แนะนำ 9 วิธี ทำอย่างไรให้เจ้าเหมียวของเราแฮปปี้ได้บ้าง??

WM

แชร์เทคนิคการดูแลเจ้าแมวเหมี๊ยว ให้มีสุขภาพที่ดี

เราเชื่อว่าทาสแมวทุกคนที่อยากจะรู้ถึงวิธีการเลี้ยงแมวอย่างไร ถึงจะทำให้น้องแมว เติบโตได้อย่างมีสุขภาพที่ดี และแข็งแรง นี่เป็นเรื่องที่คนเลี้ยงแมวทุกคนต้องเคยเจอ น้องแมวดูซึม ไม่สดใส มีอาการก้าวร้าวมากยิ่งขึ้น ในสัตว์เลี้ยงบางตัวที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จะมีอาการที่ก้าวร้าวมากกว่าที่เคย อาจเกิดจากมีความเครียดจากการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่หรือพื้นที่จำกัด เมื่อสัตว์เลี้ยงไม่คุ้นชินกับพื้นที่ อาจจะทำให้แมวหรือสัตว์เลี้ยงของเราเกิดความกังวลมากกว่าปกติ เครียดสะสม จนอาจจะส่งผลให้เป็นโรคซึมเศร้าได้ หรือการปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่บ้านหรือคอนโดเป็นเวลานานจะทำให้สัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นหมาหรือแมวป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้ อย่าลืมว่าพวกเขาก็ต้องการความใส่ใจเช่นเดียวกัน วันนี้เรามีสาระความรู้มา แชร์เทคนิคการดูแลน้องเหมี๊ยว ให้สุขภาพดีในบ้าน วิธีเลี้ยงแมวในบ้านให้มีความสุข 9 วิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะทำอย่างไรให้เจ้าเหมียวของเราแฮปปี้ได้บ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ

การเลี้ยงแมวในคอนโด ห้องพัก หรือในบ้านมักจะมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง แตกต่างจากการเลี้ยงแบบปล่อย เพราะมีพื้นที่กว้าง ๆ ให้ได้วิ่งเล่นและเจอสภาพแวดล้อมที่หลากหลายกว่า ดังนั้นแล้ววิธีเลี้ยงเจ้าเหมียวในบ้านจึงค่อนข้างที่จะต้องเอาใจใส่มากขึ้นไม่อย่างนั้นอาจทำให้แมวเหมียวอารมณ์ดีกลายเป็นเหมียวขี้เหงาได้ และสำหรับวิธีเลี้ยงแมวในบ้านให้มีความสุข วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมมาฝากกันแล้วค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/chikilino-9126931/
  1. มีมุมให้นั่งกินลมชมวิว

สำหรับที่นั่งชมวิวของเจ้าเหมียวตามเมืองนอกมักจะนิยมทำ screened porch หรือระเบียงเล็ก ๆ ที่คล้ายกับเรือนกระจกหน้าบ้านเอาไว้ให้เจ้าเหมียวนั่งกินลมชมวิว มองนกในสนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งจะทำให้เจ้าเหมียวปลอดภัยกว่าการออกไปนั่งเล่นนอกบ้าน หากทาสแมวคนไหนที่มีงบน้อย สามารถทำที่ชมวิวแบบง่าย ๆ ได้ด้วยการติดชั้นวางของติดผนังตามขอบหน้าต่างแล้วหาเบาะนุ่ม ๆ มาวาง แค่นี้ก็จะได้มุมชมวิวให้เจ้าเหมียวแล้ว

  1. วางคอนโดแมวให้เจ้าเหมียวลับเล็บ

อีกปัญหาหนึ่งที่ทาสแมวต้องเจอก็คือ รอยขีดข่วนตามเฟอร์นิเจอร์อันมาจากคมเล็บของเจ้าแมว ไม่ใช่ว่าพวกมันนิสัยเสีย ชอบทำลายข้าวของอะไรหรอกนะ แต่นั่นเป็นธรรมชาติของเจ้าเหมียวที่ต้องลับเล็บตลอดเวลา ดังนั้นแล้วทาสแมวควรหาที่ลับเล็บมาไว้ให้เจ้าเหมียวด้วย ซึ่งคอนโดแมวก็ตอบโจทย์เป็นอย่างดี เจ้าเหมียวจะได้ทั้งปีนป่ายเล่นและลับเล็บไปพร้อม ๆ กัน สามารถซื้อหาได้ตามร้านเพ็ทช็อปหรือจะ DIY เองก็ไม่ยาก

  1. มีของเล่นหลากหลาย

แมวที่เลี้ยงแบบปล่อยจะมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่ค่อนข้างเร็วกว่าแมวที่เลี้ยงในบ้าน เนื่องจากได้ออกไปสำรวจและทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ สำหรับเจ้าเหมียวที่อยู่ในบ้านนั้นจะมีข้อกำจัดในเรื่องนี้ แต่ทั้งนี้เจ้าของสามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสต่าง ๆ ของเจ้าเหมียวได้ด้วยของเล่น โดยให้เลือกของเล่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไม้ล่อแมว ตุ๊กตาหนู หรืออาจจะเป็นของที่หาได้ง่าย ๆ อย่างเช่น ถุง หรือ กล่อง เป็นต้น

  1. ปลูกหญ้าแมวให้เจ้าเหมียวเคี้ยวเล่น

ทาสแมวหลายคนคงจะคุ้นเคยและรู้กันดีว่า เจ้าเหมียวจะชอบดมและเคี้ยวต้นหญ้าหรือต้นไม้เล็ก ๆ เล่นเพื่อรักษาสุขภาพของตัวเอง สำหรับบ้านหรือคอนโดที่ไม่มีสนามหญ้าให้เจ้าเหมียวได้ออกไปเคี้ยวเล่น ให้ปลูกหญ้าแมวใส่กระถางเล็กตั้งไว้ในบ้านแทน ซึ่งต้นไม้ที่แมวชอบกิน ได้แก่ ต้นไผ่เงิน ต้นข้าวสาลีอ่อน เป็นต้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/bambi2192-13359725/
  1. เปิดทีวีให้ดู

แมวเป็นสัตว์ที่สนใจและตื่นตัวกับสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ อย่างใบไม้และนกบนต้นไม้ข้างหน้าต่างพวกเจ้าเหมียวอาจนั่งมองได้นานสองนาน แต่สำหรับตามหน้าต่างคอนโดสูงอาจจะไม่มีนกไม่มีใบไม้ให้แมวได้นั่งมอง ซึ่งภาพเคลื่อนไหวในทีวีก็ทำให้พวกเจ้าเหมียวนั่งดูเพลิน ๆ ได้เหมือนกัน

  1. มีเวลาเล่นด้วย

เนื่องจากแมวเป็นสัตว์สังคมและชอบเล่น เจ้าของก็ควรมีเวลามาเล่นกับเจ้าเหมียวทุกวัน ไม่ใช่ปล่อยให้เจ้าเหมียวเล่นกับของเล่นแค่อย่างเดียว ของเล่นแมวมีเท่าไรก็ขนออกมาเล่นกับเจ้าเหมียวให้หมดค่ะ ยิ่งหลากหลายเจ้าเหมียวยิ่งชอบ จะได้เล่นของเล่นหลายแบบและไม่เบื่อด้วย

  1. พาออกไปเปิดหูเปิดตา

การเลี้ยงแมวในบ้านไม่ใช่ปล่อยเจ้าเหมียวไว้ในบ้านอย่างเดียว แต่ควรพาเจ้าเหมียวไปเปิดหูเปิดตาบ้าง สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านที่สุนัขไม่เพ่นพ่าน ก็สามารถจูงเจ้าเหมียวไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะได้ โดยก่อนจะพาเจ้าเหมียวออกไปเดินเล่นนอกบ้านควรจะฝึกให้คุ้นเคยกับการใส่สายจูงคล้องคอตอนเดินซะก่อน หรือถ้าแถวบ้านใครเจ้าถิ่นคุม เจ้าตูบในซอยบ้านเยอะ อาจจะพาเจ้าเหมียวไปขับรถเล่นแทนก็ได้

  1. ทำความสะอาดสม่ำเสมอ

ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงกลิ่นมูลแมวได้เท่ากับทาสแมวอีกแล้ว ทรายแมวที่ช่วยดับกลิ่นบางครั้งยังเอาไม่อยู่ สำหรับแมวที่เลี้ยงแบบเปิดอาจจะไม่หนักใจกับเรื่องนี้เท่าไร เนื่องจากเจ้าเหมียวจะออกไปขับถ่ายนอกบ้านอยู่แล้ว วิธีการลดกลิ่นสำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้าน สามารถทำได้ด้วยการตักสิ่งขับถ่ายออก เติมและหรือเปลี่ยนทรายแมว หมั่นทำความสะอาดกระบะที่เจ้าเหมียวใช้เป็นประจำ รวมถึงการเลือกอาหารที่ช่วยลดกลิ่นมูลแมวก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยได้เช่นกัน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/crepessuzette-4345220/
  1. อาหาร

การเลือกอาหารให้เจ้าเหมียวเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ (carnivore) อาหารที่เหมาะสมจึงควรมีสัดส่วนของโปรตีนที่สูงและมีสารอาหารที่ครบคุณค่าตรงตามความต้องการของแมวแต่ละช่วงวัย โดยอาหารที่เลือกจะต้องมีโปรตีนที่ดีมีคุณภาพ อย่างเช่น อาหารแมวสำเร็จรูปที่มีวัตถุดิบหลักจากไก่ ซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพดี และข้าวแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย และร่างกายเจ้าเหมียวสามารถดูดซึมนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์ได้ดี

นอกจากนี้ต้องเลือกให้เหมาะสมกับอายุและ lifestyle ของเจ้าเหมียวด้วย อย่างเช่น ถ้าเป็นแมวที่เลี้ยงในบ้าน ก็ควรเลือกอาหารสูตรที่เหมาะกับแมวที่เลี้ยงในบ้านโดยเฉพาะ อย่างอาหารแมว มีโอ® โกลด์ แมวเลี้ยงในบ้าน อาหารที่มีส่วนผสมของสารสกัดยัคคาที่ช่วยลดกลิ่นมูลของเจ้าเหมียว ลดกลิ่นปาก เพื่อสุขภาพเหงือกและฟันที่ดีด้วยโซเดียม เฮกซะเมทตาฟอสเฟทและเส้นใยเซลลูโลส เพราะเจ้าเหมียวต้องอยู่ใกล้ชิดกับเรา สุขอนามัยและสภาพแวดล้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญ

อีกทั้งยังมีสูตรอื่น ๆ ให้เลือกตามความต้องการที่หลากหลาย อาหารแมว มีโอ® โกลด์ แมวเปอร์เซีย พัฒนาสูตรเฉพาะสำหรับแมวเปอร์เซียและแมวขนยาวทุกสายพันธุ์ มีคุณสมบัติสำคัญคือ ช่วยป้องกันก้อนขนอุดตันด้วยเยื่อใยธรรมชาติ บำรุงสุขภาพผิวหนังและขนสวยด้วยโอเมก้า 3 และ 6, Organic Zinc และ Biotin และอาหารแมว มีโอโกลด์ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ที่ดูแลให้เจ้าเหมียวของคุณสุขภาพดีสมวัย มีรูปร่างที่เหมาะสมด้วยแอล-คาร์นิทีน รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมเลือกสิ่งดี ๆ ให้กับเจ้าเหมียวที่บ้านนะคะ โดยเฉพาะ อาหารแมว เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษเลย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสาระความรู้ดีที่เรา DooDiDo ได้นำมาฝากให้กับสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักอย่างน้องเหมี๊ยว กับเรื่อง ที่เรานำมาฝากวันนี้กับ แชร์เทคนิคการดุแลน้องเหมี๊ยว ให้สุขภาพดีในบ้าน การป้องกันไม่ให้น้องแมวและหมาป่วยเป็นโรคนี้นั้นทำได้ไม่ยากเลย เพียงแต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความรักความเอาใจใส่ที่ดี หาเวลาเล่นกับสัตว์เลี้ยงทุกวัน ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม พาเขาออกไปเล่นในพื้นที่เปิดบ้าง อย่างเช่นสนามหญ้า จะช่วยทำให้น้องแมวกลับมาดีขึ้นอย่าแน่นอนค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา:  https://pet.kapook.com