เคล็ดลับ 8 วิธี การทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด!!

WM

ข้อควรรู้!! การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับสภาพผิวคุณ

เมื่อผิวต้องเผชิญกับแเสงแดดอยู่ทุกวัน ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผิวหน้าและผิวกายของเรา และวิธีทากันแดดให้ถูกต้องก็จะเป็นเกราะป้องกันรังสียูวีไม่ให้ทำร้ายผิวของคุณให้คล้ำเสียได้  ครีมกันแดดนั้นจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณนะคะ วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับว่าควรทาครีมกันแดดอย่างไรให้ได้ผล รวมถึงเทคนิคการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับสภาพผิวคุณและวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ผิวของเรานั้นจะต้องเจอแสงแดดอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่เดินออกจากบ้านผิวของเรานั้นก็โดนแดดแล้ว ถ้าแดดและอากาศบ้านเรานั้นเหมือนกับโซนฝั่งยุโรป หรือแถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นหรือเกาหลีก็ดีนะสิ แต่เผอิญว่าอากาศและแดดบ้านเรานั้นไม่ได้ดีอย่างนั้นนะสิ โดดแดดทีก็ทั้งแสบผิว ทั้งดำ บางช่วงอากาศก็ร้อนมาก ร้อนขึ้นทุกปี เราคงต้องจริงจังกับการทาครีมกันแดดกันได้แล้ว เพื่อไม่ให้ผิวคล้ำเสีย และกลายเป็นมะเร็งผิวหนังกันนะทุกคน ดังนั้นก่อนออกแดดทุกครั้งเราจะต้องทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเสมอ แต่เราควรเลือกครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะกันสภาพผิวของสาวๆ กันล่ะ วันนี้เราจะหาคำตอบกัน

วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/kaboompics-1013994/

1. เลือกครีมกันแดดตามกิจกรรมที่ทำ

ครีมกันแดดมีหลายประเภท เช่น สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับเล่นกีฬา สำหรับไปทะเล หรือสำหรับเด็ก การเลือกครีมกันแดดควรเลือกใช้ลักษณะการใช้งาน จะทำให้ครีมกันแดดมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

2. ทาครีมกันแดดซ้ำ

เมื่อทาครีมกันแดดโดยทั่วไประยะเวลาในการกันแดดอยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมง และประสิทธิภาพก็จะค่อยๆ ลดลง ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาที ถ้าทำกิจกกรมกลางแจ้งที่ต้องโดนแดดนานๆควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหรือถ้าไปทะเลหรือเล่นกีฬาทางน้ำควรเลือกใช้ครีมกันแดดแบบกันน้ำทาครีมกันแดด

 

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/bellahu123-10783290/

3. ครีมกันแดดต้องป้องกันให้ครบ

แสงแดดมีรังสี UV หลายประเภท ทั้ง UVA และ UVB ที่จะทำให้เรามีผิวคล้ำเสียและผิวแห้งเหี่ยว การเลือกครีมกันแดดควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB รวมทั้งต้องมีค่า SPF ที่เพียงพอและ PA+++ ด้วยนะคะ

4. ปริมาณของครีมกันแดด

ครีมกันแดดส่วนใหญ่จะมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้คนส่วนใหญ่ใช้ครีมกันแดดในปริมาณน้อย เพราะกลัวหมด ซึ่งไม่มากพอต่อการกันแดดในแต่ละวัน โดยปริมาณที่เหมาะสมสำหรับผิวหน้าคือ 2 ช้อนชา และอย่าลืมทาคอด้วยไม่อย่างนั้นจะทำให้ผิวหน้าและคอไม่สม่ำเสมอกันแถมยังทำให้คอเหี่ยวอีกด้วย ส่วนครีมกันแดดที่ใช้กับแขนและขาปริมาณที่เหมาะสมคือ 1 ช้อนโต๊ะทาครีมกันแดด

5. เลือกค่า SPF ให้เหมาะสม

ยิ่งค่า SPF มาก ก็ยิ่งปกป้องแสงแดดมาก แต่ควรเลือกใช้ครีมกันแดดตามการใช้ชีวิตประจำวัน ว่าเราต้องเจอแสงแดดมากน้อยแค่ไหน เช่น ถ้าไปทำงานออฟฟิศเจอแดดน้อยอาจจะใช้ SPF30 หรือ SPF50   หากคนทำงานนอกสถานที่ เจอแดดแรงๆอาจจะเลือก SPF50+ หรือ คนที่ชอบไปเที่ยวทะเล ภูเขา ก็ควรเลือกใช้ SPF50+ และควรกันน้ำกันเหงื่อได้ด้วย สำหรับคนที่มีผิวขาว ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่าปกติเล็กน้อย เพราะผิวขาวจะไวต่อการรับแสงแดดมากกว่าคนผิวคล้ำค่ะ

 

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/chezbeate-1519166/

6. ทาครีมกันแดดตัวเดียวทาทั้งหน้าและตัว

บริเวณผิวหน้าก็ควรใช้ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า ส่วนผิวตัวก็ควรใช้ครีมกันแดดเฉพาะผิวตัว เพราะว่าผิวหน้าจะบอบบางกว่า ระคายเคืองได้ง่าย อุดตันและเกิดสิวได้ง่าย ครีมกันแดดเฉพาะจุดก็จะถูกผลิตออกมาให้เหมาะสมกับสภาพผิวในบริเวณนั้นค่ะ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีและไม่เกิดปัญหาผิวตามมาภายหลัง ควรใช้ครีมกันแดดแยกผิวหน้าและผิวตัวดีกว่าค่ะทาครีมกันแดด

7. ทาครีมกันแดดเฉพาะบริเวณที่อยู่นอกร่มผ้า

ควรทาครีมกันแดดก่อนใส่เสื้อผ้า เพราะถ้าใส่เสื้อผ้าแล้วเราจะทาครีมกันแดดเฉพาะส่วนที่อยู่นอกร่มผ้า เนื้อผ้าจะปกป้องแสง UV ได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่มาก ดังนั้นเราควรทาครีมกันแดดให้ทั่วถึงทั้งตัวรวมถึงส่วนที่อยู่ใต้ร่มผ้าด้วย

 

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/chezbeate-1519166/

8. อย่าลืมบำรุงผิว

การทาครีมกันแดดมีส่วนช่วยป้องกันแสงแดดแต่เราก็ต้องบำรุงผิวด้วย เช่น ทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิว ทาครีมบำรุง หรือดื่มน้ำดื่มอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวันค่ะ และหากต้องออกกลางแดดจัดเราควรเลือกเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายได้ เช่นเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวด้วยนะคะ

และนี่ก็คือเคล็ดลับ 8 ข้อที่จะทำให้การทาครีมกันแดดเกิดประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ  หากใครที่ยังลังเล สับสนในการทาก็ลองนำทริคที่ DooDiDo นำมาฝากนะคะ เพื่อป้องกันสุขภาพของผิวตัวและผิวหน้าได้อย่างเห็นผล  จะได้ไม่เจอกับปัญหาผิวหมอง  คล้ำเสียตามมาทีหลังค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา :  https://www.pingfai.com/beauty/2159