอกจากนี้การให้การรักษาออทิสติกเทียมมักจะเน้นที่การทำงานร่วมกับครอบครัวและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม นักจิตวิทยา, นักการศึกษาพิเศษ, แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญในด้านพัฒนาเด็กอาจให้การประเมินและตรวจวินิจฉัยเพื่อทราบถึงความต้องการของบุคคลนั้นๆ และกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม บางครั้งการรักษาอาจประกอบด้วย

  1. การฝึกทักษะทางสังคมและการสื่อสาร
    • ฝึกทักษะการสื่อสารภาษาพูดและการใช้ภาษามือให้เด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียม
    • การเรียนรู้ทักษะการสื่อสารทางอารมณ์
  2. การทำงานร่วมกับครอบครัว
    • การให้คำปรึกษาและการฝึกทักษะให้เด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียมสามารถนำไปใช้ในบ้าน
    • การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาสำหรับเด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียม
  3. การสนับสนุนการเรียนรู้
    • การใช้เทคนิคการสอนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีภาวะออทิสติกเทียม
    • การให้การสนับสนุนการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจง
  4. การจัดการพฤติกรรม
    • การใช้เทคนิคการจัดการพฤติกรรมเด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียมที่มีประสิทธิภาพ
    • การสนับสนุนการพัฒนาทักษะสมาธิและการปรับตัว
  5. การให้บริการทางการแพทย์:
    • การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคที่สามารถทำให้เกิดอาการทางร่างกายที่มีผลกระทบต่อพฤติกรรมออทิสติกเทียม

ความแตกต่างของออทิสติกเทียมและออทิสแท้

ออทิสติกเทียมและออทิสแท้ เป็นคำที่ใช้บ่งบอกถึงความแตกต่างในรูปแบบของออทิสติก การแบ่งแยกเพื่อที่จะนำเสนอความหลากหลายที่มีอยู่ในกลุ่มของออทิสติก และเข้าใจว่าทุกรายนั้นมีลักษณะที่เป็นพิเศษและมีความแตกต่างในการแสดงพฤติกรรม และความสามารถทางสังคม เนื่องจากออทิสติกเทียมอาจมีลักษณะที่แตกต่างจากออทิสแท้ในบางประการ ดังนี้

  1. การแสดงอาการ
    • ออทิสติกเทียม: บางครั้งอาจมีลักษณะที่ไม่ชัดเจนหรือไม่ตรงกับลักษณะที่ได้รับการระบุไว้ในเกณฑ์ออทิสติกแบบพิเศษ
    • ออทิสแท้: มีลักษณะทางการพฤติกรรมที่ตรงกับเกณฑ์ที่ถูกระบุไว้และมักมีความรุนแรงมากขึ้น
  2. ระดับความรุนแรง
    • ออทิสติกเทียม: มีความแตกต่างในระดับความรุนแรงของอาการ
    • ออทิสแท้: มีลักษณะที่มักมีความรุนแรงมากขึ้นและมีผลกระทบต่อการทำกิจกรรมประจำวันที่สูง
  3. การพัฒนาทักษะ
    • ออทิสติกเทียม: บางครั้งสามารถพัฒนาทักษะที่มีประสิทธิภาพและอาจมีทักษะพิเศษที่เด่น
    • ออทิสแท้: มีทักษะทางการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายและบางครั้งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้การสนับสนุนเพื่อพัฒนาทักษะทางสังคมและการสื่อสาร
  4. การเรียนรู้และทักษะ
    • ออทิสติกเทียม: บางครั้งสามารถมีทักษะทางการเรียนรู้ที่โดดเด่น
    • ออทิสแท้: มักมีทักษะทางการเรียนรู้ที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้การสนับสนุนในการศึกษา

เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นออทิสติกเทียม

สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดออทิสติกเทียม หรือสนับสนุนพัฒนาการที่เพื่อนร่วมวัยได้รับการสนับสนุนดีๆ ได้แก่

  1. ส่งเสริมพัฒนาการทางสังคม
    • สร้างโอกาสให้ลูกได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมวัย
    • ส่งเสริมทักษะการสื่อสารและสังคมเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดออทิสติกเทียม
  2. สนับสนุนการเรียนรู้
    • ส่งเสริมการทำกิจกรรมทางความคิด เช่น การเล่นเกมที่กระตุ้นสมอง
    • สร้างแวดล้อมการเรียนรู้ที่เสริมสร้างและน่าสนใจ
  3. การดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
    • ส่งเสริมการออกกำลังกายและการรักษาโภชนาการที่ดี
    • สนับสนุนการพัฒนาทักษะในการจัดการอารมณ์
  4. การให้สนับสนุนตั้งแต่เด็กน้อย
    • การติดตามพัฒนาการของลูก
    • การตรวจสุขภาพประจำปี
  5. การสร้างสภาพแวดล้อมที่มีส่วนร่วม
    • สร้างระบบการสนับสนุนที่ทำงานร่วมกับครอบครัว
    • สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะทางสังคม
  6. การตอบสนองต่อความต้องการของลูก
    • การสนับสนุนความสนใจทางการเรียนรู้ที่ลูกมี
    • การเสริมสร้างทักษะทางสังคมที่ต้องการ
  7. การประสานงานกับทีมที่ดูแลสุขภาพ
    • การติดต่อกับแพทย์, พยาบาล, ผู้เชี่ยวชาญทางการพัฒนาเด็ก
    • การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

บทสรุป

การรักษาออทิสติกเทียมควรถูกปรับให้เหมาะสมกับความต้องการและความแตกต่างของแต่ละบุคคล การทำงานร่วมกับทีมที่มีความเชี่ยวชาญทางต่างๆ สามารถช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การสนับสนุนและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับพัฒนาการของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญ การเลี้ยงลูกอย่างดีและสนับสนุนพัฒนาการอย่างเต็มที่ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นออทิสติกเทียมและให้ลูกมีพื้นที่ในการเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีที่สุด

 

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : drakeinstitute.com/ncbi.nlm.nih.gov/ptsduk.org

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com