5 ความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้ลูกติดอยู่ในกรอบความคิด Fixed Mindset

WM

Fixed Mindset เป็นทัศนคติของคนที่คิดว่าเราไม่สามารถพัฒนาตนเองได้แล้ว

คนทุกคนมีกรอบความคิดเป็นของตัวเองเหมือนกัน ซึ่งกรอบความคิดส่วนบุคคลนั้นส่วนใหญ่จะเกิดจากการเลี้ยงดูและไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน ในแต่ละบุคคลต่างก็มีความเชื่อเกี่ยวกับความสามารถและศักยภาพของตนเอง กรอบความคิด (Mindset) เป็นองค์ประกอบสำคัญในชีวิตที่ละเลยไม่ได้ เพราะกรอบความคิดคือตัวแปรสำคัญที่กำหนดการเรียนรู้ การพัฒนา การทำงาน ความสุข และความสำเร็จ โดยคนที่มีกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) จะมีพลังงานที่พร้อมเรียนรู้ กล้าลอง ไม่กลัวความผิดพลาด และมีความสุขได้แม้ในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ

ในขณะที่คนที่มีกรอบความคิดแบบจำกัด (Fixed Mindset) จะยึดติดอยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำได้ และตีกรอบความสามารถของตัวเองด้วยสิ่งที่ยังทำไม่ได้ พวกเขาไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าและหวาดกลัวต่อความผิดพลาด นั่นทำให้คนที่มีกรอบความคิดแบบนี้มักกดดันตัวเอง และติดอยู่ในกับดักความกลัวตลอดเวลา แม้กรอบความคิดทั้ง 2 แบบจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่รู้หรือไม่ว่าคนเราสามารถมีทั้งกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) และ กรอบความคิดแบบจำกัด (Fixed Mindset) ผสมกันอยู่ในคนคนเดียวได้ ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ขัดขวางเราทำให้ไม่สามารถเติบโตและพัฒนาตัวเองได้อย่างเต็มที่ วันนี้อยากชวนคุณพ่อคุณแม่และน้องๆ มาเช็คกรอบความคิดของตัวเองกันอีกครั้ง ด้วย 5 ความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้เราติดอยู่ในกับดักของ Fixed Mindset พร้อมเรียนรู้วิธีที่จะช่วยพาตัวเองออกจากกรอบความคิดแบบจำกัด ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@bermixstudio

1.คนเก่ง ไม่จำเป็นต้องพยายาม
คนที่มีกรอบความคิดแบบจำกัดหลายคนมักคิดว่า คนที่เก่งและประสบความสำเร็จคือคนที่มีพรสวรรค์และเก่งมาตั้งแต่เกิด พวกเขาจึงไม่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถเก่งหรือพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นคนที่มีพรสวรรค์เช่นนั้นได้ สำหรับใครที่พบว่าตัวเองมักมีความคิดแบบนี้ในหัวบ่อยๆ อยากให้ลองทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า แม้แต่นักกีฬาทีมชาติหรือดาราฮอลลีวูดก็ล้วนใช้ความพยายามในการเรียนรู้ ฝึกฝน และก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อประสบความสำเร็จมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครที่ไม่เคยผ่านขั้นตอนของการพยายาม ดังนั้นนี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าความพยายาม เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้เกิดการเรียนรู้

2.ความผิดพลาด คือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
เพราะว่าความผิดพลาดมักตามมาด้วยผลลัพธ์ด้านลบที่ชาว Fixed Mindset ไม่อยากต้อนรับ พวกเขาจึงมองเห็นความผิดพลาดเป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่ล้มเหลว อาการนี้เกิดขึ้นกับคนจำนวนมาก แม้แต่คนที่มี Growth Mindset กับทุกเรื่องก็ยังแอบหวั่นใจกับความผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะเป็นหนึ่งในนั้น สิ่งที่ต้องทำเมื่อรู้ตัวว่าเกิดความคิดนี้ในหัวก็คือ การวิเคราะห์ เรียนรู้ และแก้ไข ให้ความผิดพลาดเป็นโจทย์ใหม่ของเราในการพัฒนาตัวเอง แล้วลงมือทำโดยตัดเรื่องความคิดออกไป เมื่อเราสามารถก้าวข้ามความผิดพลาดไปได้ครั้งต่อไปเราก็จะรู้สึกมั่นใจและรับมือกับความผิดพลาดได้ดีขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@awcreativeut

3.คำตำหนิ คือคำพูดของคนที่ไม่เข้าใจเรา
ไม่มีใครชอบโดนตำหนิ บางคนปกป้องตัวเองด้วยการต่อต้าน บางคนท้อแท้หมดหวังและเลือกที่จะวิ่งหนี แต่น้อยคนที่จะสามารถน้อมรับคำตำหนิเพื่อนำมาพัฒนาตัวเอง เพื่อสร้าง Growth Mindset ให้เติบโตถึงขีดสุด เราจำเป็นต้องฝึกฝนและเรียนรู้ที่จะรับฟังคำตำหนิอย่างมีสติ ที่สำคัญอย่าคิดว่าการถูกตำหนิแปลว่าเราไม่ดีหรือไม่มีค่า แต่ให้มองว่าคำตำหนิคือกระจกสะท้อนตัวเราเพื่อให้เราเห็นข้อบกพร่องและพร้อมพัฒนาตัวเองให้เติบโตไปอีกขั้น

4.สำเร็จช้ากว่า เท่ากับแพ้
คนทั่วไปมองความสำเร็จที่ปลายทางมากกว่ากระบวนการ พวกเขาจึงติดอยู่ในข้อจำกัดของการแข่งขัน ทำทุกทางเพื่อได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และต้องไปถึงความสำเร็จให้ได้ก่อนคนอื่น เพราะคิดว่าการที่คนอื่นทำสำเร็จก่อนเป็นการผลักเราให้ตกอยู่ในตำแหน่งของผู้แพ้ ชาว Fixed Mindset จำนวนมากหยุดพัฒนาตัวเองเพราะคิดว่าแพ้แล้ว จบแล้ว ไม่สามารถไปต่อบนเส้นทางนี้ได้อีกแล้ว แต่หากเราปรับมุมมองและกรอบความคิดเสียใหม่ เลือกมองความสำเร็จที่กระบวนการ และพร้อมเรียนรู้รวมถึงพัฒนาตัวเองไปทีละขั้นจนกว่าจะสำเร็จ ชาว Growth Mindset ตัวจริง คือคนที่ไม่ยึดติดอยู่กับการแข่งขันกับผู้อื่น แต่พวกเขาชอบที่จะได้ท้าทายและแข่งขันกับตัวเอง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@awcreativeut

5.ข้อจำกัด คือขอบเขตความสามารถของเรา
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่คิดว่าลูกๆ กำลังติดอยู่ในกับดักของ Fixed Mindset แล้วไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนให้เป็น Growth Mindset ได้อย่างไร เราขอแนะนำ Growth Mindset The series หลักสูตรสำหรับน้องๆ วัย 9 – 15 ปี ที่จะช่วยเพิ่มความกล้าหาญ เสริมความมั่นใจ พร้อมเปลี่ยนกรอบความคิดแบบจำกัด (Fixed Mindset) ให้กลายเป็นความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) เพื่อให้น้องๆ สามารถสร้างภูมิคุ้มกันและพร้อมเรียนรู้จากความผิดพลาดด้วยตัวเอง ร่วมพัฒนากรอบความคิดไปพร้อมกับการเสริมความแข็งแรงให้หัวใจ

จากข้อมูลที่ DooDiDo นำมาฝากวันนี้ จะเห็นได้ว่าผู้ที่มีความคิดแบบ Fixed Mindset มักจะไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิต และค่อนข้างจะโทษคนอื่นนอกเหนือจากตัวเองค่ะ ซึ่งกรอบความคิดนี้จะทำให้พวกเขามีความคิดเชิงลบ โกรธหรือโมโหง่าย และกลัวกับสิ่งรอบข้าง ไม่พร้อมที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะกลัวความล้มเหลว คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกให้ความสำคัญกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว หากเราตัดสินใจที่จะพัฒนาตนเองและเด็กๆ ให้มองสิ่งรอบตัวให้ไปในทิศทางบวกร่วมกันค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.yournextuyoung.com