หากอยากจะเริ่มเก็บเงินและให้เงินเก็บของคุณงอกเงย ทำได้อย่างไร

WM

การสร้างเงินให้คุณ เพียง 3 ขั้นตอน ที่จะช่วยทำให้เงินเก็บงอกเงยได้

ในเศรษฐกิจแบบนี้ ข้าวยาก หมากแพง แต่ก็มีหลายๆ คนที่เริ่มประหยัดและหันมาเก็บเงิน และจุดเริ่มต้นง่ายๆ ของการเปลี่ยน Mindset คือการจดบันทึกรายรับรายจ่ายประจำวัน เมื่อย้อนกลับมาดูคุณจะได้เห็นการใช้จ่ายของตัวเองในภาพรวม แล้วคุณจะรู้ว่าที่แล้วๆ มาคุณอาจใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นไปมากกว่าที่คิด กับ 3 ตัวเร่ง.. ที่ทำให้เงินเก็บงอกเงย ด้วยอุปสรรคอย่างสถานะทางการเงิน ภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปจนถึงหนี้สินอันไม่พึงประสงค์ที่เกิดจาก ‘ความตั้งใจ’ และ ‘ไม่ตั้งใจ’ ก็ตาม ที่อย่าว่าแต่ความเป็นไปได้ที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นเศรษฐี…การจับเงินก้อนสักหนึ่งก้อนก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยด้วยซ้ำ วันนี้เรามี ไลฟ์สไตล์ กับ Lifestyle การสร้างเงินให้คุณ เพียง 3 ขั้นตอน  หากเพื่อนๆทุกคน พร้อมกันแล้วละก็ อย่ารอช้าเลย ได้ดูสาระความรู้ดีๆ จากบทความนี้กันเลยค่าาาาา

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าคะที่คิดอยากจะเก็บเงิน? แต่เก็บยังไง ก็ไม่เคยเก็บได้เลยสักที บางครั้งก็ยังกดเงินเก็บออกมาใช้ด้วยซ้ำ ถ้าวันนี้คุณอยากจะเริ่มเก็บเงินและให้เงินเก็บของคุณงอกเงย ทำได้อย่างไร มาติดตามกับบทความนี้ค่ะ

ตัวอย่าง ถ้าคุณอยากเก็บเงินเดือนละ 1,000 บาท ทุกเดือน โดยนำไปฝากประจำที่ธนาคาร ได้รับดอกเบี้ย 2% ต่อปี ฝากเป็นระยะเวลา 10 ปี เมื่อคำนวณออกมาจะพบว่า เงินเก็บของคุณจะอยู่ที่ 132,720 บาท และถ้าคุณอยากให้เงินเก็บของคุณงอกเงยขึ้น ลองมาใช้ 3 ตัวเร่งนี้กันค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@vsolomianyi
  1. เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน จากเดิมที่คุณเก็บเงินเดือนละ 1,000 บาท เปลี่ยนเป็นเก็บมากขึ้นที่ 3,000 บาท หรือ 5,000 บาท โดยเงินดังกล่าวยังคงนำไปฝากประจำได้รับดอกเบี้ย 2 %ต่อปี และฝากเป็นระยะเวลา 10 ปีเท่าเดิม เมื่อเวลาผ่านไป จะเห็นว่าผลตอบแทนที่คุณได้รับ จะเติบโตขึ้นจาก 132,720 บาท เป็น 398,159 บาท และ 663,598 บาท ตามลำดับ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของจำนวนเงินต้นที่นำไปลงทุนนี้ คุณอาจใช้วิธีเพิ่มการออมมากขึ้น ตามเงินเดือนของคุณที่ปรับเพิ่มขึ้นในแต่ปีก็ได้ค่ะ
  2. เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน จากตัวอย่างจะเห็นว่า คุณนำเงินเก็บเดือนละ 1,000 บาททุกเดือน ไปฝากประจำกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ย 2%ต่อปี เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เงินเก็บของคุณจะอยู่ที่ 132,720 บาท

หากคุณลองเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ลงทุนจากเงินฝากประจำ ไปเป็นกองทุนรวมผสมที่ให้ผลตอบแทน 5%ต่อปี หรือไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่ให้ผลตอบแทน 8%ปี เมื่อระยะเวลาผ่านไปเงินของคุณจะโตขึ้นกว่าเดิมเป็น 155,282 บาท และ 182,946 บาท ตามลำดับ

อย่าลืมนะคะ หากคุณลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ เมื่อเวลาผ่านไป เงินเก็บของคุณก็จะมีอำนาจซื้อที่ลดลง แต่หากคุณต้องการที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นนั้น คุณเองก็ต้องสามารถรับความเสี่ยงจากาการลงทุนได้สูงมากขึ้นเช่นกัน และทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน ควรศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์การลงทุนให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/6689062-6689062/
  1. เพิ่มระยะเวลาการลงทุน จากตัวอย่างจะเห็นว่าคุณมีการลงทุนที่ 10 ปี หากคุณเพิ่มระยะเวลาการลงทุนจาก 10 ปี เป็น 20 ปี หรือ 30 ปี โดยลงทุนเดือนละ 1,000 บาท นำไปฝากประจำที่ให้ผลตอบแทน 2%เท่ากัน จะเห็นว่าผลตอบแทนที่ได้รับจะเติมโตขึ้นจาก 132,720 บาท เป็น 294,797 บาท และ 492,725 บาท ตามลำดับ ซึ่งการเพิ่มระยะเวลาลงทุนตรงนี้เอง ที่ทำให้ใครที่ยังอายุน้อยและเริ่มต้นออมเร็วได้เปรียบ ดังคำกล่าวที่ว่า ออมก่อน รวยกว่านั่นเอง

จากตรงนี้เราจะเห็นนะคะว่า 3 ตัวเร่งที่ทำให้เงินเก็บของคุณงอกเงย ประกอบไปด้วย 1. เพิ่มจำนวนเงินต้นที่นำไปลงทุน 2. เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน และ 3. เพิ่มระยะเวลาการลงทุน

จะดีกว่าหรือเปล่าคะ ถ้าคุณสามารถทำให้เงินเก็บที่มีงอกเงยได้ด้วย 3 ตัวเร่งพร้อมกัน จากภาพจะเห็นว่า ผลตอบแทนที่คุณได้รับที่ 132,720 บาท หากใช้ 3 ตัวเร่งพร้อมกัน เงินของคุณจะโตขึ้นเป็น 7,451,797 บาทเลยทีเดียว

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stevepb-282134/

ตัวเลขข้างต้นจากตัวอย่างเป็นเพียงตัวเลขประมาณการเท่านั้น สิ่งสำคัญของการออม นั่นคือ วินัยค่ะ ในทุกครั้งที่เงินเดือนออก คุณควรหักออมก่อนใช้ อย่างน้อย 10% ของรายได้ และควรมีเงินออมสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เท่าของรายจ่ายที่จำเป็นในแต่ละเดือน และหากจะนำเงินที่เก็บออมไปลงทุน คุณก็ควรที่จะศึกษาทำความเข้าใจในผลิตภัณฑ์และความเสี่ยงที่อาจได้รับให้เข้าใจ ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ ก็จบลงไปแล้วน้า กับ ไลฟ์สไตล์ การชีวิตของคนในยุคนี้ กับ “Lifestyle การสร้างเงินให้คุณ เพียง 3 ขั้นตอน ” DooDiDo หวังว่าเพื่อนทุกคนจะได้รับความรู้จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยนะค่ะ  นอกจากนนี้ตอนนนี้เป็นเวลากว่า 2 ปีที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับ โควิด-19 เกิดการปรับตัวอย่างรุนแรงทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยชนิดที่เรียกว่าไม่ปรับตัวก็อยู่ไม่ได้ ทำให้มีความปกติใหม่ๆ New Normal เกิดขึ้น เทคโนโลยีต่างๆ อย่าลืมดูแลตัวเองพร้อมกับวางแผนชีวิตของตนเองด้วยนะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://advicecenter.kkpfg.com