เขียนเรซูเม่ สำหรับสมัครฝึกงานแบบขั้นเทพ ได้งานไว

Resume

How to เขียนเรซูเม่ สมัครฝึกงาน ให้น่าสนใจ


Resume คือการเขียนสรุปประวัติส่วนบุคคล โดยระบุถึงประวัติการศึกษา และประวัติการทำงานที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงใจความสำคัญของความสำเร็จ และความสามารถพิเศษต่างๆ ยาวไม่เกิน 2 หน้า เรซูเม่ นิยมแนบเป็นเอกสารในการสมัครงาน ซึ่งเรซูเม่ที่น่าสนใจจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานมากขึ้นนั่นเอง

แน่นอนเลยว่าเรซูเม่เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการใช้สมัครฝึกงานหรือสมัครเข้าทำงานสำหรับเด็กจบใหม่ ซึ่งวัตถุประสงค์ของ Resume ที่สำคัญคือการแนะนำตัวกับผู้ว่าจ้างนั่นเอง โดยองค์ประกอบจะประกอบไปด้วย ประวัติส่วนตัว, ประวัติการศึกษา, จุดมุ่งหมายในการทำงาน หรือความสนใจในตำแหน่งงาน, ประสบการณ์การทำงาน, ทักษะและความสามารถพิเศษ, รางวัลแห่งความสำเร็จต่างๆ และบุคคลอ้างอิง 1-2 คน ซึ่งส่วนใหญ่นักศึกษาจะใช้อาจารย์ในมหาวิทยาลัยเป็นผู้อ้างอิงนั่นเอง โดยไม่ควรอ้างอิงถึงบุคคลในครอบครัวเด็ดขาด ทีนี้เราไปดูวิธีเขียนเรซูเม่แบบที่ฝ่ายบุคคลอ่านแล้วไปปัดทิ้งกันดีกว่า

Resume
How to เขียนเรซูเม่ สมัครฝึกงาน ให้น่าสนใจ
1. ใช้รูปที่สุภาพเรียบร้อย

ให้ติดรูปของตัวเองลงไปในเรซูเม่ด้วยตรงด้านบน ไม่ว่าจะเป็นทางซ้ายหรือขวา ขอเพียงต้องเป็นรูปที่ดูสุภาพและเรียบร้อย (ออกไปแนวทางการหน่อย แนะนำให้ใช้รูปชุด นศ.) และขอให้หลีกเลี่ยงรูปเซลฟี่ในห้องตัวเอง ที่แบ๊คกราวนด์ติดกองเสื้อผ้ายังไม่ได้ซักกองโต หรือขยะในห้องนอนมาด้วย เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สุภาพอย่างยิ่ง

2. ใส่ข้อมูลส่วนบุคคลให้ครบ

โดยข้อมูลส่วนนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้อ่านนั้นรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเรา แต่ไม่ต้องเขียนละเอียดมากนะ เอาเป็นว่าใส่สิ่งที่จำเป็นที่คนอื่นเขาใส่กันก็พอ แต่อย่ามองข้ามเรื่องชื่อตัวเอง เบอร์ติดต่อ อีเมล์ติดต่อ เพศ อายุ และถ้าเป็นผู้ชาย ถ้าหากใส่ สถานภาพทางการทหารเอาไว้ด้วยก็จะได้เปรียบมากกว่าคนอื่น

3. จุดประสงค์ในการทำงาน

จุดประสงค์ในการทำงานถือเป็นสิ่งที่สำคัญกับนักศึกษาจบใหม่ เนื่องจากว่าตัวเราจะไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน อาจจะมีเพียงฝึกงานซึ่งส่วนมากก็ฝึกกันที่เดียว ในระยะเวลาสั้นๆ แค่ 1-2 เดือน มากกว่านั้นก็ 4 เดือน ดังนั้นการใส่จุดมุ่งหมายในการทำงานเอาไว้ในส่วนบนสุดของเรซูเม่ จะเป็นการบอกผู้ว่าจ้างว่า ตัวเราต้องการอะไรในชีวิตการทำงาน ซึ่งถ้าจุดมุ่งหมายนี้ตรงกันกับที่บริษัทกำลังหาอยู่คุณจะถูกสนใจขึ้นมาแน่นอน ส่วนผู้ที่ทำงานมาสักระยะหนึ่งแล้ว 3-4 ปีขึ้นไป ตัวจุดมุ่งหมายในการทำงานนี้แทบจะไม่มีความสำคัญอะไรเท่าไหร่ไม่ต้องใส่ก็ได้

4. ประสบการณ์ฝึกงาน

ให้ใส่รายละเอียดในการฝึกงานของตัวเองลงไปอย่างละเอียด ชื่อตำแหน่ง ชื่อบริษัท ช่วงเวลาที่ฝึกงาน รวมถึงอธิบายว่าเราได้ทำอะไรในตอนฝึกงานไป เอาสักอย่างน้อย 2-3 บรรทัดได้กำลังสวยเลย

5. ประวัติการศึกษา

ข้อมูลนี้จำเป็นมากอันดับต้นๆ เนื่องจากคนที่ยังไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานนั้น ก็มีแต่การศึกษานี่แหละที่จะเป็นตัวบอกได้ว่าเราน่าจะถนัดอะไร ให้ใส่เอก คณะ ชื่อมหาวิทยาลัย และวิชาที่เกี่ยวข้องกับตำแนห่งงานที่สมัครลงไป ส่วน GPA ถ้าไม่ได้ต่ำต้อยจนน่าเกลียดก็ใส่มันลงไปจะได้ผลดีกว่าปล่อยว่างไว้นะ

6. ใบประกาศ หรือคอร์สเรียนต่างๆ ที่ผ่านมา

ถ้าหากว่าคุณสอบผ่านได้ใบประกาศที่มีประโยชน์ต่อตำแหน่งงานนั้นๆ ก็ให้ใส่มันลงไปด้วย เพราะมันจะทำให้คุณได้เปรียบมากกว่าคู่แข่งอย่างมาก การเรียนผ่านอะไรมาบ้างที่ไม่ใช่วิชาจากในโรงเรียน (training course) อย่างถ้า SA Game เคยไปเรียนออนไลน์มา ก็เอามาใส่ได้นะ ส่วนใหญ่เค้าจะมี certificate หรือใบประกาศนียบัตรให้ด้วยเราก็สามารถใส่ได้

7. ทักษะ ข้อมูลกิจกรรม หรืองานที่เคยทำ

สิ่งที่เป็นตัวแยก (differentiate) เราออกจากคู่แข่งเลย เคยทำกิจกรรมอะไร หรือเคยเป็นตัวแทนแข่งอะไรมาใส่ลงไป แต่เอาเท่าที่มันจะจำเป็นสำหรับงานที่เราจะสมัครด้วยนะ ซึ่งที่จริงแล้วเรซูเม่ควรจะทำเป็นแบบคัดเลือกตามงานที่สมัครเพื่อที่จะตรงตามคุณสมบัติของงานนั้นๆ ให้ได้มากที่สุด ใส่เข้าไป แม้ว่าเราจะไม่ค่อยมีก็ตาม คนส่วนมากใส่แค่ภาษา แต่จริงๆ มันมีมากกว่านั้นนะ เช่น ทักษะดนตรี การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ และอื่นๆ

8. อื่นๆ

นอกเหนือจากที่กล่าวมา บางคนเคยได้รางวัลประกวดร้องเพลง หรือวาดภาพศิลปะ แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับงานที่สมัครก็ไม่จำเป็น มันจะทำให้รกเปล่าๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ วิธีเขียนเรซูเม่ สมัครฝึกงาน ให้น่าสนใจ ไม่โดนปัดทิ้งแน่นอน ที่ DooDiDo ได้นำมาฝากให้น้องๆ ได้นำไปเขียนและนำไปเป็นแนวทางในการเขียนให้ถูกต้องได้

แหล่งที่มา : www.joblnw.com