5 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนตัดสินใจเลี้ยงแมวเปอร์เซีย

WM

แมวเปอร์เซีย มีรูปร่างหน้าตาที่น่ารักน่ากอดฟันและนิสัยขี้เล่น ขี้อ้อน

ปัจจุบันจะมีแมวสายพันธุ์อื่น ๆ เป็นตัวเลือกมากมายให้เราเลือกเลี้ยง แต่น้องแมวเปอร์เซียก็ยังเป็นแมวที่ทาสแมวนิยมเลี้ยงกันอย่างมาก ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ น่ารักและมีนิสัยขี้เล่นขี้อ้อน จึงทำให้น้องแมวเปอร์เซียเป็นที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนานหลายสิบปี หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าถ้าหากจะเลี้ยงน้องเหมียวเปอร์เซีย จะสามารถเลี้ยงเหมือนแมวทั่วไปได้ไหม หรือมีอะไรให้ต้องคอยระวังบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาบอกกล่าวค่ะ

1 ใน 10 สายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมทั่วโลกก็คงจะหนีไม่พ้นแมวเปอร์เซีย (Persian Cat) ผู้มีใบหน้าดุจดั่งตุ๊กตาโดยมาพร้อมขนที่ยาวสวยทำให้เป็นที่หมายตาของเหล่าบรรดาทาสแมว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากท่านต้องการจะนำน้องไปเลี้ยงดูก็ควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ทั้งลักษณะนิสัย อาหารการกิน การทำความสะอาด รวมถึงเรื่องการจัดเตรียมบ้าน เพื่อให้การอยู่ร่วมกันทั้งคนและสัตว์มีแต่ความสุข วันนี้จึงขอนำทุกท่านมาทำความรู้จักกับน้องแมวเปอร์เซียกัน โดยเริ่มกันที่

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@feneek

1. ประวัติความเป็นมา
เป็นแมวที่ถือกำเนิดในดินแดนตะวันออกกลางแถบเปอร์เซีย หรือในประเทศที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ อิหร่าน และตุรกีซึ่งเชื่อว่าแมวสายพันธุ์นี้เป็นลูกหลานของแมวป่าอเมริกา (African wildcat) แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัด ต่อมาเจ้าเปอร์เซียได้ถูกนำเข้ามาเลี้ยงในทวีปยุโรปโดยการนำเข้าของประเทศอิตาลี เมื่อปีค.ศ.1620 จากการบันทึกหลักฐานของบรรพบุรุษ และกลายเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจึงถูกนำพันธุ์ไปขายต่อในประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปีค.ศ.1900 ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามถิ่นกำเนิด นั่นก็คือ “Persian Cat” มาจนถึงปัจจุบัน

2.การเตรียมที่อยู่อาศัยสำหรับแมวเปอร์เซีย
ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่าลักษณะบ้านที่คุณจะนำแมวเปอร์เซียมาเลี้ยงนั้นเหมาะแก่การเลี้ยงน้องแมวภายในหรือภายนอกบ้าน หากบ้านของคุณมีบริเวณที่ค่อนข้างกว้าง มีสนามหญ้าให้น้องแมววิ่งเล่นได้ มีรั้วรอบขอบชิดเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้น้องแมวออกไปเที่ยวนอกบ้านได้ก็การเลี้ยงไว้ภายนอกบ้านก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะว่าจะให้อิสระกับเขาได้อย่างเต็มที่ ไม่ทำให้อึดอัดกับความคับแคบมากเกินไป

การเลี้ยงแมวภายนอกบ้านนั้น ผู้เลี้ยงอาจจะเลือกใช้กรงหรือโรงเรือนที่มีขนาดกว้างตามสัดส่วนของพื้นที่ที่มี โดยกรงสำหรับเลี้ยงแมวนั้นควรมีความสูงจากพื้นดินประมาณ 1 ฟุตสำหรับทำความสะอาด โดยมีด้านหนึ่งที่ปิดทึบเพื่อป้องกันอากาศที่หนาวจนเกินไป นอกนั้นควรล้อมด้วยลวดตาข่ายโปร่งที่เปิดให้ลมถ่ายเทได้สะดวก ภายในกรงควรประกอบด้วยชามเคลือบหรือพลาสติกสำหรับใส่น้ำและอาหาร กระบะทรายสำหรับเป็นส้วมของน้องแมว และกล่องกระดาษ ตะกร้าใส่ผ้าขี้ริ้วสำหรับเป็นบ้านให้เขาได้ซุกตัวนอนอย่างอบอุ่น เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการเลี้ยงแมวเปอร์เซียแล้ว

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/sweetlouise-3967705/

3.การเตรียมอาหารสำหรับเลี้ยงแมวเปอร์เซีย
แม้ว่าแมวสายพันธุ์นี้จะไม่ได้กินอาหารอะไรที่แปลกพิเศษไปกว่าแมวชนิดอื่น ๆ แต่การให้อาหารแมวในแต่ละช่วงวัยก็มีความแตกต่าง และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและความสวยงามของน้องแมวด้วยเช่นกัน ซึ่งเราอาจแบ่งการให้อาหารแมวเปอร์เซียออกเป็น 3 ช่วงวัย ดังนี้

– ช่วงวัยเด็ก ลูกแมวเปอร์เซียที่อายุตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไปจนถึงหนึ่งเดือน สามารถกินอาหารเม็ดสำหรับลูกแมวได้ โดยผู้เลี้ยงอาจนำอาหารชนิดดังกล่าวแช่ในน้ำซุปหรือน้ำร้อนจากนั้นให้นำไปปั่นจนละเอียด แล้วใช้ไซริงก์ขนาดประมาณ 3 ซีซีป้อนให้ลูกแมว 2 – 3 ครั้ง/วัน ควบคู่ไปกับการกินน้ำนมของแม่แมว เพื่อสร้างนิสัยให้ลูกแมวสามารถกินอาหารเม็ดได้เมื่ออายุมากขึ้น

– ช่วงวัยเจริญพันธุ์ เมื่อแมวเปอร์เซียโตจนเป็นหนุ่มสาวแล้ว การให้อาหารในช่วงนี้ก็คือการให้แบบปกติ เช้า-เย็น วันละสองเวลา โดยผู้เลี้ยงอาจเลือกให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปที่ขายทั่วไปตามท้องตลาดเพียงอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน เนื่องจากเป็นอาหารที่กินได้นาน ไม่เสียง่าย หรืออาจคลุกข้าวกับปลาให้กินเป็นบางครั้งคราวก็ได้เช่นกันเพื่อป้องกันไม่ให้แมวเบื่ออาหารเม็ด อย่างไรก็ตาม ผู้เลี้ยงก็ต้องใส่ใจกับความสะอาดของอาหารพอสมควร เพราะอาหารที่บูดเสียก็อาจส่งผลต่อสุขภาพของแมวเช่นเดียวกับคน

– ช่วงวัยชรา แมวเปอร์เซียที่ดำรงชีวิตมาอย่างยาวนานแล้วย่อมมีปัญหาในการกินอาหารไม่ต่างจากคน เพราะฉะนั้น อาหารสำหรับแมวแก่จึงควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่แข็งจนเกินไปเนื่องจากฟันของน้องแมวอาจทำงานได้ไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว รวมทั้ง ควรให้อาหารในปริมาณที่น้อยลง หากให้อาหารมากไป แมวเผาผลาญไม่หมดก็อาจทำให้แมวอ้วนมากไปและส่งผลต่อสุขภาพ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@tranmautritam

4.การดูแลเส้นขนและสุขภาพของแมวเปอร์เซีย
การดูแลเส้นขนของแมวเปอร์เซีย : เนื่องจากลักษณะเด่นประการหนึ่งของแมวเปอร์เซียคือ เส้นขนที่มีความเงางามเป็นอย่างมาก ดังนั้น การดูแลเส้นขนของน้องแมวให้สวยงามอยู่ตลอด นอกจากจะทำให้คุณมีแมวที่สวยงามแล้ว ยังช่วยให้พวกเขามีความสุขสบายอารมณ์อีกด้วย เพียงแค่คุณหมั่นแปรงเส้นขนของเขาอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละประมาณ 10 – 15 นาที โดยเฉพาะบริเวณคอ ขา และหาง ซึ่งการแปรงขนเป็นประจำนั้นจะช่วยป้องกันไม่ให้เส้นขนของน้องแมวพันกัน หรือติดกันเป็นกระจุกได้ซึ่งอาจนำไปสู่การหมักหมมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย และอาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่โรคต่าง ๆ ที่พบในแมวได้

5. อาการและโรคที่อาจเกิดขึ้น
สัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นหมาแมวสายพันธุ์ใดก็มีแนวโน้มในการป่วยได้เช่นกับเปอร์เซีย ซึ่งอาการ หรือโรคส่วนใหญ่ที่เจอบ่อย ได้แก่
– ภาวะทางการหายใจ คือ มีอาการหายใจติดขัด หรือเสียงดังอันเนื่องมาจากช่องจมูกของเจ้าเปอร์เซียค่อนข้างแคบ
– ปัญหาผิวหนังสามารถเกิดโรครา กลาก เกลื้อนรวมถึงผิวหนังตกสะเก็ดต่าง ๆ ได้ง่าย
– ปัญหาสายตา เช่น น้ำตาไหลเยอะ หรือหนังตาม้วน
– ป่วยเนื่องจากอากาศร้อน เนื่องจากแมวสายพันธุ์นี้มักชอบอากาศเย็น
– ซีสต์ที่ไต

การดูแลแมวเปอร์เซียที่ DooDiDo นำมาฝากสำหรับคนที่อยากเลี้ยงในวันนี้ จะเห็นว่าแมวเปอร์เซียนั้นว่าเป็นสายพันธุ์ที่ว่านอนสอนง่ายแถมรักสงบอีกด้วยนะคะ หากคุณสนใจที่จะเลี้ยงน้องคุณจะต้องมีเวลาใส่ใจเป็นพิเศษ มีพื้นที่ให้น้องได้เดินเล่น สิ่งสำคัญต้องหมั่นแปรงขนให้น้อง เพราะขนที่ยาวของแมวเปอร์เซียต้องได้รับการดูแลและแปรงให้เรียบอย่างน้อย วันละ ครั้ง เพียงแค่นี้การเลี้ยงแมวเปอร์เซียก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://boxmeaww.com, www.baania.com