วิธีดีๆ ช่วยกำจัดขนรักแร้ เพื่อใต้วงแขนที่เรียบเนียนไร้กังวล

WM

การที่จะกำจัดขนรักแร้อันไม่พึงประสงค์ของสาวๆ ไม่ได้มีแค่การ”ถอน” เท่านั้น

สำหรับสาวๆ หลายๆ คนแล้ว อย่างไรก็อยากที่มีจะรักแร้ใต้วงแขนที่เนียน ใสไร้ขนใช่มั้ยล่ะคะ ในบางครั้งก็อยากจะใส่เสื้อแขนกุด หรืออยากจะใส่ชุดว่ายน้ำเก๋ๆ ถ่ายรูปบ้าง แต่พอถึงเวลาก็ขี้เกียจจะโกนซะนี่ สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ใส่ชุดอะไรที่เราอยากใส่ซะเอง หลายทีก็มานั่งหลังขด คอแข็ง ถอนขนรักแร้เอง ก็ปวดเมื่อยไปหมด นั่นก็ไม่แปลกเลยล่ะค่ะที่สาวๆหลายๆคนก็เบื่อจะมานั่งดูแลตรงนี้ และแน่นอนค่ะว่าสำหรับวิธีการที่จะกำจัดขนรักแร้อันไม่พึงประสงค์ของสาวๆ ไม่ได้มีแค่การ ถอน เท่านั้น เพราะฉะนั้นเรามาดูไปพร้อมๆ กันเลยค่ะว่ามีวิธีใดบ้าง

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงอยากมีผิวใต้วงแขนเรียบเนียน แลดูขาวกระจ่างใส เวลาใส่เสื้อแขนกุด สายเดี่ยว หรือบิกินี่ ก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีเส้นขนออกมาทักทายเพื่อน ๆ วันนี้เราเลยมีวิธีกำจัดขนรักแร้ที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นวิธีกำจัดขนรักแร้แบบธรรมชาติหรือวิธีกำจัดขนรักแร้ทั้งถาวร รวมถึงเคล็ดลับดี ๆ จากธรรมชาติ มาแนะนำ ถ้าพร้อมจะบอกลาน้องขนแล้วก็ตามมาเลย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/monfocus-2516394/

วิธีกำจัดขนรักแร้แบบธรรมชาติ

  1. สูตรมะนาว น้ำตาล

ใครที่ไม่อยากจ่ายแพง หรือมองหาวิธีแบบธรรมชาติ ลองมาดูสูตรกำจัดขนรักแร้ด้วยมะนาวกันเลยค่ะ เพียงแค่นำน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมให้เข้ากัน แล้วไปละลายบนความร้อน หลังจากเริ่มเหนียวได้ที่แล้วให้นำมาทาลงไปบนบริเวณรักแร้ โดยใช้ไม้พายปาดและนำผ้าดิบมาแปะทับไว้ รีดให้แนบไปกับผิว ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นดึงผ้าออกในทิศทางตรงกันข้ามกับเส้นขึ้นขึ้น เป็นอันเสร็จ  วิธีนี้นอกจากจะกำจัดขนและทำให้ขนบางลงแล้ว ยังช่วยปรับสีผิวใต้วงแขนให้ดูสว่างขึ้นด้วยนะ ใครที่ขนขึ้นเร็ว แนะนำให้ทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ

  1. สูตรไข่ขาว แป้งข้าวโพด

วิธีกำจัดขนรักแร้สูตรนี้อาจมีกลิ่นคาว ๆ หน่อย แต่รับรองว่าได้ผลดีค่ะ โดยจะช่วยให้ขนรักแร้หลุดร่วงอย่างง่ายดาย ขนขึ้นใหม่บางและขึ้นช้าลง พร้อมปรับผิวใต้วงแขนให้เรียบเนียน ชุ่มชื้นอีกด้วย เริ่มจากผสมแป้งข้าวโพด ½ ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ และไข่ขาว 1 ฟอง เข้าด้วยกันจนเนียน จากนั้นนำมาพอกบริเวณรักแร้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วค่อย ๆ ลอกออกในทิศทางตรงข้ามกับขน สามารถทำได้บ่อยทุก ๆ สัปดาห์

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/nirmalsarkar-16994592/
  1. สูตรเบกกิ้งโซดา ขมิ้น นมสด

วิธีกำจัดขนรักแร้ด้วยเบกกิ้งโซดาเป็นสูตรที่หลายคนร่ำลือว่าเอาอยู่มาก ๆ เริ่มด้วยการผสมผงขมิ้น ½ ช้อนโต๊ะ เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ และนมสด 3 ช้อนโต๊ะ จนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาชโลมบนผิวใต้วงแขนให้ทั่ว รอให้แห้งประมาณ 30 นาที ใช้มือถูส่วนผสมเหล่านี้ออก แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แค่นี้ขนก็หายเรียบ !

วิธีกำจัดขนรักแร้ถาวร

  1. การจี้ไฟฟ้า หรือจี้ด้วยคลื่นวิทยุ

บอกเลยว่าวิธีนี้สามารถกำจัดขนได้ถึงรากถึงโคนเลยทีเดียว ซึ่งขนที่ถูกกำจัดออกไปแล้วจะไม่ขึ้นมาใหม่อีก ขั้นตอนการทำ แพทย์จะใช้เข็มเล็ก ๆ สอดเข้าไปที่รูขุมขน ใช้ปฏิกิริยาทางเคมีหรือความร้อน หรือผสมผสานทั้ง 2 วิธีเข้าด้วยกันเพื่อทำลายรากขนโดยเฉพาะ ก่อนทำต้องใช้การประคบเย็นเพื่อทำให้ชา หรือบางบริเวณอาจต้องทาหรือฉีดยาชา ทำให้สามารถกำจัดขนถาวรได้อย่างชัดเจน แต่ต้องทำจำนวนครั้งมากพอ ซึ่งจำนวนจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปริมาณขนของแต่ละคนค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.freepik.com/senivpetro
  1. เลเซอร์

หากต้องการกำจัดขนรักแร้ถาวร ไม่ต้องมานั่งจัดการบ่อย ๆ ทางเลือกที่นิยมของสาว ๆ ก็คือการใช้เลเซอร์กำจัดขน เช่น YAG Laser, Diode Laser, Long-pulsed Alexandrite Laser โดยยิงแสงเลเซอร์บริเวณต่อมรากขนเพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเส้นขน สามารถกำจัดขนได้ 60-80% และอาจต้องทำซ้ำ 3-4 ครั้ง หรือจนกว่าจะพอใจ วิธีนี้ไม่รู้สึกเจ็บและให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่าการกำจัดขนวิธีอื่น ทั้งยังแก้ปัญหาผิวหนังไก่บริเวณใต้วงแขนได้ ซึ่งเมื่อไม่มีขนแล้ว ตุ่มสิวขนคุดก็หายไปอีกด้วย เรียกได้ว่าทำครบคอร์สแล้วก็เบาใจไปได้เลย อย่างไรก็ตาม การกำจัดขนรักแร้ด้วยเลเซอร์มีราคาค่อนข้างสูงและควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

สำหรับใครที่ไม่ชอบอะไรขนๆ และไม่ต้องการให้มีขนตามร่างกายเลยแล้วล่ะก็ DooDiDo แนะนำวิธีที่อาจจะต้องลงทุนซักหน่อยแต่ก็เห็นผลได้ในระยะยาวก็คงไม่พ้นต้องโดนมือหมอล่ะค่ะ เพราะโดยธรรมชาติแล้วร่างกายของเราก็จะมีขนขึ้นมาเพื่อปกป้องส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งแต่ล่ะคนก็อาจจะมีขนมากขนน้อยแตกต่างกันไป และแน่นอนว่าถ้าหากใครไม่ได้สนใจเรื่องขนแล้วไม่ได้รังเกียจตัวเองที่จะมีขนก็ไม่เป็นอะไรเลยล่ะค่ะ จะปล่อยไว้ก็ได้ตามใจ เพราะอย่าลืมว่า My Body, My Choice นะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: https://women.kapook.com