4 สัญญาณที่บอกว่าน้องหมาของคุณเข้าสู่ช่วงสูงวัย!!

ความสูงวัยทำให้ภูมิคุ้มกันป้องกันโรคได้น้อยลง ดังนั้นสุนัขสูงวัยจึงติดเชื้อและติดโรคได้ง่ายขึ้น

เมื่อสุนัขเข้าสู่ช่วงสูงวัยอวัยวะและระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายก็ทำงานไม่เหมือนเดิม ทำให้สุขภาพของน้องหมาจากที่เคยแข็งแรง ก็อ่อนแอลงได้อย่างง่าย รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ของน้องก็เปลี่ยนไปจากเดิม คนเลี้ยงต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของสุนัขให้ดี เพื่อที่จะได้ดูแลน้องหมาสูงวัยให้แข็งแรง อยู่กับเราได้อีกนาน วันนี้เราจะพาคุณมาดู สัญญาณที่บอกว่าน้องหมาของคุณเข้าสู่ช่วงสูงวัยกันค่ะ

ความสูงวัยเป็นกระบวนการธรรมชาติที่ซับซ้อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของร่างกายในการรักษากระบวนการเผาผลาญอาหารหลายอย่างและทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย แม้กระบวนการนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็มีวิธีที่จะชะลอให้เกิดขึ้นลงหรืออย่างน้อยก็ไม่เร่งให้เร็วขึ้น สิ่งสำคัญคือการป้องกันหรือชะลอการป่วยเป็นโรค และรับรู้ถึงอาการให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้รักษาอย่างทันท่วงที เพียงเท่านี้สุนัขของคุณก็จะมีสุขภาพดีได้นานเท่าที่จะเป็นไปได้ เวชศาสตร์ป้องกัน เป็นวิธีการที่ได้รับนิยม

เมื่อไรที่สุนัขจะเป็นสุนัขสูงวัย
ช่วงวัยของสุนัขพิจารณาจากตัวเลข ไม่ใช่สภาวะ การโตเต็มวัยและสูงวัยเป็นแนวคิดที่กำหนดขึ้นจากพื้นฐานของอายุขัย สุนัขโตเต็มวัยเมื่อมีอายุถึงครึ่งหนึ่งของอายุขัย และจะสูงวัยเมื่อมีอายุสามในสี่ของอายุขัย แน่นอนว่าสุนัขที่มีขนาดต่างกัน จะมีช่วงอายุสูงวัยแตกต่างกันไปด้วย สุนัขพันธุ์เล็กมีอายุขัยที่ยาวนานกว่าพันธุ์ใหญ่ ดังนั้น สุนัขพันธุ์เล็กจะแก่ช้ากว่า ในทางกลับกัน สุนัขพันธุ์ใหญ่ใช้เวลาในการเติบโตนานกว่าและแก่เร็วกว่า จึงหมายความว่าสุนัขทุกตัวไม่ได้มีความต้องการเดียวกัน

ผลของความสูงวัยที่มีต่อร่างกาย
ความสูงวัยเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายทั้งหมด ไม่มีระบบอวัยวะสำรอง ความไวต่อโรคหรือความบกพร่องของอวัยวะทำให้เกิดการพัฒนาของโรค สิ่งสำคัญคือการเข้าใจกระบวนการสูงวัยเพื่อชะลอผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

1.การสะสมไขมันเพิ่มขึ้น
สุนัขมักจะน้ำหนักขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น สัตว์สะสมไขมันเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ เมื่อสุนัขสูญเสียมวลกล้ามเนื้อจำนวนมาก การเคลื่อนไหวของสัตว์จะลดลงและทำให้สัตว์ใช้พลังงานน้อยลง ผลลัพธ์คือสุนัขน้ำหนักเพิ่มขึ้น สูญเสียมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น และเป็นเช่นนี้วนไป คุณควรจับตาดูสภาวะร่างกายของสัตว์เพื่อป้องกันการเพิ่มน้ำหนักและการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ควรรักษาความเจ็บปวดของสุนัขซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการออกกำลังกาย

2.ปัญหาช่องปาก
การสะสมของคราบจุลินทรีย์ทำให้เกิดการอักเสบของเหงือกและการติดเชื้อ (โรคปริทันต์) ซึ่งอาจทำให้ฟันหลุดได้ ปัญหาเหงือกเหล่านี้ทำให้สุนัขรับประทานยากขึ้นเพราะการเคี้ยวทำให้สุนัขเจ็บปวด เช่นเดียวกับกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ของสุนัขจากการเพิ่มขึ้นของแบคทีเรีย การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของแบคทีเรียที่แพร่กระจายในร่างกายสามารถก่อความเสียหายต่ออวัยวะอื่นๆได้เช่นกัน ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างหนักซึ่งสร้างความเครียดอย่างมากต่อร่างกายและทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

สุขอนามัยช่องปากมีความสำคัญตลอดชีวิตของสุนัข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุนัขสูงวัย ควรให้สุนัขของคุณคุ้นเคยกับการแปรงฟันตั้งแต่เป็นลูกสุนัขเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากตลอดชีวิต อาหารมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ส่วนผสมหรือแม้แต่ลักษณะทางกายภาพของอาหารเม็ด ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปร่าง หรือความแข็งสามารถช่วยช่วยชะลอการสะสมคราบฟัน

3.การย่อยอาหารช้าลง
การย่อยอาหารช้าลงในสุนัขสูงวัย สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการคลายกล้ามเนื้อในลำไส้และลดการหลั่งกรดในทางเดินอาหาร ซึ่งที่ช่วยในการย่อยอาหาร ซึ่งจะทำให้สุนัขท้องผูกบ่อยและมีอาการท้องเสียตามมา ปัญหาเหล่านี้สามารถควบคุมได้ด้วยการให้อาหารที่เหมาะสม ประสิทธิภาพของลำไส้เริ่มทำงานได้น้อยลงเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ประสิทธิภาพการย่อยอาหารจะลดลงเล็กน้อย ทำให้ดูดซึมสารอาหารได้ปริมาณลดลง และใช้เวลานานขึ้นในการปรับตัวเมื่อเปลี่ยนอาหาร อาหารคุณภาพสูงและย่อยง่ายช่วยลดผลกระทบเหล่านี้

4.ระบบภูมิคุ้มกันและประสาทสัมผัส
ความสูงวัยทำให้ภูมิคุ้มกันป้องกันโรคได้น้อยลง ดังนั้นสุนัขสูงวัยจึงติดเชื้อและติดโรคได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้สุนัขยังสูญเสียการมองเห็นและการดมกลิ่นซึ่งอาจทำให้ความอยากอาหารลดลง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสุนัขเคลื่อนไหวได้ดีแม้ว่าสุนัขจะสูงวัยขึ้น สัตว์ที่เคลื่อนไหวน้อย มีความสนใจน้อยลง และเงียบจนเกินไป ควรให้สัตวแพทย์ตรวจสอบ เราควรแยกแยะการเปลี่ยนแปลงจากช่วงสูงวัย ให้ออกจากความพิการที่เกิดจากการเสื่อมของอวัยวะ

ทั้ง 4 สัญญาณที่ DooDiDo นำมาบอกกล่าวกันในวันนี้ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณกำลังเข้าสู่ช่วงสูงวัยนั่นเองค่ะ คุณต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของน้องให้ดีนะคะ หากพบว่าน้องมีอาการและพฤติกรรมที่บ่างบอกว่ากำลังเข้าสู่ช่วงสูงวัย คนเลี้ยงต้องดูแลน้องให้เหมาะสม ดูแลในเรื่องของอาหารและการใช้ชีวิตโดยสามารถเข้ารับการปรึกษาจากสัตวแพทย์ได้ค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.royalcanin.com