10 เรื่องที่คุณแม่ควรรู้ ก่อนให้ลูกน้อยวัย 6 เดือนเริ่มมื้อแรก!!

WM

การเริ่มต้นป้อนอาหารที่ดีคือ สิ่งสำคัญของระบบย่อยอาหารของลูกน้อย

เมื่อลูกน้อยของคุณแม่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป การให้แต่นมแม่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอค่ะ เมื่อทารกอายุเพิ่มมากขึ้น ลูกน้อยเองก็มีความต้องการสารอาหารต่างๆเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นอย่างมากที่คุณแม่ต้องให้อาหารควบคู่กับนมแม่เพิ่ม คุณแม่หลายคนอาจกังวลใจว่าจะเริ่มแบบไหน จะให้ลูกทานอะไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากค่ะ

อาหารมื้อแรกของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยค่ะ เพราะการเริ่มทานอาหารตามวัยถือเป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการด้านการกินของลูกด้วยนะ การได้กินอาหารที่มีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลวเป็นการช่วยฝึกการเคี้ยวและการกลืนของทารก ซึ่งจะส่งเสริมการสร้างนิสัยและพฤติกรรมการกินที่ดีให้แก่ลูกต่อไประยะยาว นอกจากนี้การทานอาหารยังเป็นการฝึกให้ลูกได้รู้จักกับรสชาติอื่นนอกจากนมแม่อีกด้วยค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/yalehealth-5686750/

1. อย่าเริ่มเร็ว
ควรเริ่มอาหารมื้อแรก เมื่อลูกอายุครบ 6 เดือน เพราะการให้อาหารเสริมลูกเร็วเกินไปคือก่อน 6 เดือน นั้นอาจทำให้ลูกมีอาการท้องอืด เพราะระบบย่อยอาหารของลูกยังไม่พร้อมในการย่อยอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าวหรือกล้วย อีกทั้งกระเพาะอาหารของลูกยังมีความจุน้อย การเริ่มอาหารเสริมเร็วจึงทำให้ลูกอิ่มข้าว แล้วกินนมซึ่งเป็นอาหารหลักที่เหมาะสมกับวัยได้น้อยลง

2. เริ่มทีละอย่าง
หลักการที่สำคัญในช่วงที่ให้ลูกทดลองอาหารคือ คุณแม่ควรให้ลูกทดลองกินผักและผลไม้ทีละชนิด เช่น เทสผักแต่ละชนิด นาน 4-5 วัน เพื่อทดสอบอาการแพ้อาหาร การเริ่มอาหารทีละชนิดมีข้อดีก็คือ ช่วยให้คุณแม่สังเกตได้ว่า ลูกแพ้อาหารชนิดนั้นหรือไม่ จะได้หลีกเลี่ยงได้ถูก และลูกจะได้เรียนรู้รสชาติตามธรรมชาติของผักแต่ละชนิดด้วย ดังนั้นเพื่อการจัดการที่ง่ายและเป็นระบบควรทำตารางจดบันทึกวัตถุดิบต่างๆ จำนวนมื้อที่ป้อน และบันทึกว่าปรากฏอาการแพ้หรือไม่ เพราะถ้ามั่นใจว่าลูกไม่แพ้อาหารหรือผลไม้ชนิดนั้นๆ จะได้นำมาปรุงอาหารได้อย่างสบายใจ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/dimitrisvetsikas1969-1857980/

3. เริ่มทีละน้อย
คุณแม่ควรป้อนอาหารให้ลูกทีละน้อยๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งลูกวัย 6 เดือน ทานแค่ วันละ 1 มื้อ มื้อละ 1 ช้อนโต๊ะ เท่านั้น แล้วตามด้วยนมแม่จนอิ่ม สัปดาห์ถัดไปค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละ 1 ช้อนโต๊ะ แต่ถ้าลูกมีท่าทางว่ายังไม่อิ่ม หรืออยากกินอีก ก็ค่อยป้อนเพิ่มได้บ้าง ซึ่งสังเกตได้จากการที่เขาไม่หันหน้าหนี หรือไม่ดุนอาหารออกจากปาก แต่ไม่ควรป้อนอาหารเยอะจนเกินไป เพราะอาหารหลักของลูกยังคือนมแม่หรือนมผสมค่ะ

4. เริ่มผักก่อนผลไม้
ควรเริ่มให้ลูกกินผักก่อน เพราะจะทำให้คุ้นชินกับรสชาติของผักที่มีรสอ่อนกว่า และหวานน้อยกว่าผลไม้ จะเป็นการฝึกให้ลูกกินผักได้ไปในตัว แต่ถ้าให้ลูกกินผลไม้ก่อนจะทำให้เขาชินกับรสหวานของผลไม้ จนปฏิเสธที่จะกินผักได้
ส่วนผักที่ควรเริ่มให้ลูกกินนั้น ควรเริ่มด้วยผักนิ่มๆ มีสีสันสวยงาม รสชาติไม่หวานจัด ไม่ขม และไม่มีกลิ่นฉุน เช่น แครอท ฟักทอง ตำลึง ถั่วลันเตาหวาน และบล็อคโคลี่ เป็นต้น

5. เริ่มไข่แดงก่อนไข่ขาว
คุณแม่มักสับสนว่า จะให้ลูกกินไข่แดงก่อนไข่ขาว หรือไข่ขาวก่อนไข่แดง หรือจะให้กินทั้งฟองดี เมื่อลูกครบ 7 เดือน เริ่มแรกควรจะให้ลูกกินเฉพาะไข่แดง เพราะลูกอาจจะแพ้โปรตีนที่มีในไข่ขาวได้มากกว่าไข่แดง ถึงแม้ว่าจะผ่านกรรมวิธีในการปรุงให้สุกแล้วก็ตาม อีกทั้งไข่ขาวยังย่อยยากกว่าไข่แดงอีกด้วย
ไข่แดงที่คุณแม่จะให้ลูกกินควรปรุงให้สุกเสียก่อนเพราะการกินที่ยังไม่สุกดีหรือที่เรียกกันว่า “ยางมะตูม” นั้นจะย่อยยากกว่าไข่ที่สุก และเมื่อลูกอายุประมาณ 1 ขวบขึ้นไป ค่อยให้เริ่มทานไข่ทั้งฟอง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/masuba-1788912/

 

6. เริ่มปลาน้ำจืดก่อนปลาทะเล
ปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ แถมยังมีสารอาหารหลายชนิดที่จำเป็นต่อสมองและการเจริญเติบโตของลูก อาหารเสริมลูกน้อยจึงไม่ควรพลาดเมนูปลา ปลาที่เหมาะสำหรับอาหารเสริมที่สุดคือปลาน้ำจืด เช่น ปลานิล ปลาทับทิม ปลาช่อน ปลาดุก หรือปลาสวาย เพราะเป็นปลาที่มีเนื้อนิ่ม ก้างใหญ่ บดให้ละเอียดง่าย อย่างปลาช่อนถือเป็นปลาน้ำจืดที่มีโอเมกา 3 มากที่สุดในบรรดาปลาน้ำจืดด้วยกัน ส่วนปลาทะเล เช่น ปลาทู ปลาเก๋า ปลากะพง ปลาแซลมอน ควรให้ลูกเริ่มกินเมื่ออายุ 1 ขวบขึ้นไป เพราะมีความเสี่ยงที่จะแพ้โปรตีนในปลาทะเลง่ายกว่าปลาน้ำจืด

7. เลี่ยงการปรุงรส
การให้ลูกกินผลไม้ปั่น เช่น มะม่วง มะละกอ แอปเปิ้ล สาลี่ แพร์ จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ผลไม้ที่นึ่งและปั่นสดจะได้ประโยชน์มากที่สุด และลูกควรกินผลไม้ปั่นทันทีเมื่อทำเสร็จหรือไม่ควรนานเกิน 15 นาที เพราะวิตามินในผลไม้จะไม่สูญเสียไป มั่นใจได้ว่าลูกกินแล้วจะไม่ท้องเสีย และปราศจากเชื้อโรค แน่นอน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/imoflow-2614430/

8. ผลไม้ปั่นเองดีที่สุด
การให้ลูกกินผลไม้ปั่น เช่น มะม่วง มะละกอ แอปเปิ้ล สาลี่ แพร์ จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ผลไม้ที่นึ่งและปั่นสดจะได้ประโยชน์มากที่สุด และลูกควรกินผลไม้ปั่นทันทีเมื่อทำเสร็จหรือไม่ควรนานเกิน 15 นาที เพราะวิตามินในผลไม้จะไม่สูญเสียไป มั่นใจได้ว่าลูกกินแล้วจะไม่ท้องเสีย และปราศจากเชื้อโรค แน่นอน

9. อุ่นร้อนก่อนกิน
อาหารที่ทำให้ลูกกิน ถ้าทำเสร็จ สด ใหม่ แล้วรับประทานเลยคงจะไม่มีปัญหา แต่สำหรับคุณแม่บางท่านสิ ทำงานนอกบ้านด้วย มีความจำเป็นที่จะต้องทำอาหารฟรีสไว้ ให้คุณยายป้อนแทน ก่อนป้อนจะต้องอุ่นอาหารให้ร้อนทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการอุ่นด้วยไมโครเวฟ หรือการอุ่นด้วยเครื่องนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียอีกรอบค่ะ อาหารที่อุ่นให้ลูกกินแล้ว เมื่อกินไม่หมดควรเททิ้ง ไม่ควรนำกลับมาให้กินใหม่ เพื่อป้องกันแบคทีเรียในน้ำลายของลูกจากการป้อนครั้งก่อน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/aditomo68-203402/

10. ป้อนมื้อเช้าชัวร์ที่สุด
อาหารเสริมลูกควรเป็นอาหารปั่นละเอียด ลักษณะของอาหารควรเหลวเป็นน้ำคล้ายโยเกิร์ตหรือเหลวกว่า ควรป้อนมื้อเช้าหรือกลางวัน เพราะหากมีอาการแพ้จะได้ไปโรงพยาบาลเตรียมหาหมอทัน แต่ถ้าหากว่าไม่มีอาการแพ้สามารถเปลี่ยนมาป้อนมื้อเย็นได้ เพราะจะทำให้ลูกอิ่มนานขึ้นและหลับยาวขึ้น

สำหรับ 10 เรื่องที่ DooDiDo ได้นำมาเสนอในวันนี้ เป็นสิ่งที่คุณแม่คุณแม่ควรรู้ก่อนการเริ่มมื้อแรกของลูกน้อยค่ะ เพราะการได้รับโภชนาการที่ดีจะทำลูกน้อยของเราเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมพัฒนาการในด้านต่างๆต่อไป และที่สำคัญในช่วงแรกเกิดถึง 1 ขวบอาหารของลูกต้องไม่เติมเครื่องปรุงรสต่างๆในอาหารนะคะ ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรปรับให้เหมาะสมกับความพร้อมของเด็กแต่ละคนด้วยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.facebook.com/saraphanpunha