การดูแลผิวแต่ละประเภท เพื่อให้มีผิวสวยสุขภาพดี

การดูแลผิว

การดูแลผิว ของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน สามารถแบ่งประเภทของผิวได้มากมายหลายประเภท หากเรารู้จักผิวหน้าของตัวเองก็จะทำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม และตรงกับความต้องการของผิวอย่างแท้จริง เพื่อทำให้ผิวมีสุขภาพดีและลดความเสี่ยงของการระคายเคืองหรือมีสิวขึ้น เพราะผิวหน้าแต่ละประเภทจะเหมาะกับส่วนผสมในสกินแคร์ที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้ได้รวบรวมวิธีการดูแลผิวแต่ละประเภทเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การดูแลผิว
ขอบคุณรูปประกอบจาก istockphoto.com

ผิว มีทั้งหมดกี่ประเภท

การดูแลผิวของคนเราจะให้ตรงกับความต้องการของผิว ต้องรู้จักประเภทของผิวตัวเองก่อน ซึ่งผิวมีหลายประเภทตามลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยประเภทของผิวนั้นถูกกำหนดด้วยพันธุกรรม อย่างไรก็ตามสภาพของผิวคนเรายังมีความแตกต่างกันได้อีก ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยภายในอื่นๆ รวมถึงปัจจัยภายนอกที่แวดล้อมแต่ละบุคคล โดยสามารถแบ่งประเภทของผิวได้เป็น 6 ประเภท คือ ผิวธรรมดา, ผิวแห้ง, ผิวมัน, ผิวผสม, ผิวแพ้ง่าย และผิวเสื่อม
  1. ผิวธรรมดา: ผิวปกติมีสภาพสมดุลระหว่างความมันและความแห้ง ไม่มีปัญหามากนักเพราะมีการสร้างน้ำมันและคอลลาเจนที่เพียงพอ
  2. ผิวแห้ง: มีความไม่สมดุลในการสร้างน้ำมัน มีความต้องการในการบำรุงผิวมากขึ้น เนื่องจากมีความขาดแคลนของน้ำและคอลลาเจน
  3. ผิวมัน: มีการสร้างน้ำมันมากเกินไป
  4. ผิวผสม: คือผิวที่มีส่วนต่างๆ ในบริเวณต่างๆ ของใบหน้า บางพื้นที่อาจมีสภาพมัน ในขณะที่บางพื้นที่มีความแห้ง
  5. ผิวแพ้ง่าย: มีการตอบสนองต่อสารเคมีหรือสิ่งแวดล้อมได้ง่าย มักมีอาการแพ้หรือปวดระคายเคืองเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ทาหน้าหรือสารเคมี
  6. ผิวเสื่อม: มีลักษณะของผิวที่แก่ มีริ้วรอย, ขนาดของรูขุมขน และสภาพผิวที่ไม่ยืดหยุ่นเท่าที่เคย

การดูแลผิวธรรมดา

การดูแลผิวธรรมดาควรเน้นความสะอาด, การให้ความชุ่มชื้น, การป้องกันจากรังสี UV โดยใช้ครีมกันแดด การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับประเภทผิวและความต้องการของผิวเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลผิว นี่คือบางขั้นตอนที่สามารถช่วยในการดูแลผิวธรรมดา

  • การทำความสะอาด: ในการดูแลผิวธรรมดาให้ใช้เจลหรือน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมสำหรับผิวธรรมดา ล้างหน้าอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน แต่การดูแลผิวธรรมดาไม่ควรล้างหน้ามากเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวแห้ง
  • การใช้ทำความสะอาดที่เป็นเจลหรือโฟม: เลือกใช้ทำความสะอาดที่เป็นเจลหรือโฟมที่ไม่มีสารที่ทำให้ผิวแห้ง ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแต่ไม่ควรใช้น้ำร้อนเพราะมันสามารถทำให้ผิวแห้งเพิ่มขึ้น
  • การใช้โทนเนอร์: ในการดูแลผิวธรรมดาให้ใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เพื่อช่วยลดการสร้างน้ำมัน ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการควบคุมน้ำมันในการดูแลผิว
  • การใช้โลชั่นบำรุง: เลือกใช้โลชั่นบำรุงที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงและไม่มีน้ำมันมาก ควรใช้โลชั่นบำรุงทุกวันเพื่อคงความชุ่มชื้นในผิว
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน: ในกรณีที่ใช้เครื่องสำอางควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก ควรเลือกบลัชอนหรือแป้งรักษาผิวที่มีน้ำมันมากเพื่อช่วยทำให้ผิวดูไม่มันมาก
  • การใช้ครีมกันแดด: การปกป้องผิวจากรังสี UV สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการแก่ระยะหนึ่ง ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ที่เหมาะสมและไม่ทำให้ผิวแห้ง
  • การทำความสะอาดผม: ผมที่มันอาจทำให้ผิวหน้ามีการสร้างน้ำมันมากขึ้น ควรรักษาความสะอาดของผม หลีกเลี่ยงการใส่ผมลงทรงที่สัมผัสกับหน้า
  • การดื่มน้ำเพียงพอ: การดูแลผิวธรรมดาควรดื่มน้ำเพียงพอสามารถช่วยให้ผิวเติบโตแข็งแรงและสุขภาพดี

การดูแลผิวแห้ง

การดูแลผิวแห้งมีความสำคัญเพราะผิวแห้งมีความขาดน้ำและน้ำมันมากกว่าปกติ นี่คือบางขั้นตอนที่สามารถช่วยดูแลผิวแห้งได้

  • การทำความสะอาด: ในการดูแลผิวแห้งใช้เจลหรือน้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยนและไม่มีสารละลายและสารสกัดที่อาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้น ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและไม่ควรใช้น้ำร้อนเพราะสามารถทำให้ผิวแห้งเพิ่มขึ้น
  • การใช้ทำความสะอาดที่อ่อนโยน: ในการดูแลผิวแห้งควรเลือกใช้ทำความสะอาดที่ไม่มีสารละลายและเหมาะกับผิวแห้ง
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ทาหน้า: ในการดูแลผิวแห้งให้เลือกใช้โลชั่นหน้าที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการรักษาความชุ่มชื้น เช่น ฮิยาลูรอนิค ใช้โลชั่นทาหน้าทุกวันหลังจากทำความสะอาดผิว
  • การใช้น้ำหล่อเลี้ยง: สามารถช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ควรใช้น้ำหล่อเลี้ยงที่อ่อนนุ่มและไม่มีสารหล่อเลี้ยงที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวแห้ง
  • การใช้น้ำมันทาผิว: ใช้หลังจากการอาบน้ำเป็นวิธีที่ดีในการล็อคความชุ่มชื้นในผิว สามารถใช้น้ำมันจากธรรมชาติเช่น น้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันเด็กได้
  • การปกป้องผิวจากรังสีแสงแดด: สามารถช่วยลดความแห้งของผิว ควรใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิว
  • การดื่มน้ำเพียงพอ: สามารถช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นของผิว น้ำช่วยในการระบายของสารสะสมในร่างกายและช่วยให้ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น

การดูแลผิวมัน

การดูแลผิวมันเป็นสิ่งสำคัญเพื่อคงความสะอาดและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการมีน้ำมันมากเกินไป ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม นี่คือบางขั้นตอนที่สามารถช่วยดูแลผิวมันได้

  • การทำความสะอาด: ในการดูแลผิวมันให้ใช้เจลหรือน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมสำหรับผิวมัน และล้างหน้าอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน แต่ไม่ควรล้างหน้ามากเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวมีการสร้างน้ำมันมากขึ้น
  • การใช้ทำความสะอาดที่เป็นเจลหรือโฟม: ในการดูแลผิวมันให้เลือกใช้เจลหรือโฟมที่ไม่มีสารที่ทำให้ผิวแห้ง ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแต่ไม่ควรใช้น้ำร้อนเพราะมันสามารถทำให้ผิวมันมากขึ้น
  • การใช้โทนเนอร์: ในการดูแลผิวมันให้ใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เพื่อช่วยลดการสร้างน้ำมัน ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการควบคุมน้ำมัน
  • การใช้โลชั่นบำรุง: ในการดูแลผิวมันให้เลือกใช้โลชั่นบำรุงที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงและไม่มีน้ำมันมาก ควรใช้โลชั่นบำรุงทุกวันเพื่อคงความชุ่มชื้นในผิว
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน: ในกรณีที่ใช้เครื่องสำอางควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก ควรเลือกบลัชอนหรือแป้งรักษาผิวที่มีน้ำมันมากเพื่อช่วยทำให้ผิวดูไม่มันมาก
  • การใช้มาส์กล้างหน้า: ใช้มาส์กล้างหน้าที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการสร้างน้ำมัน ควรใช้มาส์กอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
  • การปกป้องผิวจากรังสีแสงแดด: การปกป้องผิวจากรังสีแสงแดดสามารถช่วยป้องกันการทำให้ผิวมันมากขึ้น ควรใช้ครีมกันแดดทุกวัน เลือกครีมที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงและไม่มีน้ำมันมาก
  • การทำความสะอาดผม: ผมที่มันอาจทำให้ผิวหน้ามีการสร้างน้ำมันมากขึ้น ควรรักษาความสะอาดของผม หลีกเลี่ยงการใส่ผมลงทรงที่สัมผัสกับหน้า

การดูแลผิวผสม

การดูแลผิวผสมควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อคงความสะอาด การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมตามลักษณะของผิวจะช่วยให้ผิวดูสุขภาพที่ดี การดูแลผิวผสมที่มีบริสุทธิ์ต่างๆ บนใบหน้าควรเน้นการดูแลทั้งสำหรับบริเวณผิวที่มันและบริเวณที่แห้ง ดังนี้

  • การทำความสะอาด: ในการดูแลผิวผสมให้ใช้เจลหรือน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมสำหรับผิวผสม ล้างหน้าอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน แต่ไม่ควรล้างหน้ามากเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวมีการสร้างน้ำมันมากขึ้น
  • การใช้ทำความสะอาดที่เป็นเจลหรือโฟม: ในการดูแลผิวผสมให้เลือกใช้ทำความสะอาดที่เป็นเจลหรือโฟมที่ไม่มีสารที่ทำให้ผิวแห้ง ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น แต่ไม่ควรใช้น้ำร้อนเพราะมันสามารถทำให้ผิวมันมากขึ้น
  • การใช้โทนเนอร์: ในการดูแลผิวผสมให้ใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เพื่อช่วยลดการสร้างน้ำมัน ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการควบคุมน้ำมัน
  • การใช้โลชั่นบำรุง: ในการดูแลผิวผสมให้เลือกใช้โลชั่นบำรุงที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงและไม่มีน้ำมันมาก ควรใช้โลชั่นบำรุงทุกวันเพื่อคงความชุ่มชื้นในผิว
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน: ในกรณีที่ใช้เครื่องสำอางเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก ควรเลือกบลัชอนหรือแป้งรักษาผิวที่มีน้ำมันมากเพื่อช่วยทำให้ผิวดูไม่มันมาก
  • การใช้มาส์กล้างหน้า: ในการดูแลผิวผสมให้ใช้มาส์กล้างหน้าที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการสร้างน้ำมัน ควรใช้มาส์กอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
  • การปกป้องผิวจากรังสีแสงแดด: การปกป้องผิวจากรังสีแสงแดดสามารถช่วยป้องกันการทำให้ผิวมันมากขึ้น ควรใช้ครีมกันแดดทุกวัน เลือกครีมที่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงและไม่มีน้ำมันมาก
  • การทำความสะอาดผม: ผมที่มันอาจทำให้ผิวหน้ามีการสร้างน้ำมันมากขึ้น ควรรักษาความสะอาดของผม หลีกเลี่ยงการใส่ผมลงทรงที่สัมผัสกับหน้า

การดูแลผิวแพ้ง่าย

การดูแลผิวที่แพ้ง่ายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการแพ้และลดความรุนแรงของอาการ ต้องให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผิวและมีส่วนผสมที่อ่อนโยน รวมถึงการทดลองผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เป็นประจำ การรักษาผิวด้วยวิธีที่อ่อนโยนจะช่วยลดความรุนแรงของการแพ้และรักษาสุขภาพผิวให้ดี นี่คือบางขั้นตอนที่สามารถช่วยในการดูแลผิวที่แพ้ง่าย

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน: ในการดูแลผิวแพ้ง่ายให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีหรือสารสกัดที่ทำให้ผิวต้านทานลดลง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนไม่มีสีหรือกลิ่นเคมีที่มีโอกาสทำให้ผิวแพ้
  • ทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยการทดสอบ: ในการดูแลผิวแพ้ง่ายให้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ในบริเวณทดสอบเล็กๆ บนผิวก่อนที่จะใช้ทั้งหน้า หากไม่มีอาการแพ้หรือระคายเคืองภายใน 24-48 ชั่วโมง ค่อยๆ ใช้ทั้งใบหน้า
  • ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารหล่อเลี้ยงหรือกลิ่นหอม: ผลิตภัณฑ์ที่มีสารหล่อเลี้ยงหรือกลิ่นหอมอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวแพ้ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีกลิ่นหอมหรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นจากสารสกัดจากธรรมชาติในการดูแลผิวแพ้ง่าย
  • ควบคุมอุณหภูมิน้ำ: อย่าให้น้ำอุ่นเกินไปในการอาบน้ำ เพราะน้ำร้อนสามารถทำให้ผิวแพ้และแห้ง ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นในการอาบน้ำเพื่อลดการระคายเคืองของผิว
  • การใช้ครีมกันแดด: การปกป้องผิวจากรังสี UV สามารถลดความแพ้ของผิว และใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ที่เหมาะสมและไม่ทำให้ผิวแพ้
  • การทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้: ในการดูแลผิวแพ้ง่ายให้ทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในบริเวณทดสอบที่เล็กๆ ก่อนที่จะใช้ทั้งหน้า ควรทดสอบเป็นเวลาหลายวันเพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่
  • สวมหน้ากากที่ทำจากวัสดุที่เหมาะสม: หากอยู่ในสถานการณ์ที่มีฝุ่นละอองหรือสารแพ้ ควรสวมหน้ากากที่ทำจากวัสดุที่ไม่ทำให้ผิวแพ้
  • รักษาผิวในสภาพธรรมชาติ: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีมาก การใช้วิธีการธรรมชาติเช่น น้ำมันจากพืชหรือสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว

การดูแลผิวเสื่อม

การดูแลผิวที่เสื่อมสภาพควรเน้นการป้องกันและการบำรุงผิวในทุกขั้นตอน การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม, การปกป้องจากรังสีแสงแดด, การดูแลสุขภาพทั่วไปจะช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีและเสื่อมสภาพน้อยลง การดูแลผิวที่เสื่อมสภาพเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยลดอาการเสื่อมของผิวและรักษาสุขภาพผิวให้ดีขึ้น นี่คือบางขั้นตอนที่สามารถช่วยในการดูแลผิวที่เสื่อม

  • ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน: ในการดูแลผิวเสื่อมให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและไม่ทำให้ผิวแห้งเสียหาย ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและปลอดภาคสารเคมีที่มีความรุนแรง
  • การใช้โทนเนอร์: ในการดูแลผิวเสื่อมให้ใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เพื่อช่วยปรับสมดุลของค่า pH ในผิว ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมบำรุงเพื่อช่วยให้ผิวเสียหายมีการฟื้นฟู
  • การใช้โลชั่นบำรุง:ในการดูแลผิวเสื่อมให้เลือกใช้โลชั่นบำรุงที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการลดเสื่อมของผิว ควรใช้โลชั่นบำรุงทุกวันเพื่อคงความชุ่มชื้นในผิว
  • การใช้สารบำรุงผิว: การดูแลผิวเสื่อมให้เพิ่มสารบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพ เช่น วิตามิน C, วิตามิน E, กรดไฮยาลูรอนิก สารเหล่านี้ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดอาการริ้วรอย
  • การปกป้องจากรังสีแสงแดด: การปกป้องผิวจากรังสี UV สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเสื่อมของผิว ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF ที่เหมาะสมและประหยัด
  • การใช้มาส์กหน้า: ใช้มาส์กหน้าที่มีสารบำรุงและช่วยในการลดอาการเสื่อมของผิว ควรใช้มาส์กอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
  • การดื่มน้ำเพียงพอ: การดื่มน้ำมีผลดีต่อสุขภาพผิวและช่วยลดอาการเสื่อมของผิว ควรดื่มน้ำเพียงพอตลอดวัน
  • การรักษาสุขภาพทั่วไป: การดูแลสุขภาพทั่วไป เช่น การออกกำลังกาย, การนอนหลับเพียงพอ

บทสรุป

ประเภทของผิวมีทั้งหมด 6 ประเภท และมีการดูแลผิวที่แตกต่างกันไปตามลักษณะ การที่เรารู้จักว่าผิวของเรานั้นจัดอยู่ในประเภทไหน จะทำให้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะสมสำหรับการดูแลผิวแต่ละประเภท และความต้องการของผิวที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดูแล เพื่อให้เรามีสุขภาพผิวที่ดี

 

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : purplle.com/medicalnewstoday.com

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com