7 ข้อแนะนำที่ช่วยให้การเลี้ยงนกฟินซ์เจ็ดสีให้ประสบความสำเร็จ

WM

นกฟินซ์ 7 สี (Gouldian Finch) มีถิ่นกำเนิดในทวีปออสเตรเลีย ทางตอนเหนือของทวีป 

อีกหนึ่งสายพันธุ์นกที่หลายนิยมเลี้ยงและให้ความสนใจอย่างมากอย่าง นกฟินซ์เจ็ดสี ต้องบอกเลยค่ะว่านกชนิดนี้เป็นนกที่เลี้ยงง่าย แถมยังไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนเลี้ยงอีกด้วยนะคะ ในการเลี้ยงนกฟินซ์เจ็ดสีค่อนข้างจะยากนิดนึงแต่ก็ไม่ถึงกับยุ่งยากเหมือนที่หลายคนคิดนะคะ เพียงแค่คุณต้องดูแลเอาใจใส่ในหลาย ๆ เรื่องของนกชนิดนี้ค่ะ

นกฟินซ์ 7 สี (Gouldian Finch) มีถิ่นกำเนิดในทวีปออสเตรเลีย ทางตอนเหนือของทวีป เป็นนกพื้นเมือง หากินในทุ่งหญ้า สภาพอากาศร้อน ในตอนกลางวัน อุณหภูมิระหว่าง 15 – 40 องศาเซนเซียส อยู่รวมกันเป็นฝูง ต่อมาได้แพร่หลายไปในทวีปยุโรป และกระจายไปทั่วโลก อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสีสัน ความสวยงาม ที่โดดเด่นในตัวเอง

WM
ขอบคุณภาพจาก : https://pixabay.com/th/users/arkin54-4368653/

1.หากเป็นไปได้ ให้เลือกซื้อหานกที่เพาะจากฟาร์ม
หรือ แหล่งเพาะขยายพันธุ์ ที่ใช้กรงเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้นกที่มีความแข็งแรงมากกว่า และควรเป็นนกที่พ่อแม่นกเจ็ดสีเป็นผู้เพาะฟักและเลี้ยงดูลูกนกเอง แทนที่จะใช้นกกะทิญี่ปุ่นช่วยเพาะเลี้ยง เพื่อว่าลูกนกที่ได้จะมีสัญชาติญาณที่ดีกว่าในการเลี้ยงดูลูกนกในรุ่นต่อๆไป

2.สถานที่ในการเลี้ยงนก
ถึงแม้ถิ่นฐานดั้งเดิมของนกชนิดนี้จะอยู่ในเขตที่ค่อนข้างจะร้อนชื้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเลี้ยงดูนกชนิดนี้ในสถานที่ที่ต้องควบคุมความชื้นและอุณหภูมิเสมอไป เพราะอุณหภูมิในธรรมชาติก็มีขึ้นมีลงเหมือนกัน ในต่างประเทศ ผู้เพาะเลี้ยงหลายรายเล่าว่าได้เลี้ยงนกในกรงขนาดใหญ่นอกตัวบ้าน นกสามารถทนต่ออุณหภูมิที่ต่ำถึง ลบ 9 และ สูงสุดถึง 41 องศาเซลเซียส ที่สำคัญคือจะต้องมีการป้องกันลมโกรก รวมทั้งมีที่ให้นกหลบละอองน้ำฝนด้วย

3.ขนาดของกรง
ข้อนี้สำคัญมาก ถึงแม้จะสามารถเลี้ยงและขยายพันธุ์ในกรงขนาดเล็กที่เรียกกันว่า “กรงหมอน”ได้ แต่ถ้าหากหวังผลในการเพาะเลี้ยงอย่างจริงจังและยั่งยืนควรเลี้ยงในกรงที่มีขนาดใหญ่จะดีกว่ามาก ขนาดกว้าง 0.60 ยาว 1.80 สูง 1.80 เมตร สำหรับนกหนึ่งคู่ หรือ ขนาดกว้าง 1.20 ยาว 3.60 สูง 1.80 เมตร สำหรับนก 3 – 4 คู่

4.ควรจัดการให้นกใหม่ได้มีการปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในกรงใหม่อย่างระมัดระวัง
ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือในฤดูร้อน หากมีความจำเป็นต้องปล่อยนกเข้ากรงในฤดูฝน หรือ ฤดูหนาว ควรเพิ่มวัสดุป้องกันลมและฝนให้มากกว่าปกติในช่วงแรกๆ

WM
ขอบคุณภาพจาก : https://unsplash.com/@sagredophotography

5.นกชนิดอื่น ๆ สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ไปยังส่วนต่างๆของโลก แต่สำหรับนกฟิ้นซ์เจ็ดสีแล้วจะยากกว่ามาก ถึงแม้จะเกิดในกรงมาเป็นสิบรุ่นแล้วก็ตาม เมื่อถึงฤดูหนาวในประเทศที่อยู่ทางซีกโลกเหนือ ก็เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิในประเทศทางซีกโลกใต้ เป็นช่วงเวลาที่นกจะเริ่มผสมพันธุ์กัน เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม เรื่อยไปจนถึงเดือน เมษายน สำหรับบ้านเราฤดูหนาวอากาศไม่หนาวเย็นมากนัก ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ จะมีก็แถวช่วงเดือนมีนา – เมษา ซึ่งอากาศค่อนข้างจะร้อน

6.เมื่อนกตัวเมียเข้าสู่สภาพที่พร้อมที่จะผสมพันธุ์และวางไข่
จะสังเกตุได้จากสีของจงอยปากที่มีการเปลี่ยนแปลงไป จากสีขาวนวลๆไปเป็นสีออกน้ำตาลเทาๆ

7.หากมีนกมากกว่าหนึ่งคู่ การปล่อยให้นกจับคู่หรือเลือกคู่กันเองจะมีผลดีต่อการเพาะเลี้ยงมากกว่า
ทำได้โดยใส่ห่วงขาหรือทำเครื่องหมายไว้ที่ตัวนก แล้วปล่อยนกตัวเมียหนึ่งตัวและตัวผู้ 3 – 4 ตัวเข้าไปในกรง นกตัวเมียจะยอมให้นกตัวผู้ที่เลือกแล้วเพียงตัวเดียวให้เข้าใกล้เพื่อกระโดดขึ้นๆลงๆและร้องเพลงเพื่อเกี้ยวพาราสีกัน และจะจิกหรือบินหนีจากตัวผู้อื่นๆ การจับคู่หรือเลือกคู่นี้อาจใช้ระยะเวลาตั้งแต่หนึ่งวันไปจนถึงประมาณสิบวัน จากนั้นให้แยกนกตัวผู้ตัวอื่นๆออกไปเพื่อให้นกตัวเมียตัวอื่นได้เลือกต่อไป

ในการเลี้ยงนกฟินซ์เจ็ดสีให้ประสบความสำเร็จ ให้นกได้มีสุขภาพที่ดีและเจริญเติบโต มีอายุที่ยืนยาวนั้น ไม่ใช่แค่การวางอาหารและน้ำให้นกเท่านั้นนะคะ ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดในกรง เรื่องของอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับนก การดูแลสภาพจิตใจไม่ให้นกต้องหวาดกลัวก็เป็นสิ่งสำคัญที่คนเลี้ยงต้องให้ความใส่ใจอย่างมากอีกด้วยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.gotoknow.org, http://namcokeza.blogspot.com