รู้ทัน!! อันตรายจากการดื่มน้ำอัดลม ที่คุณเองก็ต้องระวัง

WM

เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม หากดื่มอย่างต่อเนื่องก็อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้​

เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ที่ทุกคนก็รู้อยู่ล่ะค่ะ แล้วยิ่งวันร้อนๆในวันหยุดซัมเมอร์ของที่นี่มันจะมีอะไรดีไปกว่าการได้ดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลม เย็นๆ ซ่าๆล่ะคะ  ยิ่งใส่น้ำแข็งแห้งเข้าไปก็ยิ่งเพิ่มความฟินเข้าไปอีก แล้วยิ่งถ้าได้ทานกับไก่ทอด ส้มตำ หรือพิซซ่าก็เข้ากั๊นเข้ากันสุดๆ แล้วแน่นอนจะว่าด้วยรสชาติ เริสเลอเพอร์เฟคแบบนี้เชื่อได้เลยว่าคนไทยกว่า 90% จะต้องชอบทานแน่นอน แต่ว่านะคะ ของอร่อยแบบนี้ยังไงต้องมีเรื่องที่น่ากังวลตามมาหากทานอย่างไม่หยุดปากอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นแล้วเรามาดูไปพร้อมๆ กันค่ะว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากเราทานน้ำอัดลมมากเกินไป

น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีคุณค่าทางสารอาหาร แต่ให้พลังงานและความอิ่มแก่ร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยน้ำอัดลมปริมาณ 1 ลิตร ให้พลังงาน 424 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วยส่วนผสมหลักๆ 3 อย่าง คือ น้ำ, น้ำตาล และสารปรุงแต่งกลิ่นและสี อีกทั้งยังมีกรดคาร์บอนิกที่อัดใส่เข้าไป เพื่อให้มีความซ่าเกิดเป็นฟอง สร้างความสดชื่นขณะดื่ม รวมถึงกรดฟอสฟอริก คาเฟอีน และสารกันบูดอีกด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/th-th/@pixabay

เหตุผลผู้ที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม

  1. หากเราดื่มน้ำอัดลมในเวลาใกล้จะถึงเวลารับประทานอาหาร หรือในระหว่างรับประทานอาหาร จะทำให้อิ่มและทานอาหารได้น้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติได้ โดย​ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่อัดในน้ำอัดลมที่เกิดเป็น​กรดคาร์บอนิก เป็นกรดที่ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร อาจเกิดอาการปวดท้อง ทำให้ท้องอืด และปวดท้องเนื่องจากเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร
  2. กรดฟอสฟอริก​ ที่อยู่ในน้ำอัดลม​ ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากพอที่จะ ละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน นอกจากจะทำให้ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารแล้ว ยังทำให้นอนหลับยาก ฟันผุ เเละอาจทำให้กระดูกพรุน
  3. คาเฟอีน​ ที่อยู่ในน้ำอัดลม​ นั้นกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
  4. สารกันบูดหรือวัตถุกันเสีย ใส่เพื่อให้สามารถเก็บน้ำอัดลมได้นาน ในน้ำอัดลมนิยมใช้ กรดซิตริก (เป็นกรดที่อยู่ในมะนาว) สามารถป้องกันการเจริญของแบคทีเรียและยีสต์ได้ดี แต่เป็นกรดค่อนข้างแรง อาจจะทำให้ระคายเคืองทางเดินอาหารได้

ถึงแม้ว่าเครื่องดื่มน้ำอัดลมจะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลยก็ตาม แต่ก็พบว่าผู้ที่ดื่มเป็นประจำจะมีแนวโน้มติดเครื่องดื่มประเภทนี้ได้เพราะมีคาเฟอีนนั่นเอง นอกจากจะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์กับร่างกายแล้ว ยังมีกรดต่างๆ ในปริมาณที่มากพอๆ กับน้ำส้มสายชูอีกด้วย ซึ่งหากดื่มอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้​

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@alecimages

1 ชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำอัดลมจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง โดยเป็นการวิจัยของ Niraj Naik เภสัชกรเจ้าของบล็อก The Renegade Pharmacist ได้ออกมาตีแผ่ถึงปฏิกิริยาของร่างกายในช่วงระยะเวลาต่างๆ หลังจากที่เราดื่มน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋อง ร่างกายของเราต้องทำงานอะไรบ้าง

10 นาทีแรก น้ำตาลจำนวน 10 ช้อนโต๊ะ จะถูกซึมเข้าระบบร่างกาย (โดยปกติ มนุษย์ไม่ควรรับประทานน้ำตาลเกินวันละ 10 ช้อนโต๊ะ แต่ทางหน่วยงานบริการด้านสุขภาพ (NHK) ได้ออกมาปรับปริมาณน้ำตาลจาก 10 ช้อนโต๊ะ เหลือเพียง 7.5 ช้อนโต๊ะ) โดยความหวานที่มากเกินไปจะไม่ทำให้เราอาเจียนออกในทันที เพราะมีกรดฟอสฟอริกลดทอนความหวานและทำให้เราสามารถดื่มต่อได้

นาทีที่ 20 น้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงขึ้น ร่างกายรีบปล่อยอินซูลินออกมา ตับจะตอบสนองด้วยการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมัน

นาทีที่ 40 คาเฟอีนจะถูกดูดซึมเสร็จสมบูรณ์ ม่านตาดำของเราจะขยายความดันเลือดสูงขึ้น ส่วนตับก็เร่งน้ำตาลไปยังเส้นเลือดมากขึ้นอีก ตุ่มรับอะดีโนซีนในสมองขณะนี้จะถูกบล็อกไม่ให้เราง่วงนอน

นาทีที่ 45 สมองจะสั่งการให้ร่างกายเร่งสร้างโดพามีนเพื่อกระตุ้นให้เรารู้สึกมีความสุข

นาทีที่ 60 หรือ ครบ 1 ชั่วโมง กรดฟอสฟอริกจะรวมตัวกับแคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสีที่อยู่ในลำไส้ ซึ่งจะก่อให้เกิดกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลในปริมาณสูง และสารเทียมเพิ่มความหวานจะทำให้มีการปัสสาวะขับแคลเซียมออกไป อีกทั้งคุณสมบัติของคาเฟอีนจะทำให้เราปัสสาวะในระหว่างนี้ และแน่นอนว่าเราได้สูญเสียแคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสีที่มีประโยชน์กับกระดูก รวมถึง โซเดียม อิเล็กตรอไลด์ และน้ำด้วย

หลังจากที่กระบวนการทุกอย่างสิ้นสุดลง ร่างกายจะเกิดอาการ “Sugar Crash” ซึ่งทำให้เรารู้สึกอ่อนเพลียหลังจากที่บริโภคน้ำตาลเป็นจำนวนมาก และนั่นก็ทำให้เรารู้อยากดื่มน้ำอัดลมเพิ่มอีก

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/lernestorod-5382836/

ด้าน Niraj เจ้าของผลงานการทดลองครั้งนี้กล่าวว่า “น้ำอัดลมไม่ใช่แค่มีน้ำตาลฟรุกโตสคอร์นไซรัปที่สูงมาก แต่ยังมีเกลือและคาเฟอีนรวมอยู่ด้วย ถ้าดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำอย่างต่อเนื่องอาจจะทำให้ความดันโลหิตสูง เป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคอ้วน”

อย่างไรก็ดี ทางโฆษกของน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งก็ได้ออกมากล่าวว่า “อินโฟกราฟฟิกที่ทำขึ้นมานั้น ค่อนข้างหลอกหลวง สร้างความหวาดกลัว และเป็นผลงานขยะทางวิทยศาสตร์ เราผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมให้กับผุ้บริโภคหลายล้านคนทั่วโลก และยังมีโปรดักส์ที่ห่วงใยสุขภาพต่อผู้บริโภคด้วย อาทิ เครื่องดื่มสูตรน้ำตาลน้อย เครื่องดื่มไดเอ็ต เป็นต้น”

เป็นยังไงล่ะคะ เรียกได้ว่าแฉหมดเปลือกเลย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอยู่นั้น น้ำอัดลมนั้นเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงสุดๆ เลยล่ะค่ะ และถึงแม้ว่า ต่อให้เป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีปัญหาโรคกระเพาะนั้น น้ำอัดลมยังไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทานบ่อยๆ ซักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรแล้วด้วยสภาพอากาศที่ร้อนระอุของเมืองไทยเรานั้น น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ดับกระหายได้ดีทำให้การที่จะเลิกดื่มไปเลยนั้นก็เป็นไปได้ยากใช่มั้ยล่ะคะ เพราะงั้นแล้ว DooDiDo แนะนำให้ทุกคนอาจจะลองมองหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างสมูทตี้ผลไม้อะไรแบบนี้มาดื่มทดแทนไป ก็จะดีทั้งต่อสุขภาพและช่วยคลายร้อนได้ด้วยล่ะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.namwahpowder.com, www.gqthailand.com