อย่าละเลย!! อาการมือชา สัญญาณเตือนของโรคปลายประสาทอักเสบ

WM

ปัญหาสุขภาพ “มือชา” คนทำงานนั่งโต๊ะ เกิดจากอะไรได้บ้าง?

ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีไม่ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา และสำหรับใครที่เป็นมนุษย์ออฟฟิต นั้งทำงานอยู่หน้าจอคอมทั้งวัน หรือเป็นแอดมินที่ต้องคอยนั้งตอบลูกค้าผ่านโทรศัพ?มือถือ ระวังปัญหาสุขภาพ โดยฉเพราะ “มือชา” ที่ร่างกายเริ่มฟ้องถึงการทำงานที่ใช้มือหนักมากเกินไป เนื่องจากการกดทับของระบบเส้นประสาทที่ฝ่ามือเริ่มมีอาการปวดไม่มีแรง ปลายนิ้วเริ่มรู้สึกชา อาจเกิดจากอาการปลายประสาทอักเสบ หรือปลายนิ้วชาเฉพาะโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางครึ่งซีก อาจเป็นสัญญาณของโรคเส้นประสาทมือถูกบีบรัด เนื่องจากเยื่อหุ้มเอ็นที่อยู่ในช่องใต้กระดูกมือบวม อาการมือชาจะเริ่มส่งผลไม่ทั่วร่างกาย หากเริ่มมีอาการเหล่าอย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบทำการรักษาไม่งั้นอาจเกิดความเสี่ยงถึงขั้นพิการได้

มือชา … ปัญหาคนออฟฟิศอาการในวัยทำงานหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าอาการมือชาก็เป็นหนึ่งในโรคออฟฟิศซินโดรมยิ่งในปัจจุบันมีอาชีพที่หลากหลายมากขึ้นหากใช้งานนิ้วมือมากเกินไปอาจเกิดการเกร็งการกดเบียดและสั่นสะเทือนถึงเส้นประสาททำให้มีอาการมือชาเกิดขึ้นได้หรือบางคนอาจทำอิริยาบถที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานานเช่นการใช้โทรศัพท์มือถือในการอ่านหนังสือหรือการพิมพ์คอมพิวเตอร์เป็นต้นเพราะพฤติกรรมเหล่านี้มีการใช้กล้ามเนื้อหรือการเกร็งกล้ามเนื้ออยู่บ่อยครั้งทำให้เกิดความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไปซึ่งจริง ๆ แล้วอาการมือชามักพบบ่อยในวัยทำงานโดยส่วนมากเกิดกับเพศหญิงมากกว่าเพศชายและเกิดจากการใช้งานของมือในลักษณะที่ต้องมีการกระดูกข้อมือหรือกำยืดนิ้วมือตลอดทั้งวันซึ่งก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดอาการมือชาได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@jibarox

อาการ

จะเริ่มชาที่ฝ่ามือและนิ้วมือในขณะที่ใช้มือทำงานอย่างต่อเนื่องและถ้าเป็นมากอาจมีอาการชาจนเป็นเหน็บในขณะที่ไม่ได้ใช้งานและมีอาการปวดตอนกลางคืนจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อขยับมือหรือบีบนวดฝ่ามือและถ้าปล่อยไว้นานจะมีการอ่อนกำลังของมือหยิบจับสิ่งของแล้วร่วงหล่นจนถึงขั้นมีการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อมือในที่สุดสาเหตุของมือชาส่วนมากเกิดจากการหนาตัวของเอ็นกระดูกบริเวณข้อมือหรือที่บริเวณอุโมงค์ข้อมือเอ็นจะไปกดรัดเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ฝ่ามือและเส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับความรู้สึกที่ฝ่ามือเมื่อมีการเคลื่อนไหวของข้อมือมาก ๆ จึงทำให้เกิดการระคายมากขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/jackmac34-483877/

กลุ่มที่พบอาการมือชา

  • คนทำงานในออฟฟิศที่ต้องรับโทรศัพท์หรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
  • แม่ครัว
  • ช่างทําผม
  • แม่บ้านทําความสะอาด กวาดบ้าน
  • กลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • สตรีที่ตั้งครรภ์
  • ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยที่มีข้อต่อกระดูกคอเสื่อมรวมถึงการขาดวิตามินบี
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/pexels-2286921/

วิธีป้องกันอาการมือชา

  • ลดการใช้งานข้อมือลง
  • ปรับท่าทางการทำงานของมือให้เหมาะสมระหว่างทำงานข้อมือต้องไม่งอมากเกินไป
  • ใช้อุปกรณ์ช่วยประคองข้อมือสำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อให้ข้อมือ ที่พัก เมาส์ที่ใช้ก็ต้องมีขนาดพอดีมือไม่เล็กจนเกินไป เพราะจะทำให้ข้อมือเกร็งมากขึ้น

มีการรักษา

  • ถ้าผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงจะให้ยาต้านการอักเสบของเส้นเอ็นและเส้นประสาท
  • กำจัดปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุเช่นถ้าเกิดจากการใช้งานเยอะก็พักการใช้ชั่วคราวลดการสั่นสะเทือน
  • ใช้งานแขนและมือให้ถูกท่า
  • บริหารยืดกล้ามเนื้อบริเวณแขนและมือเพื่อลดความตึงพังผืดระหว่างเส้นเอ็นและเส้นประสาท
  • อาจใช้ยากินยานวดหรือทำกายภาพด้วย
  • การให้วิตามินบี
  • การผ่าตัดเอ็นที่ไปกดรัดเส้นประสาทนั้น

ฉะนั้น DooDiDo แนะนำว่าการดูแลป้องกันและถนอมข้อมือเพื่อให้เราได้ใช้งานนานๆ จึงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ หากใช้งานข้อมือที่ผิดท่าผิดวิธีอาจนำมาซึ่งการรักษาที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้อาการชาที่เป็นสาเหตุจากโรคทางกายอื่นๆ เช่น เบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ปลายประสาทอักเสบ หรือขาดวิตามินบีรุนแรง โดยในกลุ่มนี้มักมีอาการชาส่วนปลายทั้งมือและเท้า มีอาการชามือทั้งสองข้างเท่าๆ กัน ซึ่งแนะนำให้พบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง อย่าวางใจ อาการมือชาอันตรายมากกว่าที่คิดควรรีบทำการรักษาเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเป็นพิการนะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.siphhospital.com