อาการฮีท หรือแมวติดสัตว์ จะพบได้เมื่อแมวจะร้องโหยหวนและเรียกร้องความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตอนที่ไม่สามารถหาคู่ได้ทำให้เป็นช่วงเวลาที่น่าหงุดหงิดและน่าอึดอัดสำหรับเจ้าของและแมว หากยังไม่สามารถหาคู่ให้แมวได้ในขณะที่มีอาการฮีท เจ้าของต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับอาการติดสัตว์ วิธีที่ดีที่สุดคือการพาแมวไปทำหมัน หรือถ้ายังไม่พร้อมสามารถใช้วิธีการป้องกันอาการฮีทในแมวได้ตามบทความนี้
อาการฮีท หรือแมวติดสัตว์เกิดจากอะไร
อาการฮีท หรือการติดสัตว์ในแมวเป็นปัญหาที่พบมากซึ่งสามารถมีหลายสาเหตุที่ทำให้แมวมีอาการติดสัตว์ ต่อไปนี้คือบางสาเหตุที่อาจทำให้แมวมีอาการติดสัตว์
- การติดสัตว์จากสภาพแวดล้อม: แมวที่มีการอยู่ร่วมกับสัตว์อื่นๆ ที่มีไวรัส, แบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ต่างๆ อาจถูกติดเชื้อจากสัตว์นั้นๆ ได้ทำให้เกิดอาการฮีท
- การติดสัตว์จากการร่วมอยู่กับแมวอื่น: อาการฮีทสามารถเกิดจากการสัมผัสกับแมวที่มีเชื้อโรค
- โรคระบบทางเดินหายใจ: แมวที่มีโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไวรัสกระดูกหัวและหาง (Feline Calicivirus) อาจมีอาการฮีทเนื่องจากมีการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค
- การติดสัตว์จากการร่วมอยู่ในสถานที่ที่แมวมีความปนเปื้อนสูง: การมีแมวมากมายอยู่ในสถานที่จำกัดทำให้มีความเสี่ยงที่สูงของอาการฮีท
- การสานต่อจากร่างกายของแมวแม่: มีกรณีที่แมวลูกอาจได้รับเชื้อจากร่างกายของแมวแม่ผ่านทางน้ำลาย, น้ำมูก, น้ำตาที่มีเชื้อโรค
การป้องกันอาการฮีทในแมว
อาการฮีทในแมวนั้นไม่มีทางป้องกันที่สมบูรณ์แบบ แต่การดูแลและการควบคุมสภาพแวดล้อมสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้มาก มีวิธีป้องกันอาการติดสัตว์ดังนี้
- การบำรุงร่างกายแมวอย่างเหมาะสม: การบำรุงร่างกายด้วยอาหารที่ครบถ้วนและเหมาะสมสามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของแมวและไม่มีอาการฮีท
- การฉีดวัคซีน: การฉีดวัคซีนตามกรอบที่กำหนดสามารถช่วยป้องกันการติดสัตว์จากหลายๆ โรคได้ เช่น ไวรัสโครน่า, ไวรัสกระดูกหัวและหาง และอาการฮีท
- การควบคุมสิ่งแวดล้อม: การรักษาสุขภาพสิ่งแวดล้อมที่แมวอาศัยอยู่ เช่น การทำความสะอาดบ้าน, การควบคุมปริมาณแมวที่อยู่ร่วมกัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงเกิดอาการฮีท
- การควบคุมสุขภาพระบบทางเดินหายใจ: การตรวจร่างกายและการรักษาโรคระบบทางเดินหายใจที่รวดเร็ว
แมวมีอาการฮีทตอนอายุเท่าไร
แมวสามารถมีอาการฮีทตั้งแต่อายุน้อยมาก อาจเริ่มต้นตั้งแต่ระยะทารก อาการฮีทในแมวนั้นมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อความเสี่ยงที่แมวจะติดสัตว์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้รวมถึงสภาพแวดล้อม การพิจารณาสุขภาพของแมวแม่และการติดสัตว์ที่อาจมีในสิ่งแวดล้อม
- สภาพแวดล้อม: แมวที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสัตว์อื่นๆ รวมทั้งแมวอื่นๆ มีโอกาสมีอาการฮีทสูงขึ้น เช่น การอยู่ในสถานที่ที่มีหลายแมว, การอยู่นอกบ้าน, การมีการสัมผัสกับสัตว์ที่ไม่รู้จัก
- ระยะเวลา: แมวที่มีอายุน้อยมีโอกาสติดสัตว์สูงขึ้นและมีอาการฮีท เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของลูกแมวยังไม่ได้พัฒนาได้เต็มที่
- สุขภาพของแม่: สุขภาพของแมวแม่มีผลมากต่อสุขภาพของลูก แมวที่มีสุขภาพดีมีโอกาสในการนำสุนัขหรือแมวต่อไปแมลงต่ำกว่าแมวที่มีสุขภาพไม่ดี
- การทำหลังคาหรือที่นอน: แมวที่ทำที่นอนนอนนอนที่มีสัตว์เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอื่นๆ อาจมีโอกาสติดสัตว์และมีอาการฮีทสูงขึ้น
หากคุณสงสัยว่าแมวของคุณมีอาการฮีท ควรพบสัตวแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม สามารถใช้วิธีการต่อไปนี้เพื่อจัดการอาการแมวที่สงสัยติดสัตว์
- พบสัตวแพทย์: หากพบว่าแมวของคุณมีอาการฮีทหรือติดสัตว์หรือมีอาการไม่ปกติ ควรพบสัตวแพทย์ทันที เพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่แม่นยำและรับการรักษาที่เหมาะสม
- การตรวจร่างกาย: สัตวแพทย์อาจทำการตรวจร่างกายและสอบถามประวัติเพื่อประเมินสภาพทั่วไปของแมว นอกจากนี้การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบเชื้อสาเหตุของอาการฮีทที่เป็นไปได้
- การทำการตรวจอัลตราซาวน์: การทำการตรวจอัลตราซาวน์ (ultrasound) หรือรังสีเอ็กซ์เรย์ (X-ray) อาจต้องใช้เพื่อตรวจสอบภาพของอวัยวะภายในแมว เพื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่มีสัญญาณของสัตว์ที่มีอาการฮีท
- การตรวจสอบภาพทางจิตเวช: การตรวจสอบภาพทางจิตเวช (cytology) หรือการทำการตรวจอายุรแพทย์ที่ต่ำเพื่อส่วนที่ทำให้สัตว์ติดสัตว์เพื่อหาสาเหตุอาการฮีท
- การรักษาที่เหมาะสม: การรักษาอาการฮีทที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยที่ได้รับ สัตวแพทย์อาจสั่งการให้ยารักษาโรคสำหรับติดสัตว์ หรือทำการผ่าตัดเพื่อนำออก ในบางกรณี
อาการแมวติดสัตว์ เกิดกับตัวผู้หรือตัวเมีย
อาการแมวติดสัตว์หรืออาการฮีท สามารถเกิดกับทั้งตัวผู้และตัวเมียได้ทั้งนั้น โดยอาการ FIP นั้น มีทั้งรูปแบบที่ชัดเจนและรูปแบบที่ไม่ชัดเจน
- Effusive (Wet) Form: อาการฮีทรูปแบบนี้มักจะเป็นรูปแบบที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น แมวอาจแสดงอาการบวมที่ชัดเจนที่ท้องหรือเอวเนื่องจากการสะสมของน้ำเหลือง (ascitic fluid) หรือเหล็กไว้ในช่องท้อง
- Noneffusive (Dry) Form: อาการฮีทรูปแบบนี้มักจะไม่มีอาการบวมที่ชัดเจน แต่อาจมีอาการอื่นๆ เช่น ขาดสุขภาพ, การลดน้ำหนัก, ปัญหาทางเอนไซม์ หรืออาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายเนื้อเยื่อภายในร่างกาย
บทสรุป
การป้องกันอาการฮีทหรือแมวติดสัตว์ในแมวที่มีประสิทธิภาพควรมีการฉีดวัคซีน, การควบคุมสภาพแวดล้อม, การรักษาสุขภาพแมว, การควบคุมการสัมผัสกับสัตว์ที่ไม่รู้จัก เพื่อลดความเสี่ยงของอาการฮีทตั้งแต่อายุเจริญ หากคุณมีแมวเล็กหรือแมวที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมเพื่อป้องกันและรักษาอาการติดสัตว์ในแมว
ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : vetlexicon.comvin.com/hecatgroup.org.uk
ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com