แนะนำ 8 เคล็ดลับในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกมีร่างกายที่แข็งแรง
คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ 8 วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกรักอย่างไรบ้าง
วันนี้เราจะพามารู้จักกับวิธีการสร้างภูมิกันให้ลูกน้อยได้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงกันคะ สวัสดีค่ะคุณแม่และคุณพ่อทุกท่าน การดูแลสุขภาพของลูกน้อยให้มีร่างกายที่แข็งแรงอยู่เสมอเป็นหน้าที่สำคัญอย่างมาก การหาอาหาร ผลไม้ หรือสิ่งที่ส่งเสริมการสร้างพัฒนาการให้กับลูกน้อยของเรานั้นถือได้ว่ามีอยู่หลากหลายวิธีเลยที่เดียว ดังนั้น วันนี้พวกเราจึงอยากที่จะมาแชรืเรื่องราวดีๆ พร้อมกับข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่จะช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านได้หาสิ่งดีๆให้กับลูกของเรา มารู้จักกับ 8 สิ่งที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของลูกน้อย สามารถติดตามอ่านต่อได้ในบทความนี้นะคะ
และอีกสารอาหารที่สำคัญคือวิตามินดี (Vitamin D) เป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นมากสำหรับเด็ก โดยแหล่งวิตามินดีที่พบได้ง่ายที่สุดก็คือ “ แสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า ” ควรให้เด็กทำกิจกรรมที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 15 นาที จำนวน 2-4 ครั้ง/สัปดาห์ ช่วงเวลาที่ไม่ร้อนจนเกินไป เช่น เวลาเช้า 6.00 – 8.00 น. หากเด็กขาดวิตามินดี ย่อมส่งผลต่อสุขภาพที่ไม่ดีนัก เพราะวิตามินดีมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ยับยั้งการสลายของกระดูกเด็ก เล็กมีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ ฉะนั้น เรื่องสุขภาพร่างกายของลูกจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริม สร้างความแข็งแรงให้ลูกน้อย ด้วยวิธีต่อไปนี้ค่ะ
- กินนมแม่
สารอาหารต้นทุน ที่สำคัญและดีที่สุดสำหรับลูกน้อย ก็คือนมแม่ ที่นอกจากไม่เสียเงินทองแล้ว ยังมีประโยชน์ในเรื่องภูมิต้านทาน เพราะทารกช่วงแรกเกิด-1 ปี ระบบการพัฒนาภูมิคุ้มกันอาจยังไม่สมบูรณ์ โอกาสการติดเชื้อโรคเกิดได้ง่ายกว่าเด็กโต การให้ลูกกินนมแม่จะช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วย การแพ้นมวัว และเชื่อมโยงความผูกพันระหว่างแม่ลูก
- อาหารเสริม
ลูกน้อยมีพัฒนาการ การเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเคลื่อนไหวมากขึ้นตามช่วงวัย จึงควรได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อการเจริญเติบโต ได้กินอาหารครบ 5 หมู่และหลากหลาย (ไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่ง) เพื่อช่วยให้ลูกเรียนรู้ถึงรสชาติ ลักษณะอาหารที่ต่างจากนมแม่ และฝึกทักษะเรื่องการกินอาหารที่เหมาะสม
- สร้างภูมคุ้มกันด้วยวัคซีน
การฉีดวัคซีน เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน เตรียมร่างกายให้พร้อมต่อการต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ลูกได้รับวัคซีนขั้นพื้นฐานในเบื้องต้นตามที่กระทรวง สาธารณสุขกำหนด ส่วนวัคซีนทางเลือกนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม สุขภาพของลูก และความต้องของคุณพ่อคุณแม่
- สุขอนามัยที่ดี
ความสะอาด เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย คุณแม่ควรหมั่นทำความสะอาดของใช้ ของเล่นทุกชนิด ที่ลูกสัมผัสอยู่เสมอ เพื่อกำจัดและป้องกันเชื้อโรค ซึ่งรวมถึงคุณพ่อคุณแม่ ที่ควรดูแลรักษาความสะอาดและสุขอนามัยส่วนตัว เช่น ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังเปลี่ยนผ้าอ้อม เข้าห้องน้ำ เป็นต้น
- ใส่ใจสภาพแวดล้อม
ช่วง ที่อากาศเปลี่ยนแปลง บางครั้งก็ทำให้เจ้าตัวเล็กของคุณแม่ ไม่สบายเนื้อสบายตัว ออกอาการโยเยได้ คุณจึงควรเตรียมพร้อม หาทางรับมือ ป้องกันปัญหาเรื่องสุขภาพลูก ในแต่ละช่วงฤดูกาลไว้ก่อน เช่น ช่วงหน้าฝนควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุม ให้ความอบอุ่นแก่ลูก ส่วนหน้าร้อน ก็ควรอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนเกินไป ใส่เสื้อผ้าบางๆ เพื่อช่วยระบายอากาศ
- นอนหลับเพียงพอ
ในช่วงที่ลูกนอนหลับสนิท ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormones ออกมา ซึ่งทำให้ร่างกายลูกน้อยเจริญเติบโตตามปกติ และขณะที่ลูกน้อยหลับ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ได้ ฉะนั้น การสร้างบรรยากาศภายในห้องนอนที่เหมาะสม ไม่รบกวนการนอนของลูก ก็มีส่วนช่วยต้านโรคเช่นกัน
- ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายของเด็กวัยนี้ อาจจะยังไม่มีรูปแบบชัดเจนนัก ถ้าเด็กคนไหนแอคทีฟ เคลื่อนไหวบ่อย ก็เท่ากับเป็นการออกกำลังทางหนึ่ง แต่ถ้าเด็กคนไหนเจ้าเนื้อ อาจจะไม่ค่อยชอบเคลื่อนไหวเท่าใดนัก ให้คุณพ่อคุณแม่คอยกระตุ้นด้วยการเล่นกับลูก หลอกล่อให้ลูกอยากจะคว่ำ คลาน เดิน ตามช่วงพัฒนาการ เพื่อให้ลูกออกกำลังแขน ขา เกิดการเคลื่อนไหวร่างกาย สร้างความกระฉับกระเฉง ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของเลือดในร่างกาย ทำให้ลูกน้อยอารมณ์ดีและแข็งแรง
- เสริมวัคซีนทางใจ
ข้อนี้ยกให้เป็นเรื่องปฏิบัติของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ด้วยการเตรียมจิตใจ อารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ เพราะอารมณ์ และจิตใจของคุณส่งผลโดยตรงต่อลูกน้อย ยิ่งคุณอารมณ์ดี มีความสุขกับการเลี้ยงลูก ก็เท่ากับคุณได้สร้างความสุข เสริมภูมิคุ้มกันทางใจให้ลูกน้อยแล้วค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆทุกท่าน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านได้รู้จักกับ 8 สิ่งที่ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายของลูกน้อย ในส่วนท้ายของบทความนี้แล้วนะคะ พวกเรา DooDiDo หวังว่า คุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน จะดูแลเอาใจใส่กับการเลี้ยงดูลูกน้อยกันอย่างระมัดระวัง และอย่าลืมที่จะอยู่เคียงข้างลูกน้อยที่กำลังเติบโต และมีช่วงเวลาที่ดีในการสังเกตถึงพฤติกรรมและการพัฒนาการในแต่ละวันของลูกน้อยกันอย่างมีความสุขนะคะ
ขอบคุณแหล่งที่มา : www.sanook.com