ห้ามพลาด 5 คุณสมบัติที่ต้องมีในยาสีฟันเด็ก ที่คุณแม่ต้องรู้!!

WM

เทคนิคที่ให้คุณพ่อคุณแม่นำไปใช้ในการเลือกซื้อยาสีฟันให้ลูก

เมื่อลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่เริ่มมีฟันซี่แรกงอกขึ้นมา อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามคือ เรื่องการแปรงฟัน เพราะลูกน้อยยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเตรียมหาอุปกรณ์ทำความสะอาดฟันและช่องปากให้ลูฏค่ะ วันนี้เรามีเทคนิคและข้อควรรู้เพื่อใช้ในการเลือกแปรงสีฟันและยาสีฟันสำหรับเด็กให้กับลูกน้อยของคุณค่ะ

“ฟันน้ำนมที่ดีคือรากฐานของฟันแท้ที่แข็งแรง” หลายๆ คนอาจเคยได้ยินว่า ฟันน้ำนมไม่ต้องดูแลมากเพราะเดี๋ยวก็หลุดออกไป บอกเลยว่านั่นเป็นความเชื่อที่ผิดสุดๆ เลยค่ะ เพราะถ้าเกิดฟันน้ำนมของลูกผุ เชื้อโรคสามารถทะลุไปหาฟันแท้ที่อยู่ข้างใต้ได้ด้วย ดังนั้นเราจึงควรเริ่มแปรงฟันให้ลูกตั้งแต่ฟันซี่แรกเริ่มขึ้น และจำเป็นที่จะต้องใช้ยาสีฟันที่มีคุณสมบัติที่ดี เพื่อช่วยให้ลูกรักการแปรงฟันและมียิ้มสวยติดตัวไปจนโต วันนี้เราจึงมีเทคนิคดีๆ ในการเลือกยาสีฟันเด็กให้ลูกใช้แล้วไร้แมงกินฟัน แถมยังทำให้ลูกรักการแปรงฟันมากขึ้นอีกด้วยค่ะ คุณพ่อคุณแม่นำไปใช้ในการเลือกซื้อยาสีฟันให้ลูกได้อย่างแน่นอน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/zhuwei06191973-11952162/

1. เลือกยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจสงสัยว่าแม้จะแปรงฟันให้ลูกแล้ว แต่ทำไมลูกยังคงฟันผุอยู่ดี นั่นอาจเป็นเพราะว่ายาสีฟันที่คุณพ่อคุณแม่เลือกให้ลูกใช้ อาจแค่ช่วยทำความสะอาดช่องปาก แต่ไม่มีสารฟลูออไรด์ที่ช่วยป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง และฟลูออไรด์นั้น เด็กๆ ก็สามารถใช้ได้ตั้งแต่ฟันซี่แรกเลยค่ะ
โดยทันตแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย ได้แนะนำให้ในยาสีฟันเด็กจำเป็นที่จะต้องมีฟูลออไรด์อยู่ที่ 1000 ppm ในการป้องกันฟันผุ ช่วยให้ฟันแข็งแรงอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อยาสีฟันเด็กที่มีสารฟลูออไรด์ปริมาณนี้นะคะ

2. มีส่วนผสมที่ดีต่อเหงือกและฟัน
ยาสีฟันเด็กที่ดี นอกจากจะต้องมีส่วนประกอบที่ทำความสะอาดและช่วยป้องกันฟันผุแล้ว อาจต้องดูส่วนผสมที่ช่วยบำรุงเหงือกและฟันเพิ่มขึ้น เช่น ช่วยให้ความชุ่มชื่น ลดการระคายเคือง เพราะปากของเด็กๆ ยังบอบบาง หากใช้ยาสีฟันที่แรงเกินไปก็อาจทำให้ช่องปากระคายเคืองได้
ถ้าเป็นส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติและเป็นออร์แกนิคที่ผ่านการรับรองจากมาตรฐาน ECOCERT ก็จะยิ่งดีค่ะ โดยส่วนผสมธรรมชาติที่ส่วนใหญ่ใช้กัน เช่น ว่านหางจระเข้ ก็จะช่วยลดระคายเคือง อ่อนโยนต่อฟันและเหงือกของเด็กแรกเกิด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://shopee.co.th

3. มีกลิ่นหอมโดนใจเด็ก
กลิ่นของยาสีฟัน เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่ลูกมักจะให้ความสนใจ เพราะเด็กยังไม่รู้เรื่องสรรพคุณหรือคุณสมบัติอะไรมากมาย เขาสนใจเพียงแค่ของที่เอาเข้าปากเขานั้นมีกลิ่นหอมหรือมีรสชาติยังไงมากกว่า ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกยาสีฟันที่มีกลิ่นหอม อย่างกลิ่นผลไม้ต่างๆ เช่น ส้ม สตรอเบอร์รี่ กล้วย หรือองุ่น เพื่อที่จะดึงดูดให้ลูกแปรงฟัน เพราะการแปรงฟันครั้งแรก จะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน การเลือกยาสีฟันที่มีกลิ่นหอม ไม่เย็น ไม่ทำให้เขาแสบปาก ก็จะเป็นการสร้างภาพจำว่าการแปรงฟันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย รสชาติของยาสีฟันไม่ได้แย่ แต่เขาอาจจะต้องปรับตัวให้ชินกับการมีอะไรมาทำความสะอาดช่องปากของเขาเท่านั้นเอง

ตรงจุดนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องอดทนเข้าไว้นะคะ ต้องพยายามแปรงฟันให้ลูกอย่างสม่ำเสมอจนกว่าเขาจะชิน เพื่อสุขภาพปากและฟันที่ดีของลูก จะได้ไร้แมงกินฟันมากวนใจค่ะ และถ้าลูกโตขึ้นมาหน่อย ให้เขามีส่วนร่วมในการเลือกยาสีฟันกลิ่นที่ชอบก็ได้นะคะ

4. ปราศจากสารเติมแต่ง
โดยปกติแล้ว ยาสีฟันส่วนใหญ่ก็จะประกอบไปด้วยสารขัดฟัน สารที่ให้รสหวาน สารที่ก่อให้เกิดฟอง แต่ในยาสีฟันของเด็กนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องดูส่วนประกอบต่างๆ ให้ถี่ถ้วน เพราะสารเคมีบางชนิดที่อยู่ในยาสีฟันอาจจะเป็นอันตรายต่อลูก หรือส่งผลให้ลูกเป็นเด็กติดหวาน หากยาสีฟันที่ใช้มีรสชาติหวานนั่นเองค่ะ
**ดังนั้นถ้าจะให้ดี คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเลือกยาสีฟันเด็ก ที่ปราศจากน้ำตาล สารกันเสีย (พาราเบน) สารที่ก่อให้เกิดฟอง (SLS / SLES) และสีสังเคราะห์

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://shopee.co.th

5. ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ
แน่นอนว่าการที่เราจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่างหนึ่ง จำเป็นที่จะต้องดูว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีการรับรองหรือผ่านมาตรฐานความปลอดภัยอะไรรึเปล่า โดยเฉพาะกับของใช้ที่เกี่ยวกับลูกอย่างยาสีฟันเด็กก็ยิ่งต้องดูเรื่องนี้ให้ดีค่ะ ซึ่งยาสีฟันเด็กนั้นควรผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม (Oral Tolerance Evaluation) ว่าเป็นยาสีฟันที่ปลอดภัยและทำความสะอาดฟันได้อย่างอ่อนโยน

ก่อนที่คุณแม่คุณแม่จะเลือกซื้อแปรงฟันและยาสีฟันให้ลูก อย่าลืมศึกษาข้อมูลที่ DooDiDo นำมาฝากในวันนี้กันด้วยนะคะ สิ่งสำคัญในการป้องกันฟันผุให้ลูกนอกจากยาสีฟันผสมฟลูออไรด์แล้วก็คือการแปรงฟันให้ลูกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือ เช้า และก่อนนอนอย่างถูกวิธี และต้องพาลูกไปพบทันตแพทย์เป็นประจำตามนัดด้วยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.parentsone.com