ตาแห้ง อาการ สาเหตุ และเคล็ดลับในการบำรุงดวงตา

ตาแห้ง

ตาแห้ง เป็นโรคที่เกิดจากหลายปัจจัย มีวิธีการรักษาและวิธีแก้ตาแห้ง แสบตาได้หลายวิธี การใช้ยา น้ำตาเทียม และยาหยอดตา เป็นส่วนประกอบสำคัญในแผนการรักษาโรคตาแห้งเรื้อรัง แต่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตสามารถทำงานควบคู่ไปกับการใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนที่เป็นโรคตาแห้งได้ วิธีหลักอย่างหนึ่งที่ผู้คนสามารถทำได้คือการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและค้นพบว่าอาหารชนิดใดที่เหมาะกับการต่อสู้กับอาการตาแห้ง

ตาแห้ง คืออะไร และมีอาการอย่างไร

ตาแห้งเกิดขึ้นเมื่อดวงตามีน้ำตาไม่เพียงพอที่จะทำให้เปียก หรือเมื่อน้ำตาทำงานไม่ถูกต้อง สิ่งนี้อาจทำให้ดวงตาของคุณรู้สึกไม่สบาย และในบางกรณีก็อาจทำให้เกิดปัญหาการมองเห็นได้เช่นกัน อาการตาแห้งเป็นเรื่องปกติ โดยส่งผลกระทบต่อหลายล้านคนทุกปี แต่สามารถรักษาสุขภาพดวงตาให้แข็งแรงและรู้สึกสบายขึ้นได้ ซึ่งอาการของตาแห้งอาจจะทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรเข้าตา รู้สึกแสบหรือแสบร้อนในดวงตา มีความไวต่อแสงและมองเห็นไม่ชัด ดวงตาแดงหรือระคายเคือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่กลางลมหรือใกล้ควันบุหรี่ การใส่คอนแทคเลนส์รู้สึกเจ็บ

ตาแห้ง

สาเหตุหลักของอาการ

ผู้คนมักจะร้องไห้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทั้งชายและหญิงสามารถเกิดอาการตาแห้งได้ อย่างไรก็ตาม พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน สาเหตุของตาแห้ง เกิดจากอาการดังนี้

  • โรคบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ กลุ่มอาการโจเกรน โรคต่อมไทรอยด์ และโรคลูปัส
  • เกล็ดกระดี่ (เมื่อเปลือกตาบวมหรือแดง)
  • Entropion (เมื่อเปลือกตาเปิดเข้า); ectropion (เปลือกตาหันออกไปด้านนอก)
  • อยู่ในควัน ลม หรือสภาพอากาศที่แห้งมาก
  • การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การอ่านหนังสือ และกิจกรรมอื่นๆ ที่ลดการกระพริบตา
  • การใช้คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน
  • มีการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ เช่น เลสิค
  • การรับประทานยาบางชนิด เช่น:
  • ยาขับปัสสาวะ (ยาน้ำ) สำหรับความดันโลหิตสูง
  • Beta-blockers สำหรับปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือความดันโลหิตสูง
  • ยาแก้ภูมิแพ้และหวัด (ยาแก้แพ้)
  • ยานอนหลับ
  • ยาแก้วิตกกังวลและยาแก้ซึมเศร้า
  • ยาแก้เสียดท้อง

การวินิจฉัยโรคและการรักษาอาการ

จักษุแพทย์จะเริ่มต้นด้วยการตรวจตา โดยจะมองที่เปลือกตา พื้นผิวของดวงตาและตรวจสอบการกระพริบตา มีการทดสอบต่างๆ มากมายที่ช่วยวินิจฉัยอาการตาแห้ง จักษุแพทย์อาจทำการทดสอบเพื่อวัดคุณภาพหรือความหนาของน้ำตา นอกจากนี้ยังอาจวัดการหลั่งน้ำตาได้เร็วแค่ไหน และใช้วิธีรักษาโรคตาแห้ง วิธีรักษาด้วยการเติมน้ำตาหรือใช้น้ำตาเทียม คือยาหยอดตาที่เหมือนกับน้ำตานั่นเอง โดยสามารถใช้น้ำตาเทียมได้บ่อยเท่าที่ต้องการ และหาซื้อน้ำตาเทียมได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา หรือจักษุแพทย์อาจแนะนำให้ปิดกั้นท่อน้ำตา สิ่งนี้จะทำให้น้ำตาตามธรรมชาติอยู่ในดวงตาได้นานขึ้น โดยเสียบซิลิโคนหรือเจลขนาดเล็ก (เรียกว่าปลั๊กอุดฟัน) เข้าไปในท่อน้ำตา ปลั๊กเหล่านี้สามารถถอดออกได้ในภายหลังตามความจำเป็น หรือการผ่าตัดเพื่อปิดท่อน้ำตาอย่างถาวร

เคล็ดลับการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา

การแก้ ตาแห้ง ธรรมชาติในเรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น พยายามอย่าใช้เครื่องเป่าผมถ้าเป็นไปได้ ในหน้าหนาวให้อยู่ห่างจากห้องที่อบอุ่นมากและเพิ่มความชื้นให้กับอากาศด้วยเครื่องทำความชื้น ปกป้องดวงตาจากลมแห้งด้วยการสวมแว่นตาแบบพันรอบด้านนอก หรือปรึกษากับจักษุแพทย์เกี่ยวกับการเติมกรดไขมันโอเมก้า 3 ในอาหารเพื่อบรรเทาอาการตาแห้ง พบตามธรรมชาติในปลาที่มีน้ำมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาเทราท์ และแอนโชวี่ หรือสามารถป้องกันอาการตาแห้งโดยใช้ขี้ผึ้งน้ำตาเทียมหรือยาหยอดตาชนิดเข้มข้นก่อนเข้านอน ประคบอุ่นที่ดวงตา นวดเปลือกตาและน้ำยาทำความสะอาดเปลือกตาบางชนิด

อาหารที่มีโภชนาการที่ดีสำหรับดวงตา

การรับประทานอาหารที่เหมาะสมจะทำให้ได้รับวิตามินที่ช่วยให้อาการตาแห้งดีขึ้นได้ โภชนาการสำหรับดวงตาเป็นส่วนสำคัญของการดูแลดวงตา เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อปกป้องสุขภาพดวงตา การเติมสารอาหารที่เหมาะสมให้กับร่างกายสามารถช่วยให้มองเห็นและป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตาได้ โภชนาการที่ดีสำหรับดวงตา มีดังนี้

  • ผักใบเขียว : เช่น ผักคะน้า ผักโขม และแม้แต่บรอกโคลี อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ลูทีน และซีแซนทีน สิ่งเหล่านี้ช่วยปกป้องมาคูลาซึ่งเป็นบริเวณที่ให้การมองเห็นที่มีรายละเอียดมากที่สุดและช่วยลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาดวงตา
  • ปลา : ปลาและหอย เช่น หอยนางรมมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งสามารถช่วยลดการอักเสบในดวงตาได้ โดยเฉพาะในท่อน้ำตา วิธีนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ที่เป็นโรคตาแห้ง เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของการผลิตน้ำตา และบรรเทาอาการได้
  • มันเทศและแครอท : แครอทมีวิตามินเอตามธรรมชาติในปริมาณที่ดี ส่วนมันเทศก็มีวิตามินเอมากกว่า วิตามินเอมีบทบาทสำคัญในการรักษากระจกตาให้ใส ซึ่งเป็นชั้นฟิล์มด้านนอกรอบดวงตา
  • ผลไม้รสเปรี้ยว : เช่น มะนาว เกรปฟรุต และส้ม อุดมไปด้วยวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในการรักษาสุขภาพดวงตา สามารถช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจกที่เกี่ยวข้องกับอายุได้
  • ถั่ว : ถั่วต่างๆ โดยเฉพาะอัลมอนด์ วอลนัท และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และวิตามินอีสูง วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องดวงตาจากการได้รับความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย ซึ่งจะทำให้เซลล์เสื่อมสภาพตามอายุ
  • เมล็ดพืช : เช่น เมล็ดเชียและเมล็ดแฟลกซ์ เป็นอีกแหล่งที่ดีของกรดไขมันโอเมก้า 3 และเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เป็นมังสวิรัติ
  • อาหารที่มีนมเป็นหลัก : ผลิตภัณฑ์จากนมมีวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่ออาการตาแห้ง นมวัว โยเกิร์ต และนมถั่วเหลืองล้วนมีวิตามินเอ

เครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อรักษาดวงตาไม่ให้แห้ง

น้ำ คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรดื่มเพื่อแก้ตาแห้ง ดวงตาจะแห้งเมื่อขาดน้ำเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอสามารถช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8 ถึง 10 แก้วหากเป็นโรคตาแห้ง และเครื่องดื่มที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ดังนี้

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งทำให้เลนส์ตาบวม ส่งผลให้ตาแห้ง จึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ของขบเคี้ยวที่มีน้ำตาล : เมื่อน้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้เส้นประสาทในดวงตาเสียหายได้ ซึ่งอาจส่งผลให้มีน้ำตาน้อยลงและเชื่อมโยงกับอาการตาแห้ง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงขนมหวาน ช็อกโกแลต และมันฝรั่งทอดกรอบ
  • อาหารจานด่วน : อาหารที่มีไขมันสามารถผลิตคอเลสเตอรอลซึ่งสามารถปิดกั้นเส้นเลือดในดวงตาได้ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่สายตาที่ไม่ดีและสภาวะต่างๆ เช่น โรคตาแห้ง

สำหรับคนที่แพ้อาหารที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่ออาหารบางประเภทมากเกินไป อาจทำให้เกิดการอักเสบในดวงตานำไปสู่อาการตาแห้งได้ การปรับปรุงอาหารและการให้น้ำสามารถช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้จริง แต่ก็ไม่ใช่วิธีรักษาและป้องกันที่สมบูรณ์ เนื่องจากยังควรใช้ยาหยอดตาและน้ำตาเทียมเพื่อจัดการกับอาการนี้

บทสรุป

อาการตาแห้ง แสบตาถึงไม่เป็นอันตรายแต่อาจจะสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตได้ และหากปล่อยไว้อาจเป็นตาแห้งเรื้อรังถึงขั้นอักเสบรุนแรงเสี่ยงต่อการตาบอดได้ หากเริ่มมีอาการให้รีบป้องกันและปรับวิธีการใช้ดวงตาให้ถูกต้อง เลือกใช้ยาหยอดตา ทานอาหารที่มีโภชนาการในการบำรุงดวงตา และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ หากมีอาการรุนแรงขึ้นให้ไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและดูแลรักษาอาการตาแห้งอย่างถูกต้อง ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม

 

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com

ขอบคุณภาพประกอบจาก : istockphoto.com

ขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก :

  • nei.nih.gov
  • aao.org
  • pecps.com
  • dryeyeandme.co.uk