4 วิธีเปลี่ยนความอิจฉาให้กลายเป็นการพัฒนาตนเอง

WM

อย่ามัวเสียเวลาไปอิจฉาคนอื่น ต้องหาเวลาพัฒนาตนเองให้ได้

เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยรู้สึกอิจฉา เวลาที่เห็นคนอื่นดีกว่า เก่งกว่า หรือดูดีกว่า เพราะเราไม่สามารถเป็นได้เหมือนกับเขา เราถึงได้รู้สึกอิจฉา เมื่อเริ่มเกิดความอิจฉาเราก็จะคอยตามติดกับชีวิตของเขา คอยส่งอดูว่าคนที่เราอิจฉาเป็นอย่างไร แล้วก็กลับมารู้สึกแย่ อยากเป็น อยากมำได้เหมือนกับคนที่เราอิจฉา จนทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ เกิดความทุกข์ขึ้นมาตลอดเวลา

ใครไม่เคยรู้สึกอิจฉาบ้าง? ยกมือหน่อย แม้ว่าเราจะไม่สามารถมองเห็นได้ว่าคุณกำลังยกมือหรือไม่ยกกันแน่ แต่เราเชื่อสนิทใจเลยว่า ถ้าทำโพลสำรวจมาแล้วล่ะก็ คงมีคนน้อยมากๆ ก.ไก่ล้านตัว ที่จะไม่เคยรู้สึกอิจฉาคนอื่นเลย หรืออันที่จริงเราควรจะตั้งคำถามว่าคุณเคยอิจฉาใครสักคนน้อยหรือมากขนาดไหน น่าจะเข้าทีกว่า ในเมื่อมันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่เราจะห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกอิจฉาคนอื่นได้ ถ้าอย่างนั้นลองนำความอิจฉานี้มาใช้ประโยชน์ในทางที่ดีดูเป็นไง แบบนั้นน่าจะเป็นเรื่องดีๆ กับเรามากกว่า ไปดูสิว่าเราจะเปลี่ยนแรงให้อิจฉา ให้กลายเป็นไฟพัฒนาตนได้อย่างไรบ้าง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.freepik.com/author/tirachardz

1. ลองคุยกันดู
เวลาที่เรารู้สึกอิจฉาใครขึ้นมา เชื่อล่ะว่าสิ่งแรกที่เราจะทำก็คือส่องฝ่ายตรงข้ามทุกซอกทุกมุม เพื่อดูว่าเขาหรือเธอคนนั้นมีดีแค่ไหน (เผื่อจะได้รู้ว่ามีด้านไหนเราดีกว่าบ้างล่ะมั้ง) ไม่ว่าจะไอจีหรือเฟซบุ๊คก็ส่องไปหมดล่ะอย่างกับแฟนคลับเลย แทนที่จะมองจากภายนอกและตัดสินเขาจากสิ่งที่เห็น ทำไมไม่ลองหาโอกาสไปคุยดูสักครั้งล่ะ บางทีเขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ เราได้ยินว่าหลายคนเลยที่เริ่มการเป็นเพื่อนกันด้วยวิธีนี้มาก่อน

2. เคอร์ฟิวโลกโซเชียล
ในโลกยุค 4G นี้ หนึ่งในสิ่งที่ทุกคนต้องทำอย่างน้อยๆ วันละครั้งก็คือ ส่องไอจี เช็กสเตตัสคนรอบข้าง บ่อยไปที่เราเกิดอิจฉาใครสักคนจากการเห็นรูปสวยๆ ของเขาจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก การที่เขามีในสิ่งที่เราไม่มี แต่เราอยากมี ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นความผิดของเราที่ไม่รู้จักพอ ดังนั้นอย่าไปโยนความผิดให้เขาเด็ดขาด ถ้ารู้ตัวว่าหยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไม่ได้ จำกัดเวลาโลกโซเชียลของเราไปเลย ถ้าให้ดีที่สุดก็หยุดเล่นเสีย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.freepik.com/author/tirachardz

3. ทำให้ได้แบบเขา
ความรู้สึกที่ปนๆ และผสมมากับความอิจฉา คือความรู้สึกที่ว่า ลึกๆ แล้วเราอยากเป็น อยากมีแบบเขาบ้าง ถ้าเรายอมรับว่าลึกๆ แล้วเราก็รู้สึกอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องรู้สึกอายหรอกที่จะลุกขึ้นมาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้อย่างเขา ถ้าเขาเรียนเก่ง เราก็ตั้งใจเรียน ถ้าเขาทำงานดี หัวหน้ารัก ก็ไปหาทางพัฒนาสกิลการทำงานของตัวเอง ถ้าเขาหุ่นดีจนน่าอิจฉา ก็ไปหาเวลาออกกำลังกายฟิตหุ่นซะ ถ้าเขาทำได้ เราก็ทำได้

4. มีความสุขกับปัจจุบัน
ตอนที่เราเริ่มตาสว่าง และรู้ซึ้งถึงสัจธรรมแล้วว่า ถึงจะอิจฉาให้ตายยังไง เราก็ไม่มีวันเป็นแบบเขาได้ หรือถึงแม้ว่าเราสามารถ copy เขาได้ใกล้เคียงที่สุด แต่เราก็คือเรา และเขาก็คือเขา ไม่มีวันเป็นอย่างเดียวกันได้เด็ดขาด แทนที่จะมานั่งจับจดกับการส่องเขาแล้วหาจุดบอดเพื่อบอกว่าเราดีกว่าเขาในเรื่องนี้ไปวันๆ ลองเปลี่ยนความอิจฉามาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อพัฒนาตัวเองซะยังจะดีกว่า ถ้ายังหยุดอิจฉาเขาไม่ได้ในทันทีก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อใดที่รู้สึกขึ้นมาล่ะก็ ให้คิดเสียว่า เวลามีค่า ณ ตอนนี้ เวลานี้ วินาทีนี้ คุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ ทำไมไม่หาหนังสนุกๆ ดู หรือหาอาหารอร่อยๆ กิน แทนการมานั่งอิจฉาคนๆ นึงให้เสียสุขภาพจิตเล่นๆ ล่ะ

ความอิจฉาเป็นสิ่งที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถนำความรู้สึกเหล่านี้มาเป็นแรงผลักดัน เพื่อให้เกิดการพัฒนาตนเองในทุก ๆ ด้านที่เราอยากจะเป็นเหมือนคนอื่น เหากเราอิจฉาคนอื่นที่ไม่มี ไม่เป็นเหมือนเขาก็ต้องลองกลับมามองตัวเอง DooDiDo และหาหาทางพัฒนาตนเองเพื่อให้ไปถึงสิ่งที่หวัง เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถเป็นได้เหใือนกับที่เราอยากจะเป็นแล้วค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : http://undubzapp.com