ปลาทอง ปลาสวยงาม นิสัยขี้เล่น เป็นที่นิยมเลี้ยง

ปลาทอง

ปลาทอง เป็นปลาน้ำจืดที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ถัง จากนั้นปลาทองก็ได้รับการคัดเลือกมาสืบทอดต่อๆ กันมาหลายชั่วอายุคน หลังจากผสมพันธุ์กันหลายรุ่นก็มีมากกว่า 200 สายพันธุ์ ปลาทองส่วนใหญ่ที่เลี้ยงได้มีอยู่ 2 ประเภท คือ ปลาธรรมดาหรือแฟนซี มีสี รูปแบบ รูปร่าง ครีบ ตา และหางมากมาย ด้วยการที่ปลาทองทั้งสวยงามและขี้เล่นจึงยังคงเป็นที่นิยมนำมาเลี้ยงอย่างแพร่หลาย

ปลาทอง มีนิสัยอย่างไร

ปลาทอง ภาษาอังกฤษ (Goldfish) เป็นปลาน้ำจืดที่มีนิสัยที่น่ารัก นิสัยปลาทองอาจแตกต่างไปตามสายพันธุ์และสภาพแวดล้อม แต่ทั่วไปแล้วนิสัยของปลาทองสามารถอธิบายได้ดังนี้

  • เฟรนด์ลี ปลาทองมักจะเป็นเพื่อนที่ดีในการเลี้ยง มีความสนใจในการจับตามองเจ้าของและอาจมีการตอบสนองต่อการพูดคุยหรือการเคลื่อนไหวของคน
  • ชอบเล่น ปลาทองชอบที่จะเล่น อยากรู้อยากเห็น สามารถเรียนรู้การเล่นกับของเล่นหรือวัตถุที่มีสีสัน
  • การตอบสนองต่อการสั่นไหว ปลาทองสามารถรับรู้การสั่นไหวในน้ำและมีการตอบสนองต่อมัน การสั่นไหวสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเลี้ยงปลาทอง
  • ความสง่างาม ปลาทองมีลักษณะทางสีสันที่สวยงามซึ่งทำให้เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่าดึงดูด
  • การสังเกตพฤติกรรม ปลาทองสามารถสังเกตและจดจำพฤติกรรมของคนได้ อาจมีการตอบสนองต่อการเข้าใกล้มา
  • การออกกำลังกาย มักมีนิสัยที่จะว่ายน้ำไปมาในตู้เลี้ยง ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดีสำหรับปลาทอง
  • ความอยากรู้ ปลาทองสามารถแสดงพฤติกรรมที่แสดงถึงความอยากรู้ เช่น การส่องส่องสิ่งของในตู้เลี้ยง, การสงสัย และการสนใจในสิ่งแวดล้อม

การเลี้ยงปลาทองทำให้คนสามารถเพลิดเพลินกับการสังเกตพฤติกรรมและนิสัยที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตามควรมีความรับผิดชอบในการดูแลและเลี้ยงปลาทองเพื่อให้ปลามีสุขภาพที่ดี

ปลาทอง

ขั้นตอนการเตรียมตัวเลี้ยงปลาทอง

การเลี้ยงปลาทองเป็นกิจกรรมที่น่าสนุกและท้าทาย แต่มีขั้นตอนที่ต้องทำให้ถูกต้องเพื่อให้ปลาทองมีสุขภาพดีและเจริญเติบโต นี่คือบางขั้นตอนและคำแนะนำสำหรับการเลี้ยงปลาทอง

  1. ตู้เลี้ยง
    • ใช้ตู้เลี้ยงที่มีขนาดเหมาะสมกับจำนวนปลาทองที่ต้องการเลี้ยง
    • ควรมีอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ระบบกรองน้ำ, ไส้กรอง, และเครื่องปรับอุณหภูมิ
  2. น้ำ
    • ควรให้น้ำที่สะอาดและไม่มีสารพิษ
    • ควรใช้เครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมเพื่อควบคุมระดับ pH และความอุดมสมบูรณ์ของน้ำ
  3. อุณหภูมิ
    • ปลาทองสามารถอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียส
    • ใช้เครื่องปรับอุณหภูมิถ้าจำเป็น
  4. การให้อาหาร
    • ให้อาหารที่เหมาะกับปลาทอง เช่น อาหารเม็ดที่มีส่วนผสมของกรดไขมันที่ดี
    • ปลาทองทานอาหารหลายครั้งต่อวันในปริมาณที่เหมาะสม
  5. สภาพแวดล้อม
    • ปลาทองต้องการการปรับเปลี่ยนน้ำเพื่อลดปริมาณสารตะกั่วและสารประกอบอื่นๆ ในน้ำ
    • ตรวจสอบและทำความสะอาดตู้เลี้ยงเป็นประจำ
  6. การตรวจสุขภาพ
    • ตรวจสอบสุขภาพของปลาทองเป็นประจำ เช่น การตรวจสอบสีของก้อนตา, การเคลื่อนไหว และการกินอาหาร
  7. อุปกรณ์แต่งตัว
    • มีแสลง, รอยกระดูก หรือวัสดุที่ทำให้ปลาทองมีที่ในการซ่อมแซมหรือทำรักษา
  8. การเตรียมตู้เลี้ยง
    • ทำความสะอาดตู้เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ
    • ตรวจสอบท่อน้ำ, ไส้กรอง และระบบอื่นๆ เพื่อความเสถียร
  9. การจัดห้อง
    • ให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการว่ายน้ำของปลาทอง
    • มีสิ่งปลูกสร้างหรือเล่นเพื่อบรรเทาความเบื่อของปลาทอง
  10. การระวังโรค
    • รักษาความสะอาดและป้องกันโรคที่สามารถติดต่อได้

ควรทำการตรวจสอบและดูแลเลี้ยงปลาทองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีและมีความเจริญเติบโต

วิธีการเลี้ยงปลาทองเพื่อการเติบโตที่ดี

วิธีเลี้ยงปลาทองมีขั้นตอนหลายขั้นตอนที่ต้องทำเพื่อให้ปลาทองมีสุขภาพแข็งแรงและมีความเจริญเติบโต คุณภาพน้ำที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาปลาทองให้แข็งแรง นี่คือวิธีบางประการที่สามารถช่วยในการเลี้ยงปลาทอง

  1. เลือกตู้เลี้ยงที่เหมาะสม
    • ตู้เลี้ยงควรมีขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนปลาทองที่คุณต้องการเลี้ยง
    • มีระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพของน้ำ
  2. ตรวจสอบคุณภาพของน้ำ
    • ให้น้ำที่ไม่มีสารพิษและมีความสะอาด
    • ตรวจสอบค่า pH, อุณหภูมิ และความแตกต่างของสารละลายในน้ำ
  3. ควบคุมอุณหภูมิ
    • ปลาทองสามารถอยู่ในอุณหภูมิระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียส
    • การใช้เครื่องปรับอุณหภูมิอาจจำเป็นตามเงื่อนไขสภาพแวดล้อม
  4. ให้อาหารที่เหมาะสม
    • ให้อาหารที่เป็นเม็ดที่ถูกออกแบบมาเพื่อการบำรุงปลาทอง
    • อาหารทองคำที่มีส่วนผสมที่เพียงพอเพื่อสุขภาพทองคำ
  5. ความถี่ในการให้อาหาร
    • ให้อาหารทองคำ 2-3 ครั้งต่อวัน ในปริมาณที่พอเหมาะ
    • ควรให้อาหารที่พอเหมาะกับปลาทองตามขนาด
  6. การตรวจสอบสุขภาพ
    • ตรวจสอบสุขภาพของปลาทองโดยตรง ดูว่ามีรอยร้าว, มีสีสันที่สมบูรณ์ และมีการเคลื่อนไหวที่ปกติ.
  7. การทำความสะอาดตู้เลี้ยง
    • ทำความสะอาดตู้เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการสะสมของสารพิษ
    • เปลี่ยนน้ำในตู้เลี้ยงที่สม่ำเสมอ
  8. การให้พื้นที่
    • ปลาทองมีการเคลื่อนไหวอย่างเสรีให้มีพื้นที่ในตู้เลี้ยงที่เพียงพอ
  9. การจัดห้อง
    • จัดห้องให้เหมาะสม ปรับตู้เลี้ยงให้ได้แสงที่พอเหมาะ และหลีกเลี่ยงที่มีการเข้าสายลมแรง
  10. การตรวจสอบปัญหา
    • ตรวจสอบปัญหาเป็นประจำ เช่น การเกิดโรคหรือปัญหาอื่นๆ

สายพันธุ์ของปลาทอง

มีหลายสายพันธุ์ของปลาทองที่มีลักษณะทางสี, รูปร่าง, และลักษณะอื่นๆ ที่แตกต่างกัน นี่คือปลาทอง สายพันธุ์ที่น่าสนใจ

  1. Common Goldfish (ปลาทองปกติ) เป็นปลาทองที่คนทั่วไปเรียกรู้จักมากที่สุด มีลักษณะทางสีทองเหลือง มีรูปร่างทรงกลม
  2. Comet Goldfish (ปลาทองคอมเม็ต) มีลักษณะทางสีทองเหลืองและลำตัวที่ยาว สันหลังแหลม มีกิริยาเต้นที่มีความสามารถ
  3. Shubunkin Goldfish (ปลาทองชูบังกิน) มีลักษณะทางสีที่สวยงาม,มีลายสีหลายสี,ทั้งแดง น้ำเงิน และขาว
  4. Ryukin Goldfish (ปลาทองริวกิน) มีลักษณะทางรูปร่างที่สูง หัวโค้งและหางที่พิเศษ
  5. Oranda Goldfish (ปลาทองออรันด้า) มีลักษณะทางสีทองเหลือง ลำตัวมีหลุมโค้งที่หัวและบางครั้งมีการปกคลุมลำตัวด้วยขนที่หลายรูปแบบ
  6. Fantail Goldfish (ปลาทองแฟนเทล) มีลักษณะทางรูปร่างที่สวยงามคิ้วที่พิเศษบนปลาทองแฟนเทลจะกลายเป็นกิริยาที่มีความสวยงาม
  7. Lionhead Goldfish (ปลาทองไลอ้อนเฮด) มีลักษณะทางหัวที่แบนและกลม น่ารักที่สุด
  8. Bubble Eye Goldfish (ปลาทองบับเบิ้ล อาย) มีถุงอากาศที่ปิดมิดตาทำให้มีลักษณะทางตาที่มีความพิเศษ
  9. Black Moor Goldfish (ปลาทองแม่น้ำดำ) มีลักษณะทางสีดำลำตัวมีรูปร่างที่กลม
  10. Telescope Goldfish (ปลาทองทีลีสโคป) มีลักษณะทางตาที่มีลายในทางยาวทำให้มีลักษณะที่น่าสนใจ

ทั้งนี้การดูแลและเลี้ยงปลาทองขึ้นอยู่กับความรู้และความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่เลือกเลี้ยง แต่ละสายพันธุ์อาจมีความต้องการและความเข้าใจที่แตกต่างกัน คำแนะนำในการเลี้ยงจึงควรปรับตัวตามลักษณะพิเศษของแต่ละสายพันธุ์

ราคาปลาทองแต่ละสายพันธุ์

ราคาปลาทองสามารถแปรผันไปตามสายพันธุ์, ขนาด, สถานที่ขาย, และเงื่อนไขต่างๆ ที่มีอยู่ในตลาด นอกจากนี้ปลาทองที่มีลักษณะพิเศษหรือสีที่น่าสนใจมักจะมีราคาสูงกว่า ปลาทอง ราคาที่อาจพบได้

  1. ปลาทองปกติ (Common Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 20 – 50 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดและสถานที่ขาย)
  2. ปลาทองคอมเมต (Comet Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 30 – 100 บาท
  3. ปลาทองชูบังกิน (Shubunkin Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 50 – 150 บาท
  4. ปลาทองริวกิน (Ryukin Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 50 – 200 บาท
  5. ปลาทองออรันด้า (Oranda Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 100 – 500 บาท (หรือมากกว่ากับสายพันธุ์ที่น่าสนใจ)
  6. ปลาทองแฟนเทล (Fantail Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 50 – 150 บาท
  7. ปลาทองไลอ้อนเฮด (Lionhead Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 100 – 300 บาท
  8. ปลาทองบับเบิ้ล อาย (Bubble Eye Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 200 – 500 บาท
  9. ปลาทองแม่น้ำดำ (Black Moor Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 50 – 150 บาท
  10. ปลาทองทีลีสโคป (Telescope Goldfish) ราคาเริ่มต้น: 100 – 300 บาท

คำแนะนำ : การซื้อปลาทองควรตรวจสอบสภาพของปลาทองที่สนใจอย่างละเอียด, ตรวจสอบสุขภาพของปลา, และดูว่ามีลักษณะทางรูปร่างหรือสีที่ต้องการ การซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้และมีการดูแลปลาทองอย่างเหมาะสมจะช่วยในการรับประกันคุณภาพของปลาทอง

บทสรุป

การเลี้ยงปลาทองไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจกับภาชนะเลี้ยง ตู้ปลา สภาพน้ำ การให้อาหาร และหมั่นสังเกตเจ้าปลาตัวโปรดอย่างสม่ำเสมอ ก็จะได้ปลาทองสวยๆ ไว้เชยชมไปนานๆ  การเลี้ยงปลาทองให้ประสบความสำเร็จต้องให้ความระมัดระวังและการดูแลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่เลี้ยงเพื่อปรับตัวให้เหมาะสมกับความต้องการของปลาทอง

 

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com

ขอบคุณภาพประกอบจาก : pexels.com

ขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก :

  • petmd.com
  • dexters.world
  • about-goldfish.com