พาส่อง! 5 นิสัยของพ่อแม่ที่ทำลายความคิดสร้างสรรค์ของลูก

WM

สิ่งขัดขวางความคิดสร้างสรรค์สิ่งหนึ่งเลย คือ การต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากจนเกินไป

คุณแม่คุณแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกๆ ของเรานั้นเป็นเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะที่พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกมีติดตัว ซึ่งในโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านอย่างมา ทำให้เราต้องมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณืที่เปลี่ยนแปลง จึงไม่แปลกหากพ่อแม่นั้นอยากให้ลูกๆ เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีภูมิคุ้มกันในชีวิตเพื่อรับมือและแก้ไขกับสถานการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้น

ความคิดสร้างสรรค์เป็นทักษะที่พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกมีติดตัว แต่คุณกำลังเป็น อุปสรรค ที่ทำลายโอกาสฝึกฝนของลูกอยู่หรือเปล่า มาสำรวจนิสัยของเราและแก้ไขก่อนสายไป ในโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง การที่เรามีความคิดที่ยืดหยุ่น รับมือกับการเปลี่ยนแปลง และสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้จึงเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับคนในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นแนวคิดที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่า นอกจากการมีชีวิตที่มั่นคง ดูแลตนเองและผู้อื่นได้ ยังไม่พอ หากเราต้องการเห็นลูกของเรามีความสุข เราต้องเพิ่มทักษะดังกล่าวแก่เขา หารู้ไม่ว่ามีนิสัยของพ่อแม่บางอย่างที่ทำลายความคิดสร้างสรรค์ของลูกไปโดยไม่รู้ตัว จะมีนิสัยแบบใดบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก : https://www.freepik.com/cookie-studio

1.พ่อแม่นักห้าม
หรือลักษณะนิสัยของพ่อแม่ประเภทนี้เรียกได้อีกอย่างว่า เป็นพ่อแม่ที่ปกป้องลูกมากเกินไปนั่นเอง คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจเคยชินกับความคิดที่ว่าลูกยังเด็ก เชื่อว่าการคิดว่าลูกยังเป็นเด็กในสายตาพ่อแม่เสมอ แต่รู้หรือไม่ว่าการคิดแบบนี้เป็นการปิดกั้นความคิดของลูก เพราะเมื่อเราเห็นเขาเป็นเด็ก เรามักจะไม่เชื่อในความสามารถของลูก ไม่มั่นใจในการตัดสินใจของเขา ไม่คิดว่าลูกจะต้องเรียนรู้จากการลองผิดลองถูก จึงเท่ากับเป็นนิสัยที่พ่อแม่อย่างเราที่คิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นการทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่กลับกลายเป็นการทำร้าย ปิดทางไม่ให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ไปเสียหมด

2.พ่อแม่จอมบ่น
เข้าใจว่าการสั่งสอนลูกคงต้องใช้การพูดบอก แต่บางครั้งถ้ามากเกินไปอาจทำให้ลูกรู้สึกว่าการสอนนั้นเป็นการบ่นไปเสียได้ โดยเฉพาะกับลูกที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นด้วยแล้ว การสอนของคุณพ่อคุณแม่ควรต้องปรับเปลี่ยนแนวทางจากเดิมเล็กน้อย เหมือนดั่งที่นายแพทย์ ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ได้ให้แนวทางไว้ในการปฎิสัมพันธ์กับลูกวัยรุ่นนั้นว่า “พูดให้น้อย สั้น ๆ ตรงประเด็น แล้วทำบ้านให้น่าอยู่” เมื่อเราจะสอนให้ลูกคิดเป็น คิดสร้างสรรค์ พ่อแม่ก็ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ลอง ได้คิด และถอยออกมาเป็นโค้ชแทน เพราะการเรียนรู้ใด ๆ ก็ไม่ดีเท่าการลงมือทำมิใช่หรือ

3.พ่อแม่เจ้าระเบียบ
สิ่งขัดขวางความคิดสร้างสรรค์สิ่งหนึ่งเลย คือ การต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากจนเกินไป เมื่อพ่อแม่วางกรอบล้อมรอบตัวลูกจนเขาไม่สามารถออกนอกกรอบได้ ความคิดสร้างสรรค์ก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน กฏเกณฑ์ที่เคร่งครัด และข้อจำกัดมากมายจะเป็นตัวขัดขวางการรวบรวมข้อมูล และความคิดที่จะนำข้อมูลมาเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับสิ่งอื่น ๆ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานสำคัญของการเกิดความคิดเชิงสร้างสรรค์

ขอบคุณภาพจาก : https://www.freepik.com/peoplecreations

4.พ่อแม่ช่างตำหนิ
รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี คำกล่าวนี้คงใช้ไม่ได้กับการฝึกฝนทักษะความคิดเชิงสร้างสรรค์ให้ลูก การทำลายความมั่นใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ของลูกนั้น ไม่ว่าจะเป็นการค้าน การตัดกำลังใจ หรือคำตำหนิแบบใดก็ตาม นอกจากจะทำให้ลูกขาดความมั่นใจแล้ว ยังทำให้ลูกไม่กล้าทำอะไรเพราะยิ่งเราลงโทษ หรือตำหนิเมื่อลูกได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็จะทำให้เขาขาดความกล้าที่จะทดลองทำ ไม่เพียงแต่การตำหนิโดยตรง การพูดคุยกล่าวถึงลูกในเชิงไม่ชื่นชมต่อหน้าผู้อื่นให้ลูกได้ยิน ก็เปรียบเสมือนการทำลายความมั่นใจของลูกเช่นกัน ซึ่งนับเป็นอุปสรรคของความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งไม่ได้ลองทำความคิดเชิงสร้างสรรค์ก็จะค่อยๆ หายไป

5.พ่อแม่จอมชี้นำ
การแก้ปัญหา การเดินทางไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้นั้น หนทางมิได้มีเพียงหนทางเดียวเสมอไป การที่พ่อแม่คอยแต่จะชี้นำให้ลูกเดินตามทางที่ตนคิด หรือชี้นำแนวทางให้ลูกเลือกคำตอบที่ตนเองคิดว่าถูกต้องแล้วนั้น คืออุปสรรคในการขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ของลูก เพราะการมัวแต่ย้ำว่าคำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวนั้น ทำให้ลูกเข้าใจว่าได้รับคำตอบที่ถูกต้องแล้ว ก็จะไม่คิดถึงหนทางอื่นที่มันก็สามารถพาเราไปถึงที่หมายได้เช่นกัน ทำให้ลูกขาดแรงกระตุ้นที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ไปเสีย

นิสัยทั้ง 5 ข้อที่ DooDiDo ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ล้วนเป็นนิสัยของคุณพ่อคุณแม่ที่ทำไปเพื่อหวังจะให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนที่มีทักษะในการแก้ปัญหาได้ แต่หารู้ไม่ว่านิสัยเหล่านี้ จะทำให้ลูกของคุณไม่กล้าที่จะคิดเอง ทำอะไรเองค่ะ ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์เองได้ ต้องฝึกให้เค้าทำอะไรด้วยตัวเองนะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.amarinbabyandkids.com