แนะนำ 5 วิธีช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้!!

WM

รักษาอาการแพ้ท้องหนักให้กับคุณแม่มือใหม่

เคยสงสัยกันไหมค่ะว่าอาการแพ้ท้อง…ทำไมถึงต้องแพ้ท้องคลื่นไส้ และการบรรเทาอาการ สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะอาการแพ้ท้องเป็นอาการคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ทุกคนต้องเจอเป็นเรื่องของธรรมชาติไม่อาจเลี่ยงได้ ยิ่งในยามเช้าจะเป็นช่วงเวลที่คูรแม่จะเกิดอาการแพ้ท้องอย่างหนัก เนื่องจากหลังจากการนอนหลับพักผ่อน ท้องจะว่างรู้สึกอย่าทานอาหารแต่ไม่มีอะไรในท้องจึงทำให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้อยากอาเจียน ต้องขอบอกเยว่าอาการแพ้ท้องจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์ได้ราวๆ 3-4 เดือน  คุณแม่ตั้งครรภ์ มักมีอาการคลื่นไส้ในช่วงไตรมาสแรก หรือเริ่มต้นช่วงอายุครรภ์ราวๆ 6 สัปดาห์ ในขณะที่คุณแม่บางคนเริ่มมีอาการแพ้ท้องตั้งแต่อายุครรภ์เพียง 4 สัปดาห์ และอาการนี้จะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นในเดือนต่อๆ ไป ก่อนจะค่อยๆ ทุเลาลงในช่วงอายุครรภ์ 14 สัปดาห์ วันนี้เรามีหนทางที่ช่วยบรรเทา รักษาอาการแพ้ท้องหนักให้กับคุณแม่มือใหม่

อาการแพ้ท้องเช่น เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียนเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะในตอนตื่นนอนตอนเช้า หรือมีอาการเหนื่อย อ่อนเพลียง่าย ง่วงตลอดเวลา เหม็นกลิ่นต่างๆ ได้ง่ายเกินไป และทานอาหารได้น้อยลง คืออาการแพ้ท้องในระดับที่ยังไม่น่าเป็นห่วง หรือในระดับที่เรียกว่า Morning Sickness และคุณแม่สามารถทำตามวิธีต่างๆ ด้านล่าง เพื่อลดอาการแพ้ท้องได้ด้วยตัวเอง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@yrss

อาการแพ้ท้องเกิดจากอะไร

เมื่อคุณเข้าใจ คุณก็จะกลัวน้อยลง อาการแพ้ท้องมี 3 ระดับ และระดับที่มากสุดที่พบไม่บ่อยนัก ที่แม่หลายคนอาจเกิดความกังวล เกิดจากระดับฮอร์โมนที่ชื่อว่า “HCG” (Human Chorionic Gonadotropin) ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้คุณแม่เกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดังนี้

  • จิตใจอ่อนไหว เครียด วิตกกังวลง่าย อารมณ์แปรปรวน
  • ประสาทรับกลิ่นมีความไวมากขึ้น เช่น เหม็นอาหาร เหม็นกลิ่นต่างๆ
  • รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ และอ่อนเพลียง่าย
  • เบื่ออาหารที่เคยทาน แต่อยากทานอาหารแปลกๆ

เมื่อไหร่ถึงจะหายอาการแพ้ท้อง

สำหรับแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้องต่างๆ เช่น รู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ เหนื่อยง่าย หรืออาเจียนเป็นบางครั้งคราว ไม่ต้องกังวล เพราะอาการแพ้ท้องเหล่านี้จะหายไปเมื่อมีอายุครรภ์ได้ประมาณ 3 เดือน แต่หากพบว่า มีอาการแพ้ท้องที่หนักกว่านี้ เช่น อาเจียนบ่อย จนคออักเสบ และพบว่าตัวเองไม่สามารถกินอะไรได้เลย ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน

WM

5 วิธีบรรเทาอาการแพ้ท้อง

  1. ทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยมื้อ และมีของว่างที่มีประโยชน์เก็บไว้ทานเวลาหิว เช่น ถั่วหรือธัญพืช ขนมปังกรอบและโยเกิร์ต
  2. กินอาหารที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ และของคาวจะดีที่สุด
  3. ป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนด้วยการทานอาหารที่มีโปรตีน หรือคาร์โบไฮเดรตสูงร่วมกัน เช่น ไข่สุก และขนมปังปิ้ง
  4. ดื่มน้ำอุ่นมากๆ และอาจดื่มน้ำขิงหรือชาขิงที่จะช่วยลดอาการ คลื่นไส้อาเจียนได้ พักผ่อนให้มาก ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส ไม่ควรกังวลและเครียด
  5. หลังตื่นนอน ควรดื่มน้ำผลไม้ หรือทานขนมขบเคี้ยวที่ไม่หวานเพื่อแก้อาการวิงเวียน คลื่นไส้ เช่น บิสกิตหรือขนมปังกรอบ และอาจนอนพักสัก 20-30 นาที ก่อนลุกจากเตียง

นอกจากนั้น พ่อแม่ควรเข้าใจว่า อาการแพ้ท้อง เป็นเรื่องธรรมชาติที่มากับการตั้งครรภ์ มันจึงไม่สามารถจะป้องกันอะไรได้ เพราะอาการแพ้ท้องเป็นอาการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของแม่ตั้งครรภ์ แต่อย่างน้อย แม่สามารถบรรเทาอาการให้น้อยลงได้ ด้วยวิธีเช่น ผักผ่อนมากๆ ให้เพียงพอ อย่าเครียดง่าย พยายามเพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้มาก และงดอาหารมัน เช่น อาหารทอด อาหารผัด อย่าทานครั้งละมากๆ แต่ให้ทานบ่อยๆ แทน และงดของต้องห้ามของคนท้องทุกอย่าง เช่น เหล้า บุหรี่

อาการแพ้ท้องระดับที่ 1 แบบเบาๆ

อาการ Morning Sickness พบได้ในคนท้องส่วนมาก คือเป็นกันมากที่สุด เป็นอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะระดับเล็กน้อย มาเป็นครั้งคราว และอาการพวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นในตอนเช้า ส่งผลให้ไม่ค่อยเจริญอาหาร และอาจมีการอาเจียนบ้างเป็นครั้งคราว ไม่บ่อย ถือเป็นอาการปกติธรรมชาติของคนท้องทั่วไป ไม่ควรกังวลใดๆ ควรลดอาการแพ้ท้องนี้ด้วยการดื่มน้ำอุ่นจัด ๆ เป็นประจำ หรือทุกครั้งเมื่อรู้สึกคลื่นไส้ และกินอาหารที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ และของคาวจะดีที่สุด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/bokskapet-7322944/

อาการแพ้ท้องระดับที่ 2 ระดับกลาง (ต้องพบแพทย์)

ในการแพ้ท้องระดับ 2 นี้ คนท้องจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อาจถึงระดับที่รับประทานอาหารยาก แม้พักผ่อนเพียงพอ แต่อาการอาจไม่ดีขึ้นเลย พบว่าปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น หากคุณแม่ตั้งครรภ์ พบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

อาการแพ้ท้องระดับที่ 3 Hyperemesis Gravidarum (HG)(ต้องพบแพทย์)

อาการแพ้ท้องระดับที่หนักที่สุด คือระดับ 3 นี้ที่จะพบน้อยมากที่สุด อาการคือ คนท้องจะไม่สามารถรับประทานอาหารได้เลย คลื่นไส้หนัก และอาเจียนอย่างหนัก แทบจะตลอดเวลา ถึงขนาดทำให้ร่างกายขาดน้ำ บางคนอาจเลือดปนมากับอาเจียน พบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที อาการแพ้ท้องในระดับนี้ โดยทั่วไป ร่างกายจะแสดงอาการอย่างเร็ว และยังจะกินระยะเวลาการแพ้ท้องนานกว่าคนท้องทั่วไปอีกด้วย

ใครบ้างที่เสี่ยงมีอาการแพ้ท้องในระดับ 3

  • คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ครั้งแรก
  • คุณแม่ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป
  • คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด
  • คุณแม่ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป

ระยะเวลาเริ่มมีอาการแพ้ท้อง

ส่วนมาก อาการแพ้ท้องมักเป็นกันในช่วงไตรมาสที่ 1 ของการตั้งท้อง ถ้าเป็นผู้ที่มีอาการแพ้ท้องเร็ว อาจจะเริ่มมีอาการในช่วงที่รู้สึกว่า รอบประจำเดือนมาช้า มีหลายกรณีที่มีอาการแพ้ท้องตั้งแต่ประมาณ 4 สัปดาห์จนถึงประมาณ 15 สัปดาห์ และช่วงเวลาที่จะมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ ที่จะทรมานที่สุดจะเป็นช่วง 8-9 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ แต่อย่าลืมว่า ช่วงเวลาของการแสดงอาการแพ้ท้องจะไม่เหมือนกันในแต่ละคน และบางคนเป็นมาก บางคนเป็นน้อย หรือไม่เป็นเลยก็มีเช่นกัน

5 อาการที่พบบ่อยของอาการแพ้ท้อง

  1. จมูกไวต่อกลิ่น เหม็นง่าย
  2. เวียวหัว และคลื่นไส้อาเจียน โดยไม่มีเหตุผล
  3. อึดอัดท้องและหน้าอก
  4. ความรู้สึกอยากกินอาหารที่เปลี่ยนไป
  5. รู้สึกง่วงนอนง่ายและบ่อยกว่าปกติ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะก็จบลงไปกับเรื่องที่ดีที่เรา DooDiDo นำมาฝากคุณแม่มือใหม่กับเรื่องการ รักษาอาการแพ้ท้องหนักให้กับคุณแม่มือใหม่ คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองรู้สึกหิว ควรหาอาหารหรือของว่างทานรองท้องเพื่อรอเวลากินอาหารในมื้อต่อไป เน้นเป็นของว่างที่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อย หลีกเลี่ยงการทานของว่างที่มีรสหวาน รสเผ็ด รสเค็ม และขนมขบเคี้ยว เพื่อให้ร่างกายของคุณแม่แข็งแรงไม่มีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ ที่อาจส่งผลต่อการทารกที่อยู่ครรภ์นะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.hifamilyclub.com