5 ข้อควรรู้!! การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังบ่อย อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายเรา

WM

คำแนะนำในการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

โดยปกติแล้วเมื่อเราได้รับหน้าที่ ให้รับผิดชอบภาระงานอะไรก็ตามแต่นั้น ก็ต่างจะต้องรับผิดชอบงานให้เต็มที่ใช่มั้ยล่ะคะ แล้วทุกคนก็ควรจะเป็นแบบนั้นด้วย แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่คนประเภทนี้จะต้องพบเจอก็คือการต้อง โต้รุ่ง กันเสมอเลย ก็จะประมาณว่าถ้างานไม่เสร็จก็คือจะไม่นอน ซึ่งตอนสุดท้ายแล้วก็ต้องพึ่งพาเจ้าเครื่องดื่มชูกำลังนี่ต่อไปอีกเพื่อที่จะได้มีแรงทำงานของวันต่อๆ ไป ลำพังแต่การอดนอนก็ว่าแย่แล้ว แถมยังต้องกินเจ้าเครื่องดื่มชูกำลังนี่เข้าไปอีก คุณแน่ใจแล้วใช่มั้ยคะว่าจะเป็นแบบนี้ต่อเรื่อยๆ?

นอกจากเครื่องดื่มกาแฟแล้ว เครื่องดื่มชูกำลังก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่นิยมดื่มไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนวัยทำงาน แต่รู้ไหมว่าเครื่องดื่มชูกำลังมีความอันตรายกว่าที่คิดซะอีก ซึ่งอาจทำร้ายสุขภาพโดยไม่ทันรู้ตัวเลยทีเดียว ว่าแล้วมาดูกันดีกว่าว่าการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังบ่อยๆ เป็นอันตรายต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง พร้อมกับคำแนะนำเล็กๆน้อยๆในการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังให้ปลอดภัยต่อสุขภาพค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@theshuttervision

1. มีอาการข้างเคียง

การดื่มเครื่องดื่มชูอาจส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายและเกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะเมื่อดื่มเกิน 2 ขวดต่อวัน โดยอาการข้างเคียงดังกล่าว ได้แก่ อาการหน้ามืด ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ บีบรัดบริเวณหน้าอก นอนไม่หลับ และอาจรุนแรงถึงขั้นกระเพาะปัสสาวะอักเสบและหัวใจวายได้เลยทีเดียว

2. เครียดและวิตกกังวลได้ง่าย

เนื่องจากเครื่องดื่มชูกำลังส่วนใหญ่จะมีคาเฟอีนผสมอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอาจทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวลได้ง่าย แถมยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจสูงอีกด้วย เพราะเครื่องดื่มชูกำลังจะทำให้หัวใจต้องทำงานหนักจนเกินไปนั่นเอง ดังนั้นควรดื่มเครื่องดื่มชูกำลังให้น้อยลงหรือเลิกดื่มไปเลยจะดีที่สุด

3. เสี่ยงเป็นเบาหวาน

เครื่องดื่มชูกำลังส่วนใหญ่จะมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม จึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานสูงมากและยังทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลงอีกด้วย เพราะน้ำตาลจะไปยับยั้งการทำงานของภูมิคุ้มกันจนทำให้ร่างกายอ่อนแอและป่วยด้วยโรคต่างๆ ได้ง่ายนั่นเอง เพราะฉะนั้นใครที่ไม่อยากเป็นเบาหวาน ก็ควรเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังให้มากที่สุด แล้วเบาหวานจะไม่ถามหาแน่นอน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/peggy_marco-1553824/

4. ทำให้ระบบอวัยวะเสื่อม

การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประจำทุกวันจะทำให้อวัยวะภายในร่างกายค่อยๆ เสื่อมสภาพลง โดยเฉพาะสมอง ไต ระบบทางเดินอาหาร หัวใจและตับ ซึ่งก็จะส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญเมื่อปล่อยเป็นระยะเวลานานก็อาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ง่ายอีกด้วย

5. อารมณ์แปรปรวนง่าย

หากลองสังเกตจะพบว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประจำจะมีอารมณ์แปรปรวนง่ายกว่าปกติ และมักจะคิดอะไรในแง่ลบอยู่เสมอ นั่นก็เพราะคาเฟอีนที่อยู่ในเครื่องดื่มชูกำลังจะไปลดการหลั่งสารเอนโดรฟินที่เป็นสารแห่งความสุข จึงทำให้อารมณ์แปรปรวน โกรธง่ายและขี้หงุดหงิดบ่อยนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพแล้วยังทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลงอีกด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/th-th/@thelazyartist

บริโภคเครื่องดื่มชูกำลังอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

เครื่องดื่มชูกำลังมีสรรพคุณกระตุ้นร่างกายให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า และช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่เนื่องจากเครื่องดื่มชนิดนี้มีส่วนผสมที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย จึงควรคำนึงถึงความปลอดภัยและบริโภคอย่างเหมาะสม ดังนี้

  • ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังไม่เกินวันละประมาณ 450 มิลลิลิตร
  • เด็กและวัยรุ่นไม่ควรดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง เนื่องจากคาเฟอีนอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการของหัวใจและสมอง รวมทั้งทำให้เสพติดคาเฟอีนได้
  • สตรีมีครรภ์หรือผู้ที่ให้นมบุตรควรเลี่ยงดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง
  • ไม่ผสมเครื่องดื่มชูกำลังกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากเครื่องดื่มชูกำลังจะทำให้ตื่นตัวและเมาช้า ส่งผลให้ดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น
  • ห้ามรับประทานเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อทดแทนน้ำหรือเกลือแร่ที่สูญเสียจากการออกกำลังกาย

สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนที่ต้องการพลังงานมากกว่านี้แล้ว นั่นก็ยังพอมีวิธีที่จะเพิ่มพลังงานให้ตัวเองอยู่บางนะคะ อย่างแรกเลยก็คือ การเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประเภทโปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรต การออกกำลังกายอยู่เสมอๆ รับประทานอาหารที่มีความหลากหลาย เช่นถั่ว โยเกิร์ต ผักและผลไม้ เป็นต้น เพียงเท่านี้แล้วทุกคนก็จะสามารถมีแรงลุกขึ้นไปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกต่อไปค่ะ แล้วที่สำคัญที่ DooDiDo อยากจะแนะนำก็คือควรจะเลิกดื่มเครื่องดื่มชูกำลังได้แบบทันทีก็จะดีที่สุดค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.pobpad.com , www.sanook.com