มาดูวิธีการดูแลสุขภาพลูกน้อยในช่วงหน้าฝนนี้กัน!!

WM

ในช่วงอากาศร้อนชื้น การเลือกและเตรียมอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กก็มีส่วนสำคัญ

คุณพ่อคุณแม่จะเห็นได้ว่าช่วงนี้สภาพอากาศประเทศไทยได้เข้าสู่หน้าฝน สุขภาพของเด็กๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะอากาศเย็น ชื้น มักจะทำให้เด็กป่วยได้ง่าย เราจึงมีวิธีง่ายๆ ดูแลลูกในช่วงหน้าฝนมาฝากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันค่ะ โรคที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดในช่วงฤดูฝน หรือ ฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงรวมทั้งยังมีทั้งความร้อนและความชื้นในอากาศในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ตามมากับความชื้นคือ ปัญหาด้านการปรับอุณหภูมิในร่างกายของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่มีอาการผิดปกติต่างๆในร่างกาย ก็มักมีสาเหตุมาจากความชื้น

เมื่อความชื้นแทรกซึมเข้ามากระทบร่างกาย จะก่อให้เกิดการเข้าไปสะสม จนเริ่มอุดตันในอวัยวะภายในและเส้นลมปราณ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อม้ามโดยตรง เนื่องจากม้ามเป็นธาตุดิน ชอบความแห้ง กลัวความชื้น ส่งผลให้ม้ามถูกความชื้นรุกรานได้ง่าย ถ้าม้ามและกระเพาะอาหารกระทบความชื้นจะทำให้การย่อยและการดูดซึมอาหารเสียไป มีอาการเกี่ยวกับโรคทางเดินอาหาร , เบื่ออาหาร ,  ท้องอืด ,  ท้องเดิน ,  โรคผิวหนัง หรือไข้หวัดเป็นๆหายๆ เป็นต้น

8 เคล็ดลับ ดูแลสุขภาพในฤดูฝน รับมือหน้าฝนยังไงไม่ให้ป่วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/victoria_art-6314823/

1. พกร่ม เสื้อกันฝน ติดกระเป๋า ก่อนออกจากบ้านทุกวันต้องเตรียมเสื้อกันฝน ร่ม ติดกระเป๋าเตรียมไว้เสมอ หรือฝากคุณครูที่โรงเรียนของลูกไว้เลยก็ได้

2. ล้างมือสม่ำเสมอ ไม่ว่าฤดูไหน การดูแลความสะอาดเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการดูแลสุขภาพ การล้างมือ ต้องสร้างให้เป็นสุขนิสัยของลูก ๆ สอนให้ลูกล้างมือทุกครั้งก่อนกินข้าว กินขนม ก่อนหยิบของอะไรเข้าปาก หลังเข้าห้องน้ำ หลังเล่นกับเพื่อน และระวังไม่ให้ลูกใช้มือสกปรกเอาเข้าปาก หรือขยี้ตา ถ้าออกไปนอกบ้าน ไม่สะดวกล้างมือ อาจจะพวกแอลกอฮอล์เจลติดตัว หรือกระดาษทิชชู่เปียกแทนการล้างมือ

3. ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ฝนตกอากาศเย็น ๆ ชื้น ๆ ควรปรับร่างกายให้อุ่นไว้ ถ้าเป็นผู้ใหญ่อาจจะดื่มชาสมุนไพรร้อน ๆ แต่สำหรับลูกอาจจะดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ เช่น นมร้อน ช็อคโกแลตร้อน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@mdesign85

4. เลี่ยงอาหารข้างทาง สตรีทฟู้ด ถึงปกติจะกินอาหารร้านข้างกันเป็นประจำ แต่ถ้าช่วงฤดูฝนต้องระวังให้มากขึ้น ควรเลือกร้านที่มีภาชนะปิดมิดชิด ไม่มีน้ำฝน กระเด็นปนเปื้อน หรือ ควรเป็นอาหารที่ทำร้อน สุกใหม่ เพื่อป้องกันอาการท้องร่วง ท้องเสีย จากน้ำสกปรก หรือ สารปนเปื้อน
เตรียมร่ม ชุดกันฝน ติดกระเป๋าลูก ต้องมีร่ม เสื้อกันฝน ติดตัวไว้เสมอ เมื่อต้องออกนอกบ้าน เพราะไม่รู้ว่าฝนจะตกมาวันไหนบ้าง

5. อย่าปล่อยให้ตัวเปียกนาน ถ้าตัวเปียกจากน้ำฝนที่ตกใหม่ ๆ ต้องระวังว่าจะมีสารเคมี สารปนเปื้อน สิ่งสกปรกจากน้ำฝนทำให้เจ็บป่วยได้ และไม่ควรปล่อยให้ตัวเปียกนานเกินไป อาจทำให้ป่วยจากไข้หวัด ปอดบวม โรคทางเดินหายใจได้ ควรรีบอาบน้ำ ล้างทำความสะอาดร่างกาย แล้วเช็ดตัวให้แห้ง อยู่ในที่อุ่น ๆ ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ

6. ระวัง ยุง แมลงสัตว์กัดต่อย ฤดูฝนนี่เป็นฤดูของสารพัดสัตว์มีพิษทั้งหลายเลย เพราะอาจจะเห็นสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีพิษ ทั้งแมงป่อง ตะขาบ ยุง แมลงต่าง ๆ มาเป็นแขกไม่ได้รับเชิญในบ้านได้ ต้องตรวจดูบ้านอยู่เสมอ ฝาท่อระบายน้ำในห้องน้ำ ในครัว ต้องปิดมิดชิด ภาชนะที่มีน้ำขังต้องเท คว่ำเก็บให้หมด หรือแม้แต่ตามจุดอับที่มองไม่เห็น เช่น ตู้รองเท้า ในรองเท้า ก่อนใช้ควรใช้ไม้เคาะ ๆ ด้วย เผื่อมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอ นอนขดหลบอยู่ และสอนลูกให้รู้จักระวังสัตว์มีพิษเหล่านี้ อาจจะให้ดูภาพ สอนว่าถ้าเจอ ห้ามจับเล่นเด็ดขาด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@cdc

7. กินอาหารดี มีประโยชน์ พื้นฐานสำคัญการ ดูแลสุขภาพในฤดูฝน คือ อาหารการกิน อาหารที่ให้ลูกกินเป็นประจำต้องเป็นอาหารที่ดีมีประโยชน์ ให้ลูกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ให้ถูกสัดส่วน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร วิตามินอย่างครบถ้วน ผักผลไม้ต้องมีในทุกมื้อ อย่าให้ลูกกินอาหารมัน ๆ ทอด ๆ ขนมขบเคี้ยวมากเกินไป

8. เสริมวิตามิน ดูแลสุขภาพในฤดูฝน ถ้าลูกกินอาหารได้น้อย ไม่ครบหมู่ หรือไม่ค่อยชอบกินผักผลไม้ อาจทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย ควรเสริมด้วยวิตามินรวม นอกจากอาหารหลัก เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร วิตามินที่เพียงพอ เช่น Nutroplex ซึ่งมี Oligofructose เป็นใยอาหารจากธรรมชาติ ที่ช่วยในการปรับสมดุล ด้านระบบทางเดินอาหาร www.gedgoodlife.com

ในช่วงอากาศร้อนชื้น การเลือกและเตรียมอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กก็มีส่วนสำคัญ ในช่วงนี้ควรงดอาหารทอดน้ำมัน , หรือ อาหารรสหวานจัด ควรรับประทานในปริมาณที่ไม่มากเกินไป เนื่องจากอาหารชนิดทอดๆมันๆ รสหวานจัด จะทำให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเสียสมดุล ก่อให้เกิดโรคได้ ในช่วงวัยเด็ก ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มจะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนั้น DooDiDo แนะนำว่าเด็กจึงควรได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่และวิตามิน ในปริมาณที่เหมาะสม และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลลูกน้อยเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินและสุขภาพของของต่างก็มีความสำคัญเช่นกันเพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.rakluke.com