วีธีการดูแลรักษา”สิว” อย่างถูกต้องจะช่วยลดจำนวนสิวที่มีให้น้อยลงไป

WM

ห้ามพลาด!! สาวๆ ควรรู้จัก “สิว” 7 ชนิด และวิธีที่ต้องรักษาอย่างไรให้หายสนิท

ผู้หญิงผิวมันอาจจะรู้สึกว่าตัวเองเป็น “สิว” ง่ายกว่าคนอื่น แต่จริงๆ แล้ว “สิว” สามารถเกิดขึ้นได้กับสภาพผิวทุกประเภท และมีสาเหตุที่หลากหลาย ว่าแต่ “สิว” มีกี่ชนิดกันแน่ แล้วแต่ละชนิดมีหน้าตาเป็นแบบไหน ต้องดูแลรักษาสิวอย่างไรให้หายสนิท ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีวิธีรักษาสิวให้หายขาได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการดูแลผิวพรรณพื้นฐานเช่น รักษาความสะอาด การรับประทานอาหาร ลักษณะผิวพรรณ ฮอร์โมน และกรรมพันธุ์

พูดถึงเรื่องสิวผด หรือสิวเทียม บางคนเรียกว่าสิวหิน เป็นเนื้องอกของต่อมเหงื่อ (Syringoma) จะเห็นเป็นตุ่มเล็กๆ จัดว่าเป็นผดที่อยู่บนผิวหน้า พวกนี้เวลาตากแดดร้อนๆ ตุ่มจะชัดเจนขึ้น มีลักษณะเเข็ง เพราะเป็นต่อมเหงื่อที่ไม่มีรูอยู่ใต้ผิวหนัง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและทุกสภาพผิว วันนี้เรามีสิว 7 ชนิดมาให้รู้จักและวีธีการดูแลรักษาสิว ดังนั้นเมื่อมีสิวเกิดขึ้น ก็ไม่ควรไปซื้อยาทาหรือรับประทานเอง แต่ควรไปพบแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกร เพื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยลดจำนวนสิวที่มีให้น้อยลงไป

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/bob_dmyt-8820017/

1. สิวหัวดำ (Blackheads)
สิวชนิดนี้เรียกว่า สิวอุดตันหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นตุ่มนูน เม็ดเล็กๆ มีรูเปิดออกจนเห็นหัวสิว และมองเห็นจุดสีดำอยู่บริเวณตรงกลาง ซึ่งจุดสีดำเกิดจากน้ำมัน (Sebum) ทำปฏิกิริยา oxidation กับออกซิเจนในอากาศ เปลี่ยนไขมันเป็นสีดำ วิธีดูแล : มักจะใช้การทายารักษาสิวสำหรับรักษาสิวอุดตันโดยเฉพาะ และใช้การกดสิวร่วมด้วย

2. สิวหัวขาว (Whiteheads)
สิวอุดตันหัวปิด หรือเรียกกันว่า สิวหัวขาว มีลักษณะเป็นตุ่มนูน สิวยังไม่มีรูเปิด จึงทำให้ดันผิวจนนูนขึ้นมา เมื่อใช้มือลูบจะรู้สึกเหมือนมีไตก้อนเล็กๆ บีบออกยาก เพราะรากสิวลึก สิวประเภทนี้เมื่อปล่อยไว้นานๆ จะขยายขนาดขึ้น และมีโอกาสกลายเป็นสิวอักเสบชนิดต่างๆ ได้สูง

3. สิวเสี้ยน/สิวอุดตัน (Comedone)
สิวเสี้ยน มีลักษณะเป็นเสี้ยนเหมือนกับชื่อ สิวเสี้ยนเป็นความผิดปกติชนิดหน่ึงที่เกิดข้ึนกับรูขุมขน ลักษณะคล้ายกับการเกิดสิวอุดตัน คือ เกิดจากความผิดปกติของผิวหนังบริเวณรูขุมขนที่ทำให้มีการหนาตัวของชั้นขี้ไคล ร่วมกับมีการสะสมของขนอ่อนในรูขุมขนนั้นๆ ซึ่งอาจพบเส้นขนได้มากถึง 5-50 เส้น กระจุกขนอ่อนเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เกิดลักษณะเป็นเสี้ยนสิวสีขาวๆ สิวเสี้ยนอาจพบได้ในหลายบริเวณที่มีรูขุมขนขนาดใหญ่ เช่น แผ่นหลัง ต้นแขน ต้นขา บริเวณจมูก คาง ผิวระหว่างคิ้ว และเมื่ออายุเพิ่ม ก็ยิ่งพบได้มากขึ้น
วิธีดูแล: ใช้ยาทาที่ช่วยลดการอุดตัน เช่น ยาทาเบนซิล เพอร์ออกไซด์ หรือยาทาในกลุ่มกรดวิตามินเอ จะช่วยให้สิวเสี้ยนและสิวอุดตันหลุดออกได้ง่ายข้ึน ใช้ร่วมกับการกดสิว ควรพบแพทย์เพื่อเริ่มทายาอย่างถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น หากใช้เยอะเกินไปอาจแพ้และระคายเคืองผิวได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/jmexclusives-10518280/

4. สิวอักเสบแดงเป็นก้อน (Nodular Acne)
เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ (ขนาดเกิน 0.5 ซม.) อยู่ใต้ผิวหนัง จับดูจะรู้สึกเป็นไตแข็งๆ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ แบคทีเรียและน้ำมันในตุ่มสิวแตกกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง สิวจะอักเสบนานหลายวัน เมื่อหายอาจเกิดแผลเป็นได้

วิธีดูแล : เมื่อเป็นสิวชนิดนี้ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะไม่สามารถรักษาเองได้ด้วยยาที่ขายตามร้านขายยาทั่วไป

5. สิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule)
สิวอักเสบชนิดถัดมา คือสิวตุ่มแดง เป็นตุ่มแดงเจ็บ ขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.5 ซม. ส่วนมากสิวชนิดนี้เป็นสิวอักเสบในระยะแรกที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน ขนาดจะเล็กกว่าสิวแบบ Nodular Acne และไม่มีอาการเจ็บเท่าไหร่
วิธีดูแล : ล้างหน้าให้สะอาดแบบอ่อนโยน ไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้า เพราะจะยิ่งเพิ่มอาการระคายเคือง

6. สิวหัวหนอง (Pustule)
นี่ก็สิวอักเสบเหมือนกัน มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและปวด ข้างบนตุ่มมีหัวหนองสีเหลือง เป็นสิวที่มีอาการอักเสบมากกว่าสิวอักเสบชนิด Papule หรืออาจเกิดจากสิวมีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อน
วิธีดูแล : ล้างหน้าให้สะอาดแบบอ่อนโยน ไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้าเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเพิ่มอาการระคายเคือง และควรใช้ยาแต้มสิวร่วมด้วยวันละ 2-3 ครั้ง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/sharonmccutcheon-10414043/

7. สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)
เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง มักเป็นในวัยรุ่นที่มีผิวหน้ามันมาก บางรายมีประวัติคนในครอบครัวเป็นสิวหัวช้างด้วย สิวหัวช้างมีลักษณะเป็นสิวอักเสบรุนแรงทุกชนิดขึ้นรวมกันหนาแน่น ได้แก่ สิว pustule, สิว nodule และสิว cyst หัวสิวมักแตก มีหนองเยอะ และมีเลือดไหลเยอะ สิวมักมีจำนวนมากที่ใบหน้า หน้าอก และแผ่นหลัง
วิธีดูแล : รักษาได้ยาก และจะกลายเป็นแผล เป็นก้อนนูนหรือหลุมสิวขนาดใหญ่ ควรพบแพทย์และรักษาโดยแพทย์

แหละนี่เป็นสาเหตุการเกิดสิวส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณรอบตา เพราะต่อมเหงื่อจะเยอะ เกิดจากเวลาที่เรามีเหงื่อออกแล้วออกไม่หมด จึงทําให้ต่อมเหงื่ออุดตันจึงเกิดสิวผด ลักษณะแข็งๆ เม็ดเล็กๆ นอกจากนี้อาจจะมีอาการใบหน้าเห่อแดงเมื่อเจอแสงแดด หรือบางคนก็มีตุ่มหนองอักเสบร่วมด้วย DooDiDo แนะนำวิธีดูแลอย่าไปตากแดดจัดๆ เป็นเวลานาน แต่ถ้าจำเป็นต้องออกข้างนอก เจอแดดร้อนๆ ก็ควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพื่อลดอุณหภูมิผิวหน้า อย่านอนดึก ลดความเครียด และถ้าเป็นสิวผดแบบไม่อักเสบไม่ต้องพบแพทย์ แต่ถ้าเป็นสิวผดแบบอักเสบควรพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไปนะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.thairath.co.th