มาดูสาเหตุเป็นสิวที่หลัง ปัญหาใหญ่ของคุณผู้หญิงรีบรักษาก่อนสาย

WM

เผยถึงสาเหตุ และวิธีรักษาสิวที่หลัง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆ ได้

คงไม่มีใครอยากเป็นสิว ไม่ว่าจะส่วนไหนของร่างกายก็ตาม เช่นปัญหาสิวที่ขึ้นบนหน้าว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ยากและอีกหนึ่งปัญหาสิวที่ไหนหนักหนาไม่แพ้สิวหน้าก็คือ สิวตรงบริเวณหลัง อย่างที่ทราบกันดีว่าสิวเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นร่างกายจะผลิตฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้เกิดปัญหาสิวเห่อทั้งหน้าและหลัง ยิ่งผู้หญิงเราที่เริ่มมีประจำเดือนสิวจะยิ่งเกิดขึ้นง่ายมากขึ้น มักเกิดขึ้นก่อน หรือหลังมีประจำเดือน หรือช่วงระยะเวลาที่มีความเครียดสะสม จะส่งผลกระทบให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวนจนเกิดสิว นอกจากนี้สภาพอากาศของเมืองไทยที่ร้อน ทำให้มีเหงื่ออกมาตามร่างกายจุดซ้อนเร่นต่างๆ รวมถึงหลัง ทำให้เกิดสิวตามหน้าอกหรือแผ่นหลัง วันนี้เรารู้จักกับ สิวหลัง ปัญหาใหญ่ของคุณผู้หญิง รีบรักษาก่อนสาย

ปัญหาสิวไม่ได้เกิดขึ้นได้เฉพาะบนใบหน้าเท่านั้น ปัญหาสิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่บนผิวหนังของเรา ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก แผ่นหลัง หรือแม้กระทั่งบริเวณก้นของเราเอง ทำให้ไม่มั่นใจเมื่อต้องเผยผิว เพราะแม้สิวจะหายไปแล้ว แต่รอยสิวยังคงหลงเหลืออยู่บนผิวของเรานั่นเอง เผยถึงสาเหตุ และวิธีรักษาสิวที่หลัง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้คุณเมื่อต้องการจะใส่เสื้อที่โชว์แผ่นหลัง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@mattmoloney

ชนิดของสิวที่หลัง

  • สิวอุดตันหรือสิวหัวขาว เกิดจากหัวสิวที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนภายใต้ผิวหนังเจริญเป็นหัวสิวสีขาว
  • สิวหัวดำ เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันรูขุมขนที่เปิดอยู่บริเวณผิวหนัง
  • สิวอักเสบแบบตุ่มนูนแดง (Papules) เป็นสิวที่มีสีชมพูขนาดเล็ก เกิดจากการอักเสบของสิวอุดตัน เป็นสิวชนิดที่ไวต่อการสัมผัส
  • สิวอักเสบแบบหัวหนอง (Pustule) มีหัวสิวเป็นหนองสีขาวหรือสีเหลืองที่เกิดจากการรวมตัวของสิวหัวขาวและอาการแดงบริเวณรอบ ๆ หัวสิว
  • สิวอักเสบแดงแบบก้อนลึก (Nodules) เป็นสิวที่เติบโตอยู่ภายใต้ผิวหนัง มีขนาดใหญ่ แข็ง อักเสบ
  • สิวหัวช้างหรือสิวซีสต์ เป็นสิวที่มีขนาดใหญ่ เป็นหนอง มีอาการเจ็บหรือปวดร่วมด้วย อาจก่อให้เกิดแผลเป็น

สิวที่หลังเกิดจากอะไร ?

  1. กรรมพันธุ์ และฮอร์โมน ปัญหาเรื่องสิวที่เกิดขึ้นอาจส่งผ่านจากครอบครัวได้ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ก็เป็นอีกสาเหตุหลักของปัญหาสิวได้เช่นกัน ดังนั้นสิวจึงมักปรากฏในช่วงวัยรุ่น, ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงการมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์
  2. อาหาร มีผลวิจัยยืนยันว่าการบริโภคคาร์โบไฮเดรต เช่น ขนมปังขาว เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวได้ และการรับประทานอาหารประเภทของทอดหรือของมันเป็นประจำ รวมถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันและน้ำตาลสูง เช่น ช็อกโกแลต หรือขนมหวาน ก็เป็นทำให้ผิวมันมากขึ้น จึงทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวที่หลังได้
  3. ยา ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยารักษาอาการซึมเศร้า อาจทำให้เกิดสิวได้
  4. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิว ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้กับผิวพรรณ เช่น ครีมกันแดด ครีมทาผิว และน้ำมันนวดผิว ก็เป็นสาเหตุให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิวได้เช่นกัน นอกจากนี้แชมพู และครีมนวดผม ก็ทำให้เกิดสิวที่หลังได้ด้วย หากล้างทำความสะอาดไม่หมด ก็จะเกิดการตกค้างอยู่บนผิวหนัง ทำให้เกิดสิวที่หลังได้
  5. เสื้อผ้าที่สวมใส่ โดยเฉพาะผ้าเนื้อแข็ง ที่เสียดสีกับแผ่นหลังตลอดเวลา หรือเนื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ไม่ดีพอ จนเกิดการอับชื้น เป็นที่สะสมของแบคทีเรีย สิ่งสกปรก และคราบเหงื่อไคล ทำให้รูขุมขนอุดตันจนกลายเป็นสิวที่หลังได้ในที่สุด รวมถึงการใช้ผงซักฟอกที่มีฤทธิ์รุนแรง ก็อาจทำให้แผ่นหลังระคายเคือง และเกิดสิวได้เช่นกัน
  6. ผ้าปูที่นอนไม่สะอาด ผ้าปูที่นอนและหมอนที่สกปรกก็ทำให้เกิดสิวที่หลังได้เช่นกัน ดังนั้นควรหมั่นเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง หากปล่อยทิ้งไว้นานจะเป็นที่สะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกได้
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@ayurmanaayurveda

วิธีรักษาสิวที่หลัง

  1. ทำความสะอาดและหมั่นขัดผิวเป็นประจำ หมั่นทำความสะอาดผิวพรรณให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของสิว รวมถึงหมั่นขัดผิวเบา ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง อาจขัดด้วยใยบวบ หรือขัดด้วยเกลือขัดผิว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวและลบเลือนรอยสิวที่หลังได้เป็นอย่างดี แต่ควรงดขัดผิวตอนที่เกิดสิวอักเสบ เพราะจะยิ่งทำให้ระคายเคือง และกระตุ้นให้สิวเห่อได้
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทของทอด ของมัน และของหวาน แต่ควรเน้นรับประทานพวกผักและผลไม้ที่มีวิตามินช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส รวมถึงดื่มน้ำให้มาก ๆ ประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  3. ทาทีทรีออยล์ “ทีทรีออยล์” มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในรูขุมขนอันเป็นต้นเหตุของสิวได้ โดยใช้สำลีก้อนกลมหรือคอตตอนบัดจุ่มทีทรีออยล์ จากนั้นนำมาแตะ ๆ บริเวณที่เป็นสิว จะช่วยลดการอักเสบ ทำให้สิวและรอยแดงดูจางลง
  4. พอกหลังด้วยดินสอพอง และมะนาว นำดินสอพองผสมกับน้ำมะนาวให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีมเหลว ๆ จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วแผ่นหลัง ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยดินสอพองจะช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวยุบและแห้งลง ส่วนน้ำมะนาวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใส และทำให้รอยสิวจางลง
  5. พอกหลังด้วยว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบของสิว รอยแผล และจุดด่างดำได้เป็นอย่างดี เพียงนำเนื้อว่านหางจระเข้ มาทาบริเวณที่เป็นสิว จะช่วยให้สิวยุบลง
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@luisabrimble

ได้ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวและวิธีรักษาสิวที่หลังแล้ว อย่าลืมนำไปปรับใช้กับตัวเองด้วยนะคะ จะได้รักษาและป้องกันสิวที่หลังได้อย่างตรงจุด และที่สำคัญคือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะ ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาความสะอาดของแผ่นหลังให้ดี คราวนี้ก็พร้อมอวดแผ่นหลังเนียนสวยโดยไม่ต้องกลัวว่าสิวจะบุกหลังอีกต่อไปแล้ว

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับสาระความรู้ดีๆ ที่ DooDiDo ได้นำมาฝากให้ได้อ่านในบทความนี้ เกี่ยวกับ สิวหลัง ปัญหาใหญ่ของคุณผู้หญิง รีบรักษาก่อนสาย ไม่มีอยากที่จะเป็นสิวกันหรอก สิวเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จากหลายๆ ปัจจัยทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ความเครียดสะสมจากการทำงาน ระดับฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงอายุวัย สาเหตุของการเกิดสิวฮอร์โมนนั้นมีมากมายหลายประการดังนั้นหากไม่อยากมีสิวที่หลังควรดูแลแผ่นหลังให้สะอาดอยู่เสมอนะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.chiangmainews.co.th