เมื่อลูกมีอาการร้อนใน เกิดแผลในปาก ไม่ยอมกินข้าวควรทำยังไงดี?

SA Game

รู้ทัน!! โรคร้อนในกับลูกวัยเล็ก เกิดจากอะไร และมีวิธีแก้อย่างไร

อาการร้อนในในเด็กมักจะเกิดกับเด็กเล็กจนถึงเด็กในวัยก่อนเข้าเรียน อาการร้อนในในเด็กเล็กถ้ามีเพียงแค่แผลเดียวและไม่มีไข้ร่วมด้วยอาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยลักษณะปกติของแผลในปากนั้นจะเป็นแผลสีขาว เกิดขึ้นได้ทั้งริมฝีปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปากหรือเหงือก แต่หากมีหลายแผลพร้อมกับมีไข้ก็ควรพาลูกไปพบแพทย์จะดีที่สุด

หนึ่งในตัวการที่ทำให้ลูกทานอาหารได้ยากลำบาก และส่งผลให้ลูกได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอก็คือ อาการร้อนใน ซึ่งอาการดังกล่าวนี้ให้ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานแก่ลูกมาก เพราะแม้แต่การดื่มน้ำเปล่า ก็สามารถสร้างความปวดให้กับแผลได้ วันนี้เราจึงขอชวนพ่อแม่ทุกท่าน หันมาใส่ใจเกี่ยวกับอาการร้อนในกันค่ะว่ามีสาเหตุเกิดจากอะไร อาการที่ลูกต้องเผชิญเมื่อเป็นร้อนในเป็นอย่างไร รวมถึงวิธีการรักษาอาการร้อนในที่พ่อแม่ควรรู้กันค่ะ

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: www.sanook.com

ร้อนในคืออะไร
ร้อนในหรือแผลร้อนใน มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Aphthous Ulcer คือแผลที่มีขนาดเล็กและตื้น ลักษณะจะเป็นสีขาวและล้อมด้วยสีแดง เกิดขึ้นบริเวณด้านในช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกระพุ้งแก้ม ลิ้น เหงือก หรือริมฝีปาก และลักษณะของแผลมีโอกาสขยายใหญ่ขึ้นได้ มักทำให้รู้สึกเจ็บทุกครั้งที่สัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่เข้าไปในปาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าหรืออาหารก็ตาม และโดยปกติแล้วอาการร้อนในมักจะหายไปเองในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้หากมีไข้ร่วมอยู่ด้วยในช่วงที่มีอาการร้อนใน ควรรีบพาลูกไปหาหมอทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคมือเท้าปาก

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: www.sanook.com

สาเหตุที่ทำให้เกิดร้อนในในเด็ก
ในส่วนของสาเหตุที่ทำให้เกิดร้อนในในเด็กนั้น มีทั้งเกิดจากสารระคายเคืองต่างๆ จากการแพ้อาหาร กัดปากตัวเอง ใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็ง ร่างกายขาดสารอาหารประเภทวิตามินและแร่ธาตุ ระบบภูมิต้านทานของเด็กอ่อนแอลง ทานอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนเกินไป รวมทั้งอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://ufoid.net

อาการร้อนใน
สำหรับอาการร้อนในที่พ่อแม่ควรสังเกตก็คือ ลูกมักจะดื่มน้ำมากกว่าปกติ ร้องไห้หรืองอแงโดยไร้เหตุผล เคี้ยวอาหารช้าลงมาก มักแสดงอาการเจ็บปวดหรือร้องไห้ทุกครั้งที่ทานอาหารรสชาติเค็มหรือเผ็ด มีแผลในช่องปากซึ่งมีลักษณะสีขาวล้อมรอบด้วยสีแดง มีขนาดเล็กและตื้น รวมถึงอาจมีอาการไข้ร่วมด้วยเมื่อแผลเกิดการติดเชื้อ

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: www.maerakluke.com

วิธีรักษาอาการร้อนใน
สำหรับวิธีรักษาอาการร้อนในที่พ่อแม่สามารถทำได้นั้น มีทั้งการใช้ยาทารักษาแผลร้อนใน การทำความสะอาดมือของลูกเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ ให้ลูกทานอาหารอ่อนๆ ห้ามเอามือไปสัมผัสแผล บ้วนปากด้วยน้ำเกลือแทนการแปรงฟัน ทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงการอดทนรอประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพราะอาการดังกล่าวจะหายไปเอง

เมื่อพ่อแม่ทราบถึงสาเหตุและอาการร้อนในกันไปแล้ว อย่าลืมสังเกตช่องปากของลูกด้วยว่ามีแผลหรือเปล่า หากลูกมีอาการตามที่กล่าวไปข้างต้น แนะนำให้ค่อยๆ รักษาด้วยวิธีที่เราได้นำมาแชร์กัน สำคัญที่สุดคือ ควรสังเกตว่ามีไข้หรือเปล่า หากมีไข้ร่วมกับอาการร้อนใน ควรรีบพบหมอทันที เพราะอาจเป็นหนึ่งในสัญญาณของการเป็นโรคมือเท้าปากที่มักเกิดในเด็กนั่นเองค่ะ

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://happymom.in.th/

วิธีลดไข้ในเด็ก
หากลูกน้อยมีอุณหภูมิสูงถึง 39 องศาเซลเซียส นั่นแปลกว่ามีไข้สูงมาก แนะนำให้เช็ดตัวลูกด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิระหว่าง 27 – 37 องศาเซลเซียส แต่ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส เพราะมันจะช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น มีผลดีต่อการช่วยระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้ควรเช็ดตัวบริเวณหน้าและพักผ้าเช็ดตัวเอาไว้ที่ซอกคอ หลังหู หน้าผาก แขน 2 ข้าง ลำตัว หน้าอกและใต้รักแร้ โดยชุบน้ำแล้วบิดหมาดทุกครั้งแล้วทำสลับกันไปตามตำแหน่งต่างๆ และควรเช็ดตัวครั้งละนานประมาณ 15 – 20 นาทีจนกว่าตัวลูกจะเย็นลงค่ะ

คุณแม่ต้องรู้! อาการร้อนในในเด็กและวิธีรักษาที่ถูกต้อง นอกจากนี้แล้ว ควรสวมเสื้อผ้าลูกแบบโปร่งเบาสบายเพื่อดีต่อการช่วยระบายความร้อน ควรให้ลูกดื่มน้ำมากๆ เพื่อลดทอนพิษไข้และการให้ลูกทานยาลดไข้นั้นก็ควรทำตามคำแนะนำจากฉลากยาที่เด็กควรรับประทาน หรือให้ยาในปริมาณที่แพทย์สั่งอย่างถูกต้อง ทั้งหมดนี้หากคุณแม่ทำตามอย่างเคร่งครัดถูกต้อง ก็จะช่วยบรรเทารักษาอาการร้อนในของลูกน้อยให้ดีขึ้นได้แล้วค่ะ

ข้อควรระวังเหล่านี้ หากลูกของคุณมีแผลร้อนในบ่อยๆ หรือมีแผลในช่องปากหลายตำแหน่งพร้อมๆ กัน มีไข้มีผื่น หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย DooDiDo แนะนำให้ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อพิจารณาตรวจหาสาเหตุเพราะอาจไม่ใช่แผลร้อนในธรรมดาค่ะ จะได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปนะคะไม่ควรปล่อยไว้นาน

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : https://www.sanook.com/women/168633/