วิธีรักษา”ลมพิษ” ด้วยสมุนไพรไทยใกล้ตัวคุณ

WM

แนะนำสมุนไพรไทย ที่สามารถสยบ ลมพิษได้

สำหรับลมพิษ (Hives) เป็นภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีทั้งลมพิษชนิดเฉียบพลันและลมพิษชนิดเรื้อรัง เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่แพ้ เช่น อาหาร สารปรุงแต่งในอาหาร หรือยาปฏิชีวนะบางตัว ในบางรายอาจเกิดจากการติดเชื้อ เช่น หวัด ฟันผุ ไซนัสอักเสบ ไวรัสตับอักเสบ หรือแม้กระทั่งพิษแมลงสัตว์กัดต่อยก็เป็นสาเหตุของลมพิษได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากการแพ้อากาศหนาว ฝุ่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ สารเคมีต่างๆ หรือแม้กระทั่งแสงแดด ล้วนเป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดอาการได้เช่นกัน แต่สำหรับบางคนก็ไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้

มาทำความรู้จักกับสมุนไพรพื้นบ้านที่ช่วยในการรักษาลมพิษด้วยสมุนไพร ยาสามัญประจำบ้านในปัจจุบันเช่นการทาขี้ผึ้งหรือโลชั่นเป็นเพียงการช่วยบรรเทาอาการคันได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ทางที่ดีเมื่อมีอาการลมพิษไม่ควรเกา เพราะการเกาจะไปกระตุ้นให้ผื่นลมพิษยิ่งขยายมากขึ้น และที่สำคัญควรจดรายการอาหารหรือยาที่กินก่อนเป็นลมพิษ ถ้าหากเป็นซ้ำอีกบันทึกนี้จะช่วยให้รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ แล้วงดสิ่งนั้น ในปัจจุบันการรักษาอาการลมพิษก็มีหลายหลายทางเลือก และหนึ่งในนั้นยังมีทางเลือกที่เป็นสมุนไพรใกล้ตัวที่อนากจะมาแนะนำ ซึ่งสมุนไพรสำหรับรักษาลมพิษก็เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่เราสามารถหาได้ง่าย และยังเป็นประโยชน์ดีสำหรับคนที่อยากใช้ยาสมุนไพรอีกด้วย มาดูกันว่ามีสมุนไพรอะไรบ้าง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/free-photos-242387/

สมุนไพรชนิดทา

  1. สีเสียด นำสีเสียดมาผสมกับปูนแดง (ที่ใช้กินกับหมาก) ใส่น้ำพอหมาด ใช้ทาบริเวณที่เป็นลมพิษ
  2. ใบพลู นำใบพลูมาตำให้ละเอียด ผสมกับเหล้าขาว ใช้ทาบริเวณที่เป็นลมพิษ
  3. หัวข่าแก่ นำหัวข่าแก่มาตำให้ละเอียด ผสมเหล้าขาว นำมาทาบริเวณที่เป็นลมพิษ
  4. ใบเสลดพังพอน นำใบหรือต้นของเสลดพังพอนตำกับแป้งดินสอพอง ผสมเหล้า ใช้ทาบริเวณที่เป็นลมพิษ

หมายเหตุ : ใช้สมุนไพรเหล่านี้ในปริมาณที่พอเหมาะกับบริเวณที่เป็น และใช้ปูนแดงหรือเหล้าขาวซึ่งเป็นตัวทำปฏิกิริยาในปริมาณเล็กน้อย

สมุนไพรชนิดกิน

  1. นำใบขิงสด ใบพริกไทยสด และใบคนทีสอ อย่างละเจ็ดใบมาโขลกรวมกันแล้วคั้นเอาน้ำที่ได้มาดื่มแก้ลมพิษ
  2. นำต้นขลู่นา (ทั้งราก ต้น ใบ และดอก) ต้มกับน้ำสะอาดดื่มบ่อยๆ นอกจากจะช่วยขับปัสสาวะได้แล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการลมพิษได้อีกทางหนึ่ง
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/eak_kkk-907811/

ป้องกันด้วยอาหาร

เมื่อภูมิชีวิตตกจะส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง การฟื้นฟูสมรรถนะของร่างกายจะเป็นไปอย่างไม่เต็มที่ เพราะแมสต์เซลล์ (mast cell) ถูกทำลาย จึงเกิดอาการแพ้ได้ง่ายกว่าคนปกติ ในสมัยก่อนคนโบราณจะนำดอกแค ยอดแค หยวกกล้วย และหัวปลีมาปรุงอาหาร เพราะมีสารอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย หรือแม้แต่ผักผลไม้ต่างๆ ก็ช่วยได้เช่นกัน แต่ที่เห็นผลได้อย่างชัดเจนก็คือกล้วยน้ำว้าและมะละกอสุก

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/ivabalk-782511/

วิธีปฏิบัติตัวหนีลมพิษ

วิธีง่ายๆ และใกล้ตัวอีกวิธีหนึ่งคือเวลาที่มีอาการลมพิษกำเริบสามารถบรรเทาอาการได้โดยการอาบน้ำเย็น และใช้ครีมวิตามินอี นอกจากนั้นควรกินวิตามินซีเสริมประมาณวันละ 1-2 กรัม และเพื่อเป็นการป้องกันในระยะยาว ควรเลี่ยงอาหารบางอย่าง หรือสิ่งที่แพ้อื่นๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดลมพิษดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นค่ะ

หากมีอาการลมพิษที่รุนแรง DooDiDo แนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์ทันที หากอาการคันรุนแรงหรือบวมมากบริเวณใบหน้า ตา ปาก และลิ้น มีอาการเสียงแหบ หรือแน่นหน้าอก หอบ หรือหายใจไม่ออกเฉียบพลัน มีอาการเป็นลม ช็อก ความดันโลหิตต่ำร่วมด้วย แต่ละแห่งที่ลมพิษขึ้นผื่นยุบช้าคือเกิดขึ้นนานกว่า 24 ชั่วโมง และหลังจากที่ผื่นบริเวณนั้นหายแล้วจะมีลักษณะเป็นรอยสีน้ำตาลคล้ำเกิดขึ้น มีอาการไข้ ปวดข้อ และแพ้แดดร่วมด้วย การดูแลสุขภาพเป็นใกล้ตัวที่ต้องระวังและให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา:  www.winnews.tv