สวนส้มเปลือกล่อน ให้ระวังเพลี้ยไก่แจ้ส้ม มันมาช่วงร้อนและแล้งนี้

WM

ภาพจาก pixabay

ในช่วงที่อากาศร้อนและแล้ง สวนส้มเปลือกล่อน ให้ระวังเพลี้ยไก่แจ้ส้ม

สวนส้มเปลือกล่อนให้ระวังเพลี้ยไก่แจ้ส้ม ในช่วงที่อากาศร้อนและแล้งระยะนี้ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรสวนส้มเปลือกล่อนเฝ้าระวังการเข้าทำลายของเพลี้ยไก่แจ้ส้ม จะพบในระยะที่ต้นส้มแตกยอดอ่อนและติดผล

เกษตรกรควรสังเกตตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากตาและยอดอ่อน โดยตัวอ่อนของเพลี้ยไก่แจ้ส้มจะกลั่นสารสีขาวเป็นเส้นด้ายทำให้เกิดราดำ ใบและยอดที่ถูกเพลี้ยไก่แจ้ส้มทำลายจะหงิกงอและแห้งเหี่ยว

กรณีพบการเข้าทำลายถึงขั้นรุนแรง จะทำให้ใบร่วงติดผลน้อยหรือไม่ติดผลเลย นอกจากที่เพลี้ยไก่แจ้ส้มจะเข้าทำลายยอดอ่อนต้นส้มโดยตรงแล้ว เพลี้ยไก่แจ้ส้มยังเป็นพาหะที่ถ่ายทอดทำให้เกิดโรคใบเหลืองต้นโทรมหรือโรคกรีนนิ่ง ซึ่งเป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายไปเกือบทุกแหล่งที่ปลูกส้ม อีกทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นส้มทรุดโทรมและตายในที่สุด

ให้เกษตรกรหมั่นสำรวจการเข้าทำลายของเพลี้ยไก่แจ้ส้ม ในระยะที่ต้นส้มแตกตาและมียอดอ่อน หากสุ่มพบเพลี้ยไก่แจ้ส้มทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย 5 ยอดต่อต้น จำนวน 10-20 ต้นต่อสวน และในแหล่งที่มีการระบาดของโรคใบเหลืองต้นโทรมหรือโรคกรีนนิ่ง

WM
ภาพจาก pixabay

เกษตรกรควรใช้วิธีป้องกันกำจัดในทันที โดยให้พ่นด้วยสารฆ่าแมลง

สูตร 1

  • อิมิดาโคลพริด 70%
  • ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

สูตร 2

  • สารไดโนทีฟูแรน 10%
  • ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

สูตร 3

  • สารโคลไทอะนิดิน 16%
  • เอสจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร

สูตร 4

  • สารแลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 2.5%
  • อีซี อัตรา 15 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร

เกษตร และ บทวิเคราะห์ เทคโนโลยีทางการเกษตร ตลาดขายพืชผลทางการเกษตร ผลกระทบทางการเกษตร งบประมาณและนโยบายรัฐเพื่อการเกษตร และการส่งออกพืชผลทางการเกษตร ที่ได้รับความสนใจ ติดตามได้ที่ doodido

ที่มา : เกษตรก้าวไกล