ข้อควรระวัง!! 8 อาหารที่เป็นสาเหตุให้ลูกน้อยเกิด “การแพ้อาหาร”ได้
การให้อาหารหลากหลายตั้งแต่เป็นทารก อาจจะมีผลป้องกันการแพ้อาหารในช่วงที่เด็กมีอายุมากขึ้น
อาหารแต่ละชนิดที่ลูกน้อยทานเข้าไป เป็นสาเหตุของการแพ้อาหารได้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจในการเลือกอาหารการกินให้กับลูกน้อย เพราะถ้าหากลูกทานเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้อาหาร อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกได้ค่ะ วันนี้เราจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปดูอาหารที่อาจทำให้ลูกเกิดอาการแพ้อาหารได้ค่ะ
การแพ้อาหาร (Food allergy) คือ ผลต่อสุขภาพ ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งเกิดเนื่องจากการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่เฉพาะเจาะจง และจะเกิดซ้ำได้เหมือนเดิมเมื่อรับประทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง การแพ้อาหารอาจจัดแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ ชนิดที่เกิดอย่างเฉียบพลันโดยมี อิมมูโนโกลบูลิน อี เกี่ยวข้องด้วย และชนิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับ อิมมูโนโกลบูลิน อี ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะชนิดแรกซึ่งเป็นชนิดที่พบบ่อยและอธิบายได้
การแพ้อาหาร 90% มีสาเหตุมาจากอาหาร 8 อย่างดังนี้
1.นมวัว
อาการแพ้นมวัวพบมากในเด็กเล็กที่มีอายุประมาณ 6 เดือน เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยโปรตีนในนมวัวได้ อาการแพ้นมวัวพบมากกว่าโรคภูมิแพ้ไข่ และถั่วลิสงถึง 2 เท่า นอกจากการรับจากนมวัวโดยตรงแล้วให้คุณแม่คำนึงถึงอาหารที่มีส่วนผสมของนมวัวและผลิตภัณฑ์ที่มีการแปรรูปมาจากนมวัวด้วย เช่น คุ้กกี้ เบเกอรี่ เนย ชีส โยเกิร์ต ครีม
แต่อย่าเพิ่งตื่นตูมไปนะคะ นมวัวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะอัตราการแพ้นมวัวที่เจอในเด็กไม่ถึง 1% หรือถ้าแพ้ก็สามารถดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลัง 1-2 ขวบ (ส่วนใหญ่จะกลับมากินนมวัวได้ตามปกติ)
2. ไข่
เด็กหลายคนแพ้โปรตีนในไข่ขาว เพราะในไข่ขาวมี อัลบูมิน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทนความร้อนได้ดีมาก ไม่ว่าจะทำให้สุกอย่างไรโปรตีนตัวนี้ก็ยังคงอยู่ เด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 8 เดือน ระบบย่อยยังทำงานไม่เต็มที่ จึงมีโอกาสแพ้ ได้ แนะนำให้ลูกเริ่มทานไข่ขาวได้เมื่ออายุสัก 10 เดือนขึ้นไป โดยให้เริ่มแค่ครึ่งฟองก่อน
3. ถั่วลิสง
เด็กที่มีอาการแพ้ถั่วจะแพ้ไปตลอดชีวิต และมีความไวต่อการแพ้มาก อีกทั้งมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วพบว่าเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายจะแพ้ถั่วลิสงตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบเป็นต้นไป ซึ่งสาเหตุก็มาจากการแพ้โปรตีนในถั่วลิสงนั่นเอง นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ที่แพ้ถั่วลิสงมีแนวโน้มแพ้ถั่วเปลือกแข็งอีกหลายชนิด เช่น วอลนัท แมคคาเดเมีย และควรระวังผลิตภัณฑ์ที่มีถั่วเป็นส่วนผสมด้วยเช่น พีนัทบัตเตอร์
4.ถั่วเปลือกแข็ง
ถั่วเปลือกแข็งหรือถั่วตระกูลไม้ยืนต้น เช่น อัลมอนด์ วอลนัท เฮเซลนัท ถั่วบราซิล แมคคาเดเมีย เกาลัด พิสตาชิโอ เป็นต้น อย่างที่ทราบว่าคนที่แพ้ถั่วลิสงมีแนวโน้มจะแพ้ถั่วประเภทนี้ด้วย แต่บางครั้งก็พบว่าคนที่แพ้อัลมอนด์ก็อาจไม่ได้แพ้วอลนัทด้วยเสมอไป คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปทำการทดสอบกับคุณหมอเพื่อความแน่ใจจะดีที่สุดค่ะ
5.แป้งสาลี
ตัวการคือโปรตีนกลูเตนในแป้งสาลี ซึ่งเราสามารถเลือกอาหารที่ปลอดกลูเตนได้ ด้วยการสังเกตฉลาก หากมีคำว่า Gluten Free หรือเลือกอาหารทดแทนอย่างการใช้แป้งข้าวจ้าวแทนแป้งสาลี อย่างไรก็ตาม กลูเตนไม่ได้มีอยู่ในแป้งสาลีอย่างดียว แต่ยังมีอยู่ในอาหารอื่นๆ ด้วย เช่น ซีอิ๊ว น้ำมันหอย อาหารเจ เบเกอรี่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คุณแม่ควรระวังและอ่านฉลากให้ละเอียดว่ามีแป้งสาลี เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยหรือไม่
6.ปลา
การแพ้ปลาเกิดจากแพ้โปรตีนในเนื้อปลา เด็กแต่ละคนอาจแพ้ปลาที่ไม่เหมือนกัน เช่น บางคนแพ้ปลาแซลมอน บางคนแพ้ปลาดุก บางคนแพ้ปลาทูน่า หรือแพ้ปลาทะเล การแพ้ปลานี้ ซึ่งนอกจากทานปลาไม่ได้แล้ว การสัมผัส การใช้ภาชนะที่มีปลาปนเปื้อน หรือการทานผลิตภัณฑ์ที่มีปลาผสมอยู่ แม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้แพ้ได้เช่นกัน
7. อาหารทะเล
เป็นอาหารอีกประเภทที่เด็กมีอาการแพ้บ่อย บางคนอาจมีอาการแพ้ไม่เหมือนกัน เช่น แพ้แค่กุ้ง บางคนแพ้แค่หอย แต่ทั้งนี้แพทย์จะแนะนำให้งดอาหารทะเลประเภทเดียวกันไปเลย เช่น คนที่แพ้กุ้ง ก็ต้องงดทานปูด้วย เพราะมีโอกาสแพ้ปูได้เช่นกัน หรือคนที่แพ้ปลาแซลมอนก็มีโอกาสแพ้ปลาชนิดอื่นด้วย
8. ถั่วเหลือง
ตัวการที่ทำให้เกิดการแพ้ คือโปรตีนถั่วเหลือง ซึ่งอาจผสมอยู่ในน้ำเต้าหู้ หรือในอาหารที่ใช้นมถั่วเหลืองเป็นส่วนผสม เช่น เบเกอรี่ต่างๆ
สำหรับ 8 อาหารที่ DooDiDo นำมาเสนอในวันนี้ คุณแม่ต้องคอยระวังและคอยสังเกตอาการหลังจากที่ลูกทานนะคะ หากลูกของคุณทานอาหารชนิดเหล่านี้แล้วมีอาการคัน มีผื่นขึ้น หรือถ้าสงสัยว่าลูกมีอาการแพ้ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันทีค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา : www.thaibabyfoodblender.com, https://pharmacy.mahidol.ac.th