10 อาการที่เป็นสัญญาณเตือนว่าลูกน้อยกำลังจะไม่สบาย!
ถ้าลูกของคุณมีอาการท้องอืดร่วมกับมีไข้ เป็นสัญญาณระบบการย่อยอาหารของลูกมีปัญหารุนแรง
การดูแลลูกน้อยวัยทารกช่วงแรกเกิดนั้นเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเด็กแรกเกิดที่มีอายุระหว่าง 0 – 28 วันหรือ 1 เดือนหลังคลอด ยังมีร่างกายและพัฒนาการที่ยังไม่สมบูรณ์ คุณพ่อคุณแม่จึงควรรู้จักและหมั่นสังเกตถึงอาการผิดปกติของลูกน้อยว่า ลูกน้อยวัยทารกว่าลูกมีอาการผิดปกติ หรือว่ามีอาการป่วยหรือไม่ วันนี้เรามีอาการผิดปกติของลูกน้อยที่เป็นสัญญาณเตือนว่าลูกน้อยกำลังจะไม่สบายมาฝากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ค่ะ
อาการที่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ลูกของคุณกำลังจะไม่สบายนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของลูกน้อยว่ามีอาการปกติหรือไม่ ไม่ว่าการดูดนม การนอน หรือแม้แต่ตอนที่ลูกน้อยนอนหลับ ถ้าหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นคุณเพี่อคุณแม่ควรรับมืออย่างไร และถ้าอาการมาดีขึ้นควรรีบไปพบหมอทันที วันนี้เรามีวิธีสังเกตอาการเหล่านั้นมาฝาก
1. ซึม ไม่ยอมดูดนม
ความต้องการกินนมเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของเด็กทุกคน หากลูกของคุณมีอาการซึม ไม่ยอมกินนม ดูดนมนานกว่าปกติ หรือดูดนมแล้วมีอาการหอบ ก็หมายความว่ามีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับลูกของคุณแล้ว อาจจะเจ็บเหงือกเพราะฟันกำลังขึ้น ติดเชื้อราในช่องปาก หรือหูติดเชื้อ ทำให้เจ็บปวดขณะดูดนม ควรรีบพาไปหาหมอเพื่อหาสาเหตุ
2. อาเจียน หรือแหวะนม
การอาเจียนหรือแหวะนมออกมา เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ปกติเมื่อทารกกินนมมากเกินไป การทำให้ลูกเรอหลังกินนม จะช่วยป้องกันการแหวะนมได้ แต่ถ้าลูกของคุณอาเจียนทุกครั้งหลังกินนม อาเจียนมากกว่าห้าครั้งต่อวัน หรือไอทุกครั้งหลังกินนม ก็อาจหมายความว่าระบบทางเดินอาหารของลูกผิดปกติ หรือมีติดเชื้อ ควรรีบพาไปหาหมอถ้าอาการไม่ดีขึ้น
3. ร้องไห้งอแง
เด็กทารกจะร้องไห้อยู่เสมอเพื่อสื่อสารความต้องการของตัวเองกับคุณพ่อคุณแม่ เช่น หิว ง่วง หรือไม่สบายตัว แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ทำทุกอย่างแล้ว แต่ลูกของคุณก็ยังไม่ยอมหยุดร้อง หรือเสียงร้องแปลกไปจากเดิม นั่นก็แปลได้ว่าลูกของคุณอาจจะกลายเป็น ทารกป่วย ไปแล้วละ
4. เสียงหายใจแปลกไปจากเดิม
ถ้าเวลานอน ลูกของคุณหายใจเสียงดังผิดกว่าปกติ เสียงเหมือนลูกหายใจไม่สะดวก หรือมีอะไรติดขวางลมหายใจ หายใจเสียงดัง หรือหายใจถี่มากกว่าปกติ ให้ตรวจดูคอและจมูกของลูกว่ามีอะไรขวางทางเดินหายใจของลูกหรือไม่ ถ้าไม่มีแต่ลูกยังหายใจติดขัดอยู่ ให้รีบพาไปหาหมอโดยด่วน
5. ท้องเสีย
ตามปกติแล้ว เด็กทารกที่กินนมแม่จะถ่ายอุจจาระวันละ 4-5 ครั้ง อาการท้องเสียของลูกน้อย จะหมายถึงการถ่ายมากกว่า 1 ครั้งหลังกินนมแต่ละรอบ อุจจาระเหลวปนน้ำ หรือมีมูกเลือดปน และอุจจาระกลิ่นแรงกว่าปกติ ควรรีบพาลูกไปหาหมอโดยเร็ว เนื่องจากอาการท้องเสียอาจทำให้ลูกเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ จนถึงขั้นช็อกและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
6. ท้องอืด
การที่เด็กทารกมีอาการท้องอืดและผายลมบ่อยถือเป็นเรื่องปกติ สามารถแก้ได้โดยการจับเรอด้วยท่านั่งหรืออุ้มพาดบ่าหลังกินนมเสร็จ แต่ถ้าลูกของคุณมีอาการท้องอืดร่วมกับมีไข้ งอแง หรืออาเจียน นี่อาจเป็นสัญญาณว่า ระบบการย่อยอาหารของลูกมีปัญหารุนแรง และควรรีบพาไปหาหมอ
7. มีไข้สูผิดปกติ
อุณหภูมิปกติสำหรับเด็กแรกเกิดจะอยู่ที่ราวๆ 37 องศาเซลเซียส มากหรือน้อยกว่านี้ไม่เกิน 0.5 องศา ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 37.5 องศาเซลเซียส ก็แสดงว่าลูกของคุณมีไข้ ควรเช็ดตัวลดไข้ให้ลูก และถ้าอุณหภูมิมากกว่า 38 องศาเซลเซียส ก็แสดงว่ามีไข้สูง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชักได้ ควรรีบพาไปหาหมอทันที
8. ตัวเย็น
นอกจากอุณหภูมิร่างกายที่สูงเกินไปแล้ว อุณหภูมิที่ต่ำเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน หากคุณพ่อคุณแม่จับตัวลูกแล้วพบว่าลูกตัวเย็น ให้ตรวจดูปลายมือปลายเท้าของลูกว่ามีสีเขียวคล้ำหรือไม่ หากมีสีเขียวคล้ำและลูกดูซึมๆ ให้รีบพาไปหาคุณหมอโดยด่วนค่ะ เพราะอาการนี้อาจหมายความว่าลูกของคุณอาจมีอาการติดเชื้อได้
9. ตัวเหลืองผิดสังเกต
ปกติแล้ว ทารกแรกเกิดจะมีอาการตัวเหลืองในสัปดาห์แรก และจะค่อยๆเหลืองน้อยลงจนหายเองเมื่ออายุได้ 3-5 วัน แต่ถ้าลูกของคุณตัวเหลืองคล้ายสีขมิ้น หรือตัวเหลืองนานเกิน 14 วัน โดยเฉพาะทารกที่ไม่ได้กินนมแม่ ควรรีบพาไปหาหมอโดยด่วน
10. สะดือเหม็น มีหนอง หรือมีเลือดออก
โดยปกติ สะดือของทารกจะแห้งและหลุดออกเองภายใน 5-10 วัน คุณพ่อคุณแม่ควรทำความสะดือให้ลูกน้อยทุกครั้งหลังอาบน้ำและถ่ายอุจจาระปัสสาวะ อย่าใช้แป้งโรยบริเวณสะดือของลูก หากพบว่าสะดือของลูกมีกลิ่นเหม็น มีหนอง หรือเลือดออก หรือเกิดการอักเสบทำให้บริเวณรอบๆ สะดือบวมแดง ควรรีบพาไปหาหมอ
DooDiDo แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการเหล่านี้ให้ดีว่าลูกน้อยของคุณมีอาการที่ปกติดีหรือไม่ หรือมีอาการร้ายแรงเกิดขึ้นซึ่งอาการเหล่าที่เกิดขึ้นอาจทำให้ลูกน้อยไม่สบายตัว งอแง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าลูกน้อยของคุณกำลังมีอาการป่วยควรรีบพาไปพบหมอทันที
ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.babimild.com