ห้ามพลาด!! 7 ทริคที่ผู้ชายต้องรู้ ก่อนการเลือกซื้อ “เสื้อสูท”

WM

เลือกสูทผู้ชายอย่างไร? ให้ใส่ออกมาแล้วดูดี เหมาะกับสรีระ

ปัจจุบันสูทผู้ชายก็มีรูปแบบที่มากมายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ซึ่งถูกพัฒนาตามยุคสมัยมาเรื่อยๆ แถมยังมีรูปทรงต่างๆ ให้เลือกอีกมาก ทำให้ผู้ชายหลายคนตัดสินใจยากเหลือกเกิน ว่าจะเลือกซื้อเสื้อสูทแบบไหน ที่ใส่ออกมาแล้วดูดี ดูเหมาะกับรูปร่างของตัวเอง วันนี้เรามีคำตอยมาให้ค่ะ

สำหรับหนุ่ม ๆ แล้ว การเลือกเสื้อสูทผู้ชาย ดูไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จะเลือกแมตซ์สักตัวแค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ก็เพราะมันมีดีเทลมากมายไม่ว่าจะทั้งขนาดที่เหมาะกับสรีระ ความยาวของเสื้อ ไหนจะกังวลเรื่องกระดุมว่าต้องติดยังไงอีก แล้วใส่เสื้อสูทผู้ชายยังไงให้ดูดี เอาเป็นว่าวันนี้ เราจะช่วยให้ขจัดปัญหาเหล่านี้ให้เองครับ เพราะเรามีวิธีเลือกเสื้อสูทผู้ชายให้เหมาะกับตัวเองมาฝากกัน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/royalanwar-4597881/

1. เสื้อสูทผู้ชายต้องใส่ให้พอดีกับหัวไหล่
โดยทั่วไปแล้วเสื้อสูทผู้ชายจะมีฟองน้ำเสริมหัวไหล่ เวลาที่เราใส่เสื้อสูทแล้วมีฟองน้ำเลยหัวไหล่ออกมานั่นแปลว่า เสื้อสูทตัวนั้นใหญ่เกินไป ซึ่งเรากำลังจะบอกคุณว่าทริคการเลือกเสื้อสูทผู้ชายจะต้องเลือกให้พอดีกับช่วงหัวไหล่ ไม่เล็กจนรัดเกินไป หรือไม่หลวมจนช่วงไหล่ตก หากเลือกใส่เสื้อสูทผู้ชายที่พอดีตัวก็จะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูสง่ามากขึ้น

2. เลือกความยาวแขนเสื้อสูทผู้ชายที่พอดี
แน่นอนว่าเวลาที่เราใส่เสื้อสูทผู้ชายก็ต้องมีเสื้อตัวข้างในใช่มั้ยครับ และส่วนใหญ่เราก็จะเลือกแมตซ์กับเสื้อเชิ้ต ซึ่งเคล็ดลับการเลือกใส่เสื้อสูทให้ดูดีก็คือ เลือกความยาวแขนเสื้อให้เลยกระดูกข้อมือลงมาประมาณ 1 นิ้ว เพราะเวลาใส่เสื้อสูทคู่กับเสื้อเชิ้ตให้ดูสมาร์ต แขนเสื้อเชิ้ตจะต้องโผล่พ้นแขนเสื้อสูทมาประมาณครึ่งนิ้ว และอย่าลืมดูขนาดของกระบอกแขนเสื้อให้พอดี เพราะถ้าใส่กระบอกแขนเสื้อที่ใหญ่เกินไป แน่นอนว่ามันจะทำให้เราดูเทอะทะและยังทำให้ดูมีอายุมากขึ้นอีกด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/royalanwar-4597881/

3. ดูความยาวของตัวเสื้อสูทผู้ชายให้อยู่ระดับครึ่งก้น
ลองคิดดูนะครับว่าถ้าเราเลือกใส่เสื้อสูทผู้ชายที่มีความยาวของตัวเสื้อสั้นเกินไปมันจะดูเหมือนว่าเราแอบไปเอาสูทของน้องชายมาใส่ หรือถ้าเลือกตัวเสื้อสูทยาวเกินไปก็จะทำให้เราดูเป็นผู้ชายตัวเล็กไปอีก ดูแล้วไม่ค่อยบาลานซ์กันสักเท่าไหร่ ฉะนั้นแล้วทริคการเลือกความยาวของตัวเสื้อสูทให้ดูดีจะต้องมีความยาวอยู่ในระดับประมาณครึ่งก้นนั่นเอง

4. ใส่เสื้อสูทผู้ชายสีแบบไหนถึงเหมาะกับตัวเอง?
วิธีที่จะเลือกสีเสื้อสูทผู้ชายให้เหมาะกับตัวเองจะต้องเลือกให้เข้ากับรูปร่าง เพราะสีเสื้อเนี่ยมันสามารถพรางหุ่นของเราได้ดีเลยทีเดียว
– รูปร่างใหญ่ : ผู้ชายที่มีรูปร่างใหญ่เป็นหนุ่มเจ้าเนื้อ แนะนำให้เลือกใส่เสื้อสูทผู้ชายที่มีสีโทนเข้มแบบเรียบ ๆ เช่น สีดำ สีกรมท่า ซึ่งสีเข้มแบบนี้จะช่วยลดความใหญ่ให้เล็กลง และช่วยให้รูปลักษณ์ดูเบาขึ้น ไม่แนะนำให้ใส่เสื้อที่มีลายเยอะ ๆ เพราะมันจะทำให้ดูตัวใหญ่ขึ้นไปอีก แต่ถ้าอยากได้เสื้อสูทที่มีดีเทลมากกว่าสีพื้นเรียบ ๆ อาจเลือกเป็นเสื้อสูทลายทางหรือมีลายเล็ก ๆ ที่จะทำให้ดูตัวยาวขึ้นได้

– รูปร่างผอมสูง : ผู้ชายที่ตัวสูงผอม ควรใส่เสื้อสูทผู้ชายด้วยเนื้อผ้าที่มีน้ำหนัก และควรเลือกสีโทนอ่อน เช่น สีเทา สีเบจ เพราะช่วยทำให้ตัวเราดูใหญ่ขึ้น แต่ถ้าเลือกใส่สูทลายทางหรือสูทสีเข้มก็จะยิ่งทำให้ดูสูงและผอมเข้าไปอีก

– รูปร่างตัวเล็ก : ผู้ชายตัวเล็ก ไม่ควรเลือกเสื้อสูทผู้ชายที่มีลวดลายหรือลายพิมพ์หนา ๆ เพราะจะทำให้ดึงดูดความสนใจไปที่รูปร่างมากยิ่งขึ้น แนะนำให้เลือกใส่เสื้อสูทที่มีสีพื้นเรียบ ๆ หรือเลือกใส่สูทลายทาง เพราะสามารถช่วยดึงดูดสายตาให้มองขึ้นตามแนวยาว หมายความว่ามันจะทำให้ร่างกายดูสูงขึ้นมากกว่าที่เป็นนั่นเองคะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stocksnap-894430/

5. เลือกรอยผ่าหลังเสื้อสูทผู้ชาย (Vents) ให้เข้ากับรูปร่าง
รอยผ่าหลังเสื้อสูทผู้ชายหรือที่เรียกว่า Vent จุดที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามแต่ที่จริงแล้วมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะ รอยผ่าหลังจะช่วยให้เรามีบุคลิกที่ดี เรียบร้อย สุภาพ แถมยังล้วงกระเป๋ากางเกงได้สะดวกขึ้นอีกด้วย

– ไม่มีรอยผ่าหลังเสื้อสูท (No Vent) เสื้อสูทผู้ชายแบบไม่มีรอยผ่าหลังให้ลุคเรียบ ๆ มินิมอล ใส่แล้วจะดูเข้ารูปกว่าเสื้อสูทที่มีรอยผ่าหลังรอยเดียว เหมาะกับผู้ชายที่มีรูปร่างผอมสูง เพราะเมื่อใส่แล้วจะดูได้ทรงที่เข้ารูป ช่วยให้เห็นรูปร่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่เป็นหนุ่มตัวผอมแห้งอีกต่อไป
– ผ่าหลังรอยเดียวตรงกลางเสื้อสูท (Single Vent) รอยผ่าหลังเสื้อสูทผู้ชายเพียงรอยเดียว เดิมทีถูกดีไซน์ขึ้นมาสำหรับการขี่ม้า ซึ่งในปัจจุบันนี้ข้อดีของมันก็คือ ช่วยให้เราขยับตัวได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะล้วงเป๋า หรือขี่บิ๊กไบค์ก็คล่องตัว เหมาะกับหนุ่มหุ่นหมี เจ้าเนื้อหน่อย ๆ เพราะนอกจากจะช่วยให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเบี่ยงเบนความสนใจเกี่ยวกับหุ่นได้อีกด้วย
– รอยผ่าหลังทั้งด้านซ้ายและขวา (Double Vent) เสื้อสูทผู้ชายที่ผ่าหลังทั้งสองข้างจะช่วยแก้ปัญหาการล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพราะเมื่อเอื้อมมือล้วงไปแล้วเสื้อสูทจะยังคงตัวอยู่ ช่วยเพิ่มความทะมัดทะแมงในการขยับตัวมากขึ้น เหมาะกับผู้ชายตัวเล็ก เพราะรอยผ่าคู่ด้านหลังจะช่วยให้การใส่สูทดูมีมิติ และทำให้ดูสูงขึ้นนั่นเอง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/neshom-447256/

6. เทคนิคเลือกและกลัดกระดุมเสื้อสูทผู้ชาย
อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญสำหรับการเลือกเสื้อสูทผู้ชายก็คือจำนวนกระดุม หลายคนอาจจะงงว่ามันสำคัญยังไง แต่หากคิดจะซื้อเสื้อสูทสักตัวนึง ตำแหน่งและจำนวนของกระดุมก็ส่งผลต่อบุคลิกและลุคโดยรวมได้เช่นกัน มาดูกันครับว่ากระดุมแต่ละแบบแตกต่างกันยังไงบ้าง

– สูทกระดุมแถวเดียว Single – Breasted Suits เป็นเสื้อสูทผู้ชายที่มีกระดุมเรียงตัวตรงกลางเป็นแถวเดียว มีจำนวนกระดุมตั้งแต่ 1 – 3 เม็ด เหมาะกับผู้ชายที่ต้องการพรางช่วงลำตัว ซึ่งหากมีกลัดกระดุมแบบนี้จำไว้ว่า ถ้ามีกระดุมเม็ดเดียว ต้องกลัดกระดุมเสมอไม่ว่าจะตอนเดินหรือยืน, กระดุม 2 เม็ด ให้กลัดกระดุมเม็ดบนสุดเท่านั้น, ส่วนกระดุม 3 เม็ด แนะนำให้กลัดเฉพาะเม็ดกลาง ส่วนตอนนั่งเอาตามสะดวกได้เลยทั้ง 3 แบบ ลองดูว่าถ้านั่งแล้วกระดุมรั้งทำให้รู้สึกอึดอัด หรือเสียลุคก็ปลดออกซะ

– สูทกระดุมสองแถว Double – Breasted Suits การจัดวางกระดุมประเภทนี้จะเป็น ตัวเลข x ตัวเลข เช่น สูท Double – Breasted กระดุม 6×2 หมายความว่า สูทตัวนี้มีกระดุมทั้งหมด 6 เม็ด และจะมีกระดุม 2 เม็ดเอาไว้กลัดให้เห็นข้างนอก (ไม่นับกระดุมหลัก หรือ Anchor button ที่ซ่อนอยู่ในตัวเสื้อ) ซึ่งสูท 6 กระดุมจะให้ลุคที่ดูเป็นทางการ ภูมิฐาน และยังช่วยเสริมให้ลุคดูวินเทจมากขึ้นอีกด้วย จึงเหมาะกับผู้ชายรูปร่างผอม เพราะจะช่วยให้ตัวดูใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะตอนกลัดกระดุมครบทั้ง 6 เม็ด (สูทกระดุม 2 แถว สามารถกลัดกระดุมครบทุกเม็ดได้โดยไม่ทำให้ลำตัวดูตัน หรือเกิดความรัดขึ้น)

7. ฉีกทุกกฎก็เลือกใส่เสื้อสูทผู้ชายแบบ Oversize
ในปัจจุบันนี้เราก็คงเห็นผู้ชายใส่เสื้อสูททรง Oversize กันมากขึ้น โดยเฉพาะในลุคสตรีท สายแฟชั่นต่าง ๆ เพราะให้ลุคที่ดู casual สบาย ๆ และมีสีสันหลากหลายให้เลือกมากกว่าสูททรงมาตรฐาน หรืออีกชื่อที่เราเรียกกันจนชินปากว่า เบลเซอร์ (Blazer) นั่นแหละครับ จุดเด่นคือไม่มีฟองน้ำรองที่ไหล่ เนื้อผ้าและการออกแบบจะเบากว่าเสื้อสูทผู้ชายทั่วไป ทำให้ใส่ง่าย ไม่ต้องคิดมาก ที่สำคัญคือใส่ยังไงก็ดูดี แต่ก็ต้องดูโอกาสด้วยนะครับหากใส่ไปประชุมสำคัญหรือออกงานสังคมอาจดูไม่ค่อยเหมาะนัก

และนี่ก็คือวิธีการเลือกเสื้อสูทผู้ชายง่ายๆ ที่ทำให้คุณดูดีได้ในพริบตาที่ DooDiDo นำมาฝากคุณผู้ชายในวันนี้ค่ะ สำหรับคุณผู้ชายที่กำลังมองหาสูทที่ใส่แล้วช่วยเสริมลุคสักตัว ลองศึกษาจากข้อมูลข้างต้นนี้ก่อนนะคะ ถึงแม้ว่าการเลือกซื้อสูทสักตัวอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก แต่ถ้าคุณมีสูทคู่ใจดีๆ สักตัวไว้ในตู้ รับรองว่าคุณจะดูดีได้ในทุกครั้งที่หยิบมาใส่เลยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://thomasthailand.co