ข้อควรรู้ 6 สาเหตุที่ทำให้น้องหมา “หอบ” ผิดปกติ

WM

ลองมาสังเกตุกัน อาการหอบแบบไหนเรียกผิดปกติและอะไรคือสาเหตุ

เวลาน้องหมาแลบลิ้นและมี น้ำลายหยดติ๋ง ๆ หรือที่เราเรียกกันว่า “หอบ” คงเป็นเรื่องที่คนเลี้ยงสุนัขหลายคนเห็นกันจนชินและเป็นเรื่องปกติ และจะเห็นบ่อยเวลาที่น้องเล่นมาจนเหนื่อยหรือต้องการระบายความร้อนออกจากร่างกาย แต่การหอบของสุนัขใช่ว่าจะปกติเสมอไป หากน้องหอบถี่ขึ้นหรือหายใจดังอาจเป็นสัญญาณบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายของน้องหมาได้ด้วย ลองมาสังเกตกันค่ะว่าอาการหอบแบบไหนเรียกผิดปกติและอะไรคือสาเหตุ

อาการหอบจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสุนัขมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการตอบสนองทางร่างกายตามธรรมชาติของสุนัข สุนัขหอบก็เพราะผิวหนังของน้องไม่มีรูขุมขนไว้ช่วยระบายความร้อนที่ออกมาทางเหงื่อเหมือนคน น้องมีเหงื่อออกได้เฉพาะบริเวณง่ามเท้าเท่านั้น การหอบของสุนัขปกติจึงมักจะแลบลิ้นออกมา เป็นการหายใจแบบเร็วและตื้น มีน้ำไหลจากลิ้น ปาก และทางเดินหายใจส่วนต้น อัตราการหายใจปกติของสุนัขคือ 30-40 ครั้ง/นาที แต่เมื่อสุนัขมีอาการหอบอัตราการหายใจจะสามารถเพิ่มขึ้นได้เป็น 10 เท่าหรือ 300-400 ครั้ง/นาที เลยทีเดียว

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/davies_designs-3301310/

หอบแบบไหนเรียกผิดปกติ

อาการหอบแบบผิดปกติ มีได้หลายสาเหตุ ซึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาทางกายภาพหรือปัญหาทางอารมณ์ของน้องหมา เจ้าของจึงต้องคอยสังเกตอาการหอบปกติของสุนัขและเปรียบเทียบกับอาการหอบที่เกิดขึ้นว่าแตกต่างไปจากปกติหรือไม่ เช่น เกิดอาการหอบในช่วงที่อากาศไม่ร้อน เสียงหายใจดังและรุนแรงกว่าเดิม สุนัขมีอาการพยายามในการหายใจมากขึ้น ซึ่งหากน้องหมามีอาการหอบแบบดังกล่าว อาจเกิดได้จากสาเหตุ ดังนี้

สาเหตุของอาการหอบผิดปกติ 

1.ภาวะความร้อนสูง (Heat Stroke)

ในสภาวะแวดล้อมที่อากาศร้อน อุณหภูมิสูงขึ้น สุนัขจะเริ่มมีอาการหายใจแรงขึ้นและมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น กินน้ำมาก ตัวร้อน สีลิ้นและเหงือกเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม อัตราการเต้นของหัวใจและชีพจรเร็วขึ้น ถ้าอุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 106 องศาฟาเรนไฮต์ เซลส์ในร่างกายสุนัขจะเริ่มเสียหาย เกิดภาวะสมองบวม ชัก ขาดเลือดไปเลี้ยงระบบทางเดินอาหาร และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด หากไม่ได้ดื่มน้ำหรือลดอุณหภูมิในร่างกายลงให้ทัน ภาวะขาดน้ำจะทำให้ไตสุนัขเสียหายอย่างถาวร ซึ่งอาการทั้งหมดเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาที     

2.สายพันธุ์สุนัข

สุนัขสายพันธุ์หน้าสั้น เช่น ปั๊ก บอสตันเทอร์เรีย บูลด๊อก ฯลฯ สายพันธุ์เหล่านี้มีโอกาสที่จะเกิดอาการหอบมากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ  เพราะโดยโครงสร้างของร่างกายจะมีระบบทางเดินหายใจส่วนต้นที่ไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีเท่าที่ควร จึงมีแนวโน้มจะเกิดภาวะฮีทสโตรกได้ง่าย ดังนั้นสิ่งที่เจ้าของต้องระวังเมื่อเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์หน้าสั้นคือหมั่นสังเกตอาการหายใจของน้องอยู่เสมอ หากผิดปกติต้องรีบพามาพบสัตวแพทย์ทันที

3.โรคหัวใจ 

สุนัขที่เป็นโรคหัวใจ หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ได้ไม่ดี ทำให้ปริมาณออกซิเจนลดลง ทำให้สุนัขต้องหายใจถี่ขึ้น อีกทั้งความสามารถในการบีบเลือดของหัวใจลดลงก็มีผลต่อความดันในหลอดเลือดที่กลับเข้าสู่หัวใจ จึงเกิดภาวะน้ำคั่งในปอด ทำให้ปอดรับออกซิเจนได้ไม่เต็มที่ สุนัขจึงมีอาการหอบ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/rebeccaspictures-18516/

4.ไม่สบาย หรือ เจ็บปวด

เมื่อสุนัขรู้สึกตัวว่าไม่สบายหรือรู้สึกเจ็บปวด สุนัขจะแสดงอาการให้เจ้าของรู้ด้วยอาการหอบ เช่น ในเวลากลางคืนซึ่งเป็นเวลานอนปกติ หากน้องหายใจแรง มีอาการหอบ แสดงว่าน้องกำลังเจ็บปวดหรือไม่สบาย

5.ภาวะโลหิตจาง

เมื่อน้องหมามีภาวะโลหิตจาง จำนวนเม็ดเลือดแดงจะลดลง ทำให้การขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลดลงด้วย น้องจะมีอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หายใจถี่ขึ้น เกิดอาการอ่อนแรง ซึม สีเยื่อเมือกซีด กินอาหารน้อยลง อาจถึงขึ้นเป็นลมหมดสติ และในกรณีที่สุนัขมีภาวะเสียเลือดภายในอวัยวะทางเดินอาหารจะพบอุจจาระเป็นสีดำ

6.โรคคุชชิ่ง

โรคคุชชิ่ง เป็นโรคที่เกิดจากต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มากกว่าปกติ มีผลทำให้เกิดอาการหอบ ซึ่งโรคคุชชิ่งจะพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น กินน้ำมากผิดปกติ ปัสสาวะมาก น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น (เนื่องจากเกิดการเผาผลาญที่ลดลง) 

สาเหตุการหอบที่ผิดปกติของน้องหมา 6 ข้อข้างต้นที่ DooDiDo ได้กล่าวไว้คงพอจะอธิบายให้เจ้าของสุนัขได้เข้าใจถึงโรคต่าง ๆ ที่อาจมาพร้อมกับอาการหอบของน้องหมาได้ ซึ่งบางโรคสามารถรักษาให้หายขาดและสามารถรักษาชีวิตของน้อง ๆ ได้หากเจ้าของเห็นถึงความผิดปกติและพามาพบสัตวแพทย์ได้ทันท่วงทีนะคะ 

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.talingchanpet.net