สวนส้มเปลือกล่อน ให้ระวังเพลี้ยไก่แจ้ส้ม มันมาช่วงร้อนและแล้งนี้
ในช่วงที่อากาศร้อนและแล้ง สวนส้มเปลือกล่อน ให้ระวังเพลี้ยไก่แจ้ส้ม
สวนส้มเปลือกล่อนให้ระวังเพลี้ยไก่แจ้ส้ม ในช่วงที่อากาศร้อนและแล้งระยะนี้ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรสวนส้มเปลือกล่อนเฝ้าระวังการเข้าทำลายของเพลี้ยไก่แจ้ส้ม จะพบในระยะที่ต้นส้มแตกยอดอ่อนและติดผล
เกษตรกรควรสังเกตตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากตาและยอดอ่อน โดยตัวอ่อนของเพลี้ยไก่แจ้ส้มจะกลั่นสารสีขาวเป็นเส้นด้ายทำให้เกิดราดำ ใบและยอดที่ถูกเพลี้ยไก่แจ้ส้มทำลายจะหงิกงอและแห้งเหี่ยว
กรณีพบการเข้าทำลายถึงขั้นรุนแรง จะทำให้ใบร่วงติดผลน้อยหรือไม่ติดผลเลย นอกจากที่เพลี้ยไก่แจ้ส้มจะเข้าทำลายยอดอ่อนต้นส้มโดยตรงแล้ว เพลี้ยไก่แจ้ส้มยังเป็นพาหะที่ถ่ายทอดทำให้เกิดโรคใบเหลืองต้นโทรมหรือโรคกรีนนิ่ง ซึ่งเป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายไปเกือบทุกแหล่งที่ปลูกส้ม อีกทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นส้มทรุดโทรมและตายในที่สุด
ให้เกษตรกรหมั่นสำรวจการเข้าทำลายของเพลี้ยไก่แจ้ส้ม ในระยะที่ต้นส้มแตกตาและมียอดอ่อน หากสุ่มพบเพลี้ยไก่แจ้ส้มทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย 5 ยอดต่อต้น จำนวน 10-20 ต้นต่อสวน และในแหล่งที่มีการระบาดของโรคใบเหลืองต้นโทรมหรือโรคกรีนนิ่ง
เกษตรกรควรใช้วิธีป้องกันกำจัดในทันที โดยให้พ่นด้วยสารฆ่าแมลง
สูตร 1
- อิมิดาโคลพริด 70%
- ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
สูตร 2
- สารไดโนทีฟูแรน 10%
- ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
สูตร 3
- สารโคลไทอะนิดิน 16%
- เอสจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
สูตร 4
- สารแลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5%
- อีซี อัตรา 15 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
เกษตร และ บทวิเคราะห์ เทคโนโลยีทางการเกษตร ตลาดขายพืชผลทางการเกษตร ผลกระทบทางการเกษตร งบประมาณและนโยบายรัฐเพื่อการเกษตร และการส่งออกพืชผลทางการเกษตร ที่ได้รับความสนใจ ติดตามได้ที่ doodido
ที่มา : เกษตรก้าวไกล