iPhone 11 Pro สมาร์ทโฟนอัพเกรด รุ่นต่อจาก iPhone 11

iPhone 11 Pro

ภาพจาก : Apple.com brand : Apple

iPhone 11 Pro รุ่นขั้นกว่าของ iPhone 11

สำหรับคนที่ชอบไอโฟน ในตอนนี้ต้องบอกเลยว่า iPhone 11 Pro นาทีนี้มาแรงจริง ๆ ด้วยความสามารถของ iPhone 11 ที่มีดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้นทำให้ตัว iPhone 11 Pro ดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะทาง Apple เขาได้ทำให้ความสามารถของ iPhone 11 Pro มันมีมากกว่า iPhone 11 อยู่แล้ว ก็ขึ้นชื่อว่า Pro ก็ต้องดีกว่าสิ และ ที่สำคัญทาง Apple ได้มีการนำชื่อ Pro มาต่อท้ายชื่อเป็นครั้งแรกด้วยล่ะ

Doodido ว่าสาวกไอโฟนตอนนี้อาจจะต้องเริ่มปวดหัวกันบ้างแล้วล่ะ ว่าจะเลือกอันไหนดีน้าระหว่าง iPhone 11 ก็ดี หรือว่าจะอัพเกรดเป็นรุ่น iPhone 11 Pro ดีนะ งั้นก็ต้องมาเจาะลึกกันในเรื่องของความสามารถที่มีมาของตัว iPhone 11 Pro ทั้งภายนอก และ ภายในเอาให้หมดเปลือกเลยดีกว่า โดยไอโฟนรุ่นนี้ก็ยังสามารถหาซื้อได้อยู่ผ่านทาง apple.com/th, แอป Apple Store, และที่ร้าน Apple Iconsiam รวมไปถึงผู้จัดจำหน่ายของ Apple และ ผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วประเทศ เช่น True AIS หรือ Dtac

mobile
ภาพจาก : Apple.com
brand : Apple

ช่วงราคาของตัว iPhone 11 Pro จะมีเรทราคาซึ่งจะจัดตามความจุของเมมโมรี่ตัวเครื่อง ดังนี้

  1. 64 GB 35,900 บาท
  2. 256 GB 41,900 บาท
  3. 512 GB 48,900 บาท

ตัวเลือกของการเลือกซื้อยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้เท่านั้นนะ ทาง Apple ได้มีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ การออกสีใหม่ ใช่แล้วล่ะ การออกสีใหม่เพิ่มเติมอีก โดยพื้นฐานแล้วจะมี สีเทาสเปซเกรย์ สีเงิน และ สีทอง แต่ Apple ก็ได้ออกสี สีเขียวมิดไนท์กรีน หรือ midnight green ออกมาเป็นสีเขียวดำโทนเข้มมีความหรูหรา

วัสดุในการผลิตเครื่อง iPhone 11 Pro นี้จะทำจากสเตนเลสสตีล และ กระจกที่ทาง Apple ได้ออกมาบอกว่ามีความแข็งแกร่งที่สุดในเหล่าบรรดาสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น ๆ ซึ่งสร้างจากกระจกแผ่นเดียว และเสริมความแข็งแรงจนถึงระดับอะตอม

เป็นเครื่องที่รองรับ IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 4  เมตร และ มากกว่ารุ่น iPhone 11  ได้นานสูงสุดถึง 30 นาที การออกแบบด้านหลังของตัวเครื่องที่เป็นดีไซน์กระจกแบบผิวด้าน โชว์กล้องหลัง 3 ตัวให้เห็นกันแบบชัด ๆ จะ ๆ ตาจนใครหลาย ๆ คนบอกว่ามันคือเม็ดไข่มุกเลยล่ะ

ด้านหน้าของจอก็จะยังคงมีรูปลักษณ์แบบเดิมอยู่ แต่จะมีความพิเศษของขั้นกว่าของ iPhone 11 Pro อยู่นั่นคือการที่ Apple ได้เลือกใช้หน้าจอแบบใหม่ Super Retina XDR OLED พร้อมด้วยการรองรับ HDR รวมถึงรองรับ DCI-P3 ขนาด 5.8 นิ้ว

มีความสว่าง 800 นิตต์ สามารถปรับให้สว่างได้ถึง 1,200 นิตต์ เมื่อใช้สำหรับการรับชมภาพยนตร์ ด้าน CPU นั้นมาพร้อมกับ A13 Bionic ที่ถือว่าเป็นที่สุดของทางค่าย Apple ยังไม่พอตัว RAM ยังมีถึง 4 GB ด้วยกัน แบตเตอรี่ที่ให้มาจะมีขนาด 3,046 mAh และ รองรับ QC 18W+ สามารถที่จะใช้ Fast charge ในการชาร์จแบตเตอรี่ได้

ความสามารถของกล้องหน้าจะเป็น TrueDepth ที่มีความละเอียดสูงสุดถึง 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 สามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุดระดับ 4K 60fps มีโหมด Slowfie บันทึกวิดีโอจากกล้องหน้าด้วยโหมดสโลโมชั่น

กล้องหลังจะเป็นกล้องรุ่นใหม่ที่มากับ 3 เลนส์ คือเลนส์ Ultra Wide, Wide และ Telephoto โดยความสามาถของกล้องหลักจะอยู่ที่ 12MP f/1.8 + OIS กล้องมุมกว้าง 12MP f/2.0 120° + OIS  และ Tele จะเป็น x2 12MP f/2.4 ด้านหลังของตัวเครื่องยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังคงมีตัวไฟแฟลช 2 สี ที่จะวางไว้ใกล้ ๆ กับตัวกล้องหลัง iPhone 11 Pro สามารถถ่ายภาพในตอนกลางคืนได้เพราะมีโหมด Night Mode

จุดเด่นของเครื่องอีกอย่างหนึ่ง คือ โหมดกลางคืน ที่ไม่ใช่ Night Shift แต่เป็น Dark Mode ที่จะทำให้หน้าตาทั้งหมดกลายเป็นสีดำ และ มาพร้อมกับธีมสีดำทั้งหมดในหลาย ๆ แอปรวมถึงการตั้งค่า ใช้งานทั้งหมด ทำให้ภาพรวมนั้นดูมืดและถนอมสายตาไปในตัว ในรุ่นนี้ใช้งานจอ OLED เลยทำให้ภาพนั้นดำสนิทและใช้งานได้สวยและมีผลเรื่องแบตเตอรี่เล็กน้อย

ความละเอียดของหน้าจอ 2436 x 1125 พิกเซล ที่ 458 ppi อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 (ทั่วไป) รองรับการแสดงผล True Tone ซึ่งยังคงความโดดเด่นในเรื่องของการทำขอบของหน้าจอให้บางเท่าที่จะบางได้ทำให้การใช้งานหรือว่าการมองสามารถทำได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด

ความสามารถหลัก ๆ ที่ทำให้โทรศัพท์นั้นไร้ปุ่มของ Apple ยังคงโดดเด่น เพราะการปลดล็อคเครื่องยังคงทำได้ดีด้วย FACE ID ซึ่งเป็นระบบสแกนแบบ 3 มิติทั่วใบหน้าทำให้มันแม่นยำกว่ารุ่นอื่น ๆ เยอะ และ มีความปลอดภัยยิ่งกว่า

ในเรื่องความเร็วในการแสกนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ยังคงความเร็วในการแสกนไว้ได้อย่างเพียงแค่มองกล้องหน้าเข้าไปเสี้ยววิก็สามารที่จะปลดล็อคให้เลย ไร้ปุ่มแล้วยังไม่พอจะไร้รูอีก ในการที่เราจะฟังเพลงนั้นจำเป็นจะต้องใช้หูฟังที่เป็นหัวแบบ Lightning เพราะทาง Apple ได้ตัดรูที่ใช้กับหูฟังหัว 3.5 มม. เพื่อให้ดีไซด์ของตัวเครื่องมีความเรียบให้ได้มากที่สุด

อย่าไรก็ตาม iPhone 11 Pro มันก็เป็นเพียงขั้นกว่าของ iPhone 11 เพราะความสามารถ หรือ วัสดุอุปกรณ์ที่มีความสามารถมากกว่าไป แต่การที่ผู้ใช้งานจะตัดสินใจซื้อเครื่องไหนนั้นสามารถที่จะลองวัดจากความจำเป็นในการใช้งาน และ งบประมาณ WM ว่าการจะเลือกโทรศัพท์มือถือสักเครื่องทั้งทีนั้นก็ต้องเลือกอันที่ดี ๆ ไปเลยเพื่อให้เราสามารถใช้งานมันอย่างมีประสิทธิภาพ และ อยู่กับเราไปยาว ๆ

 

แหล่งที่มา : apple.com / thairath.co.th / whatphone.net / cyberbiz.mgronline.com / flashfly.net