วิธีการแก้ไขพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก ควรทำอย่างไร?

WM

เด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง เราควรรับมืออย่างไรให้ถูกต้อง

พ่อแม่หลายคนคงกำลังหาวิธีอยู่ว่า ควรจะทำยังดีเมื่อลูกมีพฤติกรรมก้าวร้าว ขว้างปาข้าวของ มีอารมณ์รุนแรง เอาแต่ใจตัวเอง วันนี้เราจะมาพูดถึงเหตุผลและการแก้ไขปัญหาให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ให้ได้รู้ถึงวิธีรับมือและสาเหตุเพื่อในไปปรับใช้กับลูกๆของคุณได้อย่างถูกต้องเหมาะสม  เรามาพูดกันถึงสาเหตุของการเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กเล็กกันดีกว่า พุดได้เลยว่าการเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กในวัยเล็กมักเป็นเรื่องธรรมดาเพราะ เด็กในวัยเล็ก หรือวัยก่อนเข้าเรียนและเพิ่งเริ่มเข้าเรียนนั้นมีผลมาจากการที่เด็กไม่สามารถสื่อสารได้โดยตรงหรือการที่เด็กจะพยายามอธิบายความชอบและไม่ชอบแต่ไม่สามารถสื่อสารออกเป็นคำพูดได้ จึงมีการแสดงออกด้วยความรุนแรงในบางอย่าง อย่างเช่นการตะโกน การทุบตี การปัด การกัด เป็นต้น

สาเหตุของพฤติกรรมความรุนแรงต่างๆนั้น ในเด็กหลายๆคนจะลดลงได้เองเมื่อเด็กมีการเจริญเจิบโตในระดับหนึ่ง หรือคือเมื่อมีทักษะการสื่อสารการเข้าสังคมและการใช้ภาษาที่มากขึ้น เพราะตัวเด็กจะเริ่มเห็นวิธีการแก้ปัญหาแบบอื่นๆมาแทนการแสดงอารมณ์ที่รุนแรงแทนความไม่พอใจนั้นเอง อย่างไรก็ตาม จากที่เรากล่าวไปว่าเด็กจะเห็นการแก้ปัญหาแทนความรุนแรงนั้น หากตัวเด็กไม่ได้รับการดูแลที่ดีหรือไม่ได้รับการแสดงออกถึงการแก้ปัญหาที่ดี หรือพูดง่ายๆคือ เห็นการแก้ปัญหาแบบรุนแรงจากในครอบครัวนั้นก็จะยิ่งทวีพฤติกรรมก้าวร้าวและความรุนแรงของเด็กเข้าไปอีก ในจุดนี้พ่อแม่คนรอบข้างและสภาพแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆที่จะให้เด็กเรียนรู้ในแบบที่ถูกต้อง เมื่อเรารู้ถึงเหตุผลของความก้าวร้าวของเด็กๆ กันแล้ว เราก็ต้องมาหาวิธีรับมือให้ได้ว่า เมื่อเราเจอเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง เราควรรับมืออย่างไรให้ถูกต้องและสามารถสอนเขาให้ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีขึ้นได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/pexels-2286921/

1.การไม่เพิกเฉยต่อเด็กที่มีพฤติกรรมรุนแรง เมื่อคุณพ่อคุณแม่เห็นพฤติกรรมก้าวร้าวจากเด็กควรดึงเด็กออกมาทันทีและพยายามให้เขาควบคุมตัวเองโดยอาจจะมีข้อแม้หรือเงื่อนไขเล็กน้อยเพื่อบอกเขาว่าหากเขาทำตามนี้เขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ว่าใช้อารมณ์โมโหแล้วจะได้สิ่งเหล่านั้นเป็นต้น

2.ให้คุณพ่อคุณแม่หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงตอบโต้ หากเด็กมีพฤติกรรมรุนแรงสิ่งที่พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงเลยคือ การตะโกนว่าเสียงดังหรือการตีเด็กรวมถึงการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง เพราะนั้นจะทำให้เด็กคิดว่าการใช้อารมณ์เมื่อไม่พอใจคือสิ่งที่ถูกต้องเพราะพ่อแม่ทำเป็นตัวอย่างเมื่อไม่พอใจ พ่อแม่จึงควรรับมือด้วยความใจเย็นและอธิบายเหตุผล

3.แสดงเป็นตัวอย่างให้เด็กดู อย่างที่รู้กันว่า สภาพแวดล้อม สังคม และครอบครัวคือปัจจัยหลักสำคัญที่จะสามารถกำหนดได้เลยว่าเด็กคนนึงจะเกิดมามีพฤติกรรมแบบไหน ดังนั้นการที่พ่อแม่หรือคนรอบข้างแสดงเป็นตัวอย่างให้ดูถึงการไม่ใช้ความรุนแรงนั้นจะสามารถช่วยให้เด็กนั้นเข้าใจและยังหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการทำตามของเด็กต่อความรุนแรงอีกด้วย

4.การตักเตือนอย่างเด็กใช้ความรุนแรงต่อคนอื่น การสร้างเงื่อนไข กำหนดบทลงโทษเล็กๆน้อย เพื่อคอยเตือนเด็กว่า การทำแบบนี้จะมีผลที่ตามมานะเสมอเมื่อ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/iqbalnuril-12845379/

5.เปิดใจคุยและสอนให้เด็กยอมรับผิด การให้เด็กรู้จักรับผิด การเปิดใจคุยถึงปัญหาและเหตุผลที่เด็กแสดงออกนั้นก็สำคัญเช่นกัน เพราะการขอโทษจะเป็นการช่วยให้เด็กนั้นสามารถสงบสติอารมณ์และเข้าใจความผิดของตัวเองมากขึ้นและจะช่วยลดความรุนแรงที่จะตามมาจากทั้งอารมณ์และการกระทำได้ดี

จากที่ DooDiDo กล่าวมาจะเห็นได้ว่า ปัจจัยสำคัญหลักๆนั้นคือ สภาพแวดล้อม สังคม และการปลูกฝังตั้งแต่เล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กเจอกับความรุนแรง หรือการสอนให้เขาเข้าใจว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหา ในปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่าการอยู่ร่วมกันระหว่างเด็กกับคุณพ่อคุณแม่นั้นค่อนข้างจะอยู่ด้วยกันน้อยมากมีเวลาให้กันน้อยมาก ส่วนใหญ่เด็กหลายๆคนจะใช้เวลาอยู่กับสภาพแวดล้อมและเพื่อนๆนโรงเรียนมากกว่า ผู้ปกครองหลายคนจึงมีการมองหาโรงเรียนทั้ง รัฐบาล เอกชน และโรงเรียนนานาชาติ เพื่อมอบสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดให้กับลูก และโรงเรียนที่ดีจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการสั่งสอนเด็กรวมถึงมีวิธีการสอนเด็กเพื่อให้เขาโตขึ้นเป็นเด็กที่ดีในสังคมเช่นกัน

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.thaisabuy.com