7 เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้คุณกลายเป็นคนมีสุขภาพดี

WM

การตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับสุขภาพ แต่ถ้าเรามัวแต่พูดไม่ลงมือทำสิ่งต่างๆ ก็คงไม่เกิด

ปีก่อนๆ มีใครเคยพูดอะไรแนวๆ ว่าจะตั้งใจดูแลสุขภาพของตัวเองบ้างมั้ยล่ะคะ แล้วพอเวลาผ่านเลยไปจนถึงปัจจุบันนี้ได้ทำตามสิ่งที่คิดไว้กันหรือเปล่า เชื่อได้เลยว่ายังไงก็ต้องมีคนเคยพูดอะไรประมาณนี้แน่นอนกันซักครั้งแหล่ะค่ะ ทั้งที่ตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะทำอะไรๆๆ แล้วให้ผลออกลัพธ์ออกมาแล้วค่อยว่ากัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เริ่มอะไรซักอย่างเดียว ไม่แน่ว่าการหันมาดูแลสุขภาพสำหรับคนงานยุ่งๆ แล้วมันก็คงเหมือนกับการที่บอกเพื่อนจะลดน้ำหนักตอนปิดเทอมแต่เปิดเทอมกลับอ้วนกว่าเดิมซะงั้นล่ะมั้งคะ

มีหลายคนตั้งเป้าหมายว่าปีใหม่นี้อยากจะเริ่มต้นใหม่ทำอะไรหลายๆ อย่างที่ยังไม่เคยทำหรือยังทำไม่สำเร็จ บางคนก็อยากเก็บเงินให้ครบตามจำนวนที่ตั้งไว้ บางคนก็ตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ในขณะที่หลายๆ คนก็ตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับสุขภาพ แต่ถ้าเรามัวแต่พูดไม่ลงมือทำสิ่งต่างๆ ก็คงไม่เกิด มาเริ่มต้นกันที่ใกล้ตัวที่สุดนั่นคือ “สุขภาพ” วันนี้เราขอนำ 7 วิธีที่จะทำให้ทุกคนกลายเป็นคนสุขภาพดีในปี 2022 แบบจริงจังกัน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@brookelark

1.เปลี่ยนวิถีการกินอย่างจริงจัง

การที่เราจะมีสุขภาพดีได้นั้น หนึ่งในปัจจัยหลักอยู่ที่การกิน เพราะถ้าเรากินแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ร่างกายเราก็จะได้รับแต่สารอาหารที่ดี บางคนชอบกินแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ ร่างกายก็จะทำงานหนักในการขับสิ่งไม่ดีออกไป หลักการกินอย่างที่เราเคยเรียนมาง่ายๆ เลยครับ แค่กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โภชนาการครบถ้วนและหลากลาย เน้นโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตที่มีประโยชน์ ขนมหรือของหวานชนิดไหนที่ให้พลังงานที่สูงมากก็ควรหลีกเลี่ยงหรือกินให้น้อยลง เครื่องดื่มก็สั่งเป็นแบบหวานน้อยเพื่อลดน้ำตาลลง อาจจะไม่อร่อยเหมือนเดิม แต่สุขภาพที่ได้กลับมานั้นจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

2.พักผ่อนให้เพียงพอ วางแผนการนอนให้ดี

ในทุกๆ วัน เราควรเข้านอนช่วง 3-5 ทุ่มเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ระบบภูมิต้านทานโรคจะทํางานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และสะสมพลังงานสํารองไว้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอตลอดคืน หากนอนเลยเวลาไป ถึงนอนครบ 8 ชั่วโมง ตื่นมาก็จะไม่รู้สึกสดชื่น และในช่วงเวลาตี 1-ตี 3 จะเป็นช่วงเวลาของตับขจัดสารพิษตกค้าง ถ้าช่วงเวลานี้ได้หลับ ตับจะหลั่งสารเมลาโทนินเพื่อฆ่าเชื้อโรค ทําให้หน้าอ่อนเยาว์ ถ้าใครอยากหน้าเด็กก็ควรวางแผนการนอนให้ดีนะ

3.พักผ่อนให้เพียงพอ วางแผนการนอนให้ดี

การตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เรารู้แนวโน้มสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การตรวจสุขภาพที่ถูกต้องจะทำให้เราได้รู้ว่า “เรายังมีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง” เพื่อจะได้ป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคนั้นๆ การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรกๆ มีประโยชน์ต่อตัวเรามากกว่าการตรวจพบเมื่อมีอาการปรากฏมาระยะหนึ่งแล้ว

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/rgerber-2912728/

4.เช็คสุขภาพฟันเป็นประจำ

ปัญหาในช่องปาก เป็นปัญหาที่พบได้กับทุกคน เพราะเราต้องใช้งานช่องปากในการกินอาหารทุกวัน หรืออย่างคนที่ชอบดื่มชา กาแฟ แล้วไม่ไปขูดหินปูนก็มีโอกาสฟันห่างได้ หรือประสบปัญหาปวดฟันจนไม่มีสมาธิทำงาน ดังนั้นปัญหาช่องปากและฟันหากถูกแก้ไขอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ จะง่ายและเจ็บปวดน้อยกว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าปล่อยไว้จนกลายเป็นปัญหาใหญ่

5.ทำความรู้จักกับการออกกำลังกายในตอนเช้าของทุกๆ วัน

การออกกำลังกายในตอนเช้า บางคนฟังอาจจะขัดหูบ้าง เพราะตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่เร่งรีบที่สุด แต่ถ้ามีการวางแผนการนอนที่ดีแล้ว บริหารจัดการแบ่งเวลาอีกสักนิดเพื่อการตื่นมาออกกำลังกายในตอนเช้า เชื่อได้เลยว่าสุขภาพของคุณจะเปลี่ยนไป อย่างแรกเลยคือเพิ่มพลังสมองให้พร้อมเจองานที่หนักทั้งวัน และยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ดียิ่งขึ้นด้วย

6.ผัก น้ำเปล่า ผัก น้ำเปล่า ท่องไว้ให้ขึ้นใจ

รู้กันดีอยู่แล้วว่า ถ้าจะทานอะไรที่มีประโยชน์กับร่างกายมากที่สุดก็คงไม่พ้น บรรดาพืชผักผลไม้ หรือ น้ำเปล่า คนไทยในยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่จะมีภาวะติดหวาน ต้องบอกก่อนว่าบางคนไม่ได้ตั้งใจที่จะติดของหวาน แต่ด้วยเวลาที่เร่งรีบไปหมด ทำให้ไม่มีเวลาเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์สักเท่าไร และส่วนใหญ่อาหารที่เป็นจานด่วนนั้น ก็จะเต็มไปด้วยไขมันและน้ำตาลสูงมาก ดังนั้นควรต้องวางแผนและปรับพฤติกรรมของตัวเราเองเสียก่อน อาหารจานด่วนทานได้แต่ก็ควรทานให้พอดี ไม่มากจนเกินไป ถ้าเลือกได้ควรเพิ่มผักต่างๆ ลงไปในแต่ละมื้อให้มากขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@susanduran07

7.ดูแลสุขภาพของสายตา

ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ คำนี้เราได้ยินกันมาอย่างเนิ่นนาน แต่มันก็คือความจริง ทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะทำงาน เล่นเกมส์ หรือแม้แต่จะทำกิจกรรมอะไร ก็จะใช้ดวงตาเกือบทั้งสิ้น โดยเฉพาะยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น คนเราใช้เวลาอยู่กับมือถือเกือบตลอดทั้งวัน ไม่แปลกที่สายตาเราจะล้า ถ้าเราสังเกตดีๆ เด็กในยุคนี้สายตาสั้นกันเร็วมาก ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรจะบรรเทาความเมื่อยล้าของด้วยตาด้วยการนำผ้าชุบน้ำอุ่นๆ มาประคบดวงตาก่อนเข้านอนทุกๆ วัน และงดใช้มือถือก่อนนอนก็จะช่วยผ่อนคลายและลดการใช้สายตาลงได้บ้าง

ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากดูแลสุขภาพของตัวเองหรืออะไรหรอกนะ แต่ DooDiDo เชื่อว่าสำหรับบางคนแล้วก็อาจจะทำให้ไม่มีเวลาที่มาสนใจเรื่องของตนเอง หรือก็คือใช้เวลาไปกับการดูแลผู้อื่นแหล่ะค่ะ แต่รู้อะไรมั้ยคะว่า สิ่งสำคัญพอกันเลยนั่นก็คือตัวของคุณด้วยนะคะ มันอาจจะดูเป็นไปได้ยากแต่ก็อยากจะให้ทุกคนแบ่งเวลามาดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพกาย และใจ ปล่อยเวลาว่างให้ตัวเองขี้เกียจบ้างก็ได้นะคะ อย่ามัวเอาแต่ทำงานจนละเลยสิ่งสำคัญที่อยู่กับตัวแบบนี้อีกต่อไปเลยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.kwilife.com