สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่เน้นเน้นกับ OPPO F11 Pro

หน้าจอใหญ่ไร้สิ่งบดบังกับโทรศัพท์มือถือ OPPO F11 Pro

Doodido แนะนำโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่ถูกพัฒนามาจาก OPPO f11 แต่ถึงแม้จะเป็นการพัฒนามาจากรุ่นก่อนหน้าการออกแบบดีไซน์ของตัวเครื่องก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอของตัวเครื่องหรือฝาหลังของตัวเครื่อง ตัวเครื่อง Oppo f11 Pro ได้มีการอัพเกรดในหลายๆด้านเพิ่มขึ้นมาด้วย

การออกแบบดีไซน์ของตัวเครื่องจะยังคงมีการทำขอบให้โค้งมนเพื่อให้การจับตัวเครื่องสามารถจับได้อย่างถนัดมือพร้อมทั้งฝาหลังของตัวเครื่องยังมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Nano Printing เคลือบอยู่เพื่อให้ฝาหลังนั้นมีสัมผัสเรียบและลื่น ตัวฝาหลังของเครื่องยังมีการออกแบบที่สวยงามด้วยการไล่เฉดสีแบบ Triple-color Gradient ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 161.3 × 76.1 × 8.8 มิลลิเมตร น้ำหนักของตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ 190 กรัม ซึ่งสำหรับเครื่องนี้นั้นจะมีความใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า และน้ำหนักที่มากกว่า

ตัวเครื่องนี้จะมีให้เลือกอยู่ทั้งหมด 2 สีด้วยกันนั่นก็คือสี Aurora Green และสี Thunder Black ซึ่งทั้งสองสีก็จะมีเทคนิคที่ใช้ในการทำฝาหลังซึ่งเป็นการไล่เฉดสีดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ดูสวยงาม และการไล่เฉดสีของตัวฝาหลังของเครื่องจะมีมากถึง 3 สีด้วยกัน เช่น สี Thunder Black จะมีการไล่เฉดสีระหว่าง แดง ดำ และ น้ำเงิน

หน้าจอที่ใช้ในการแสดงผลจะไม่มีติ่งให้มารบกวนจิตใจเพราะจะเป็นหน้าจอแบบ Panoramic screen ดังนั้นพื้นที่ของการใช้งานหน้าจอจะมีมากถึง 90.9% ด้วยกันตัวของหน้าจอยังมีการใช้กระจกแบบ Corning Gorilla Glass 5 ซึ่งเป็นกระจกแข็งที่สามารถทนทานต่อการขีดข่วนได้ หน้าจอของตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 6.5 นิ้ว หน้าจอจะเป็นหน้าจอแบบ FHD+ ความละเอียดอยู่ที่ 2340 x 1080 พิกเซล อัตราส่วนของหน้าจอและตัวเครื่องจะอยู่ที่ 19.5:9

Concept ของหน้าจอของตัวเครื่องยังคงเดิมด้วยการวางลำโพงสำหรับสนทนาและเซ็นเซอร์ต่างๆเอาไว้ที่ขอบของหน้าจอด้านบน ซึ่งเป็นการซ่อนที่ทำให้หน้าจอแสดงผลของตัวเครื่องดูเกลี้ยงเกลา สามารถใช้งานจอได้อย่างเต็มที่

การออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องด้านซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มสำหรับเพิ่มเสียงและลดเสียง ด้านขวาของตัวเครื่องก็จะมีช่องสำหรับถาดใส่ซิมการ์ดที่สามารถรองรับการใช้งานได้ถึง 2 ซิมและเป็นถาดแบบไฮบริดที่สามารถเปลี่ยนเป็น Micro SD Card เพื่อเพิ่มหน่วยความจำเพิ่มเติมเข้าไปในตัวเครื่อง และสามารถรองรับหน่วยความจำเพิ่มเติมได้สูงสุดถึง 256 GB

ถัดลงมาจะเป็นปุ่มสำหรับเปิดปิดตัวเครื่องหรือเปิดปิดหน้าจอของเครื่อง ตัวปุ่มนี้ยังคง Concept เดิมด้วยการใส่สีที่ตัดจากสีของตัวเครื่อง ด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นรูของไมโครโฟนที่ใช้ตัดเสียงรบกวน ตรงกลางของด้านบนจะเป็นที่สำหรับกล้องหน้าซึ่งมีความละเอียดสูงสุดถึง 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงอยู่ที่ f/2.0 และตัวกล้องหน้าจะสามารถเลื่อนขึ้นและเลื่อนลงได้เป็นกล้องหน้าแบบ Rising Camera และตัวกล้องหน้านี้จะใช้งานในการปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า ถัดจากตัวกล้องน่าจะเป็นระบบเซ็นเซอร์ของตัวเครื่อง

ด้านล่างของตัวเครื่องก็จะเป็นช่องสำหรับต่อต่างๆเรียงจากซ้ายไปขวาช่องแรกจะเป็นช่องสำหรับหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตรต่อมาจะเป็นรูไมโครโฟนของตัวเครื่องและตรงกลางจะเป็นพอร์ตสำหรับชาร์จแบตเตอรี่เข้าสู่เครื่องเป็นพอร์ตแบบ Micro USB ซึ่งสามารถรองรับการชาร์จเร็วได้แบบ VOOC Flash Charge 3.0 ถัดมาจะเป็นลำโพงของตัวเครื่อง

ฝาหลังของตัวเครื่องนอกจากจะมีการออกแบบที่สวยงามแล้วก็ยังมีการวางกล้องคู่ในแนวตั้งด้านบนก็จะเป็นไฟแฟลช LED ต่อลงมาจากกล้องคู่ก็จะเป็นจุดสแกนลายนิ้วมือของตัวเครื่อง กล้องคู่จะมีรายละเอียดดังนี้

• ด้านบนสุดจะเป็นกล้องที่มีความละเอียดสูงสุดถึง 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/4
• กล้องหลักเลนส์ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/79

สำหรับเครื่องนี้ก็ยังคงมีระบบ AI ที่จะมาช่วยในการถ่ายภาพให้มีความสวยงามอยู่เหมือนกัน ตัวเครื่องจะมีระบบ AI Scene Recognition ที่จะใช้ในการตรวจจับภาพและทำการปรับการถ่ายภาพให้มีความเหมาะสมต่อภาพที่เป็นวิวทิวทัศน์ หรือ บุคคล เป็นต้น

ตัวเครื่องจะมีการใส่หน่วยประมวลผลเป็น MediaTek Helio P70 Octa-core ความเร็วประมวลผลอยู่ที่ 2.1 GHz หน่วยประมวลผลภาพจะเป็น Mali-G72 MP3 แบตเตอรี่ของตัวเครื่องที่ให้มามีมากถึง 4,000 มิลลิแอมป์ สามารถรองรับการชาร์จไวได้ ระบบปฏิบัติการของเครื่องจะเป็น Android 9.0 ครอบด้วย ColorOS 6.0 แรมของเครื่องที่ให้มามีทั้งหมด 6 GB

เมื่อทำการแกะกล่องออกมาจะพบกับ OPPO F11 Pro ที่ขาดไม่ได้เลยก็จะเป็นอแดปเตอร์ที่จะมาพร้อมกับสายชาร์จแบบ Micro USB และจะมีเคสแถมมาให้ด้วยอีกหนึ่งชิ้น แต่ในรุ่นนี้จะไม่มีหูฟังให้ ภายในกล่องยังมีคู่มือการใช้งานเบื้องต้น และ เข็มสำหรับถาดใส่ซิมการ์ด

เป็นอย่างไรบ้างกับ OPPO F11 Pro ที่ทาง SA Game ได้นำมาเสนอในบทความครั้งนี้โดยเครื่องนี้จะมีราคาที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เล็กน้อย และ จะอยู่ที่ประมาณ 10,990 บาท จำหน่ายตามร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

แหล่งที่มา : thaimobilecenter.com / whatphone.net / techoffside.com / news.siamphone.com