วิธีการเลือกเครื่องดื่มแบบไหนที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพของเรา?

WM

มาดู!! การเลือกเครื่องดื่ม 6 กลุ่ม จำแนกตามคุณค่าของเครื่องดื่มต่อสุขภาพจากมากไปน้อย

“น้ำ” หรือ “เครื่องดื่ม” นั้นต่างก็เป็นปัจจัยสำคัญของชีวิตเราอยู่แล้ว ถ้าขึ้นชื่อว่าเป็น “น้ำ” นั่นเป็นสิ่งที่ร่างกายของเราต้องการแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ซึ่งในปัจจุบันนั้น ก็มีผู้ประกอบการคือใครก็ตามนั้นจะคอยคิดสร้างสรรค์เครื่องดื่มออกมา ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มเพื่อแก้เมาค้าง เครื่องดื่มแก้กระหาย ซึ่งก็จะมีหลากหลายแบบต่างกันออกไป อย่างเครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้กล่องแบบพร้อมดื่ม และอีกมากมายซึ่งถ้าเป็นผู้บริโภคก็จะสามารถเลือกดื่มตามที่ต้องการได้เลย

ด้วยเหตุนี้ ในโลกยุคปัจจุบันที่มีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดแบบนี้ เราจึงมาขอเสนอแนวทางการเลือกบริโภคเครื่องดื่มให้เหมาะสมและดีกับสุขภาพของเรา โดยจะขอแบ่งกลุ่มของเครื่องดื่มเป็น 6 กลุ่ม ตามคุณค่าของเครื่องดื่มต่อสุขภาพจากมากไปน้อย ดังนี้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@enginakyurt

1. น้ำดื่ม จะเป็นน้ำกลั่น น้ำกรอง น้ำต้มสุก หรือน้ำฝน ล้วนเป็น “เครื่องดื่มที่ดีที่สุด” มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่วยให้การทำงานต่างๆ ของร่างกาย เช่น การเผาผลาญพลังงาน การหายใจ การหลั่งเหงื่อ การขับปัสสาวะ เป็นปกติ นอกจากนี้ น้ำยังช่วยแก้กระหาย และความชุ่มชื้นต่อร่างกายอีกด้วย

หลายคนอาจสงสัยว่า ในวันหนึ่งร่างกายของเราควรได้รับน้ำปริมาณเท่าใดจึงจะเหมาะสม สำหรับในประเทศจะแนะนำให้ดื่มน้ำประมาณวันละ 2 ลิตร หรือ 2,000 มิลลิลิตร ซึ่งส่วนหนึ่งอาจได้จากอาหารที่กินเข้าไปแล้ว

2. ชาและกาแฟ (ไม่เติมน้ำตาลและครีม) นับเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มเป็นอันดับ 2 และจะดีกับสุขภาพ ถ้าหากดื่มชาและกาแฟชนิดที่ไม่ต้องเติมน้ำตาลและครีม (หรือนมสด) เพราะเฉพาะชาหรือกาแฟเดี่ยวๆ จะไม่มีแคลอรีอยู่เลย จึงไม่ส่งผลต่อน้ำหนักตัวและความอ้วน

นอกจากนี้ ชาจะประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ฟลาวานอยด์ และสารอื่นๆ ที่จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย อาจช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ลดอาการฟันผุ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด และลดการเกิดนิ่วที่ไตได้

ส่วนกาแฟก็จะช่วยลดโอกาสของการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ซึ่งทั้งชาและกาแฟมีสารกาเฟอีนเหมือนกัน แต่พบในกาแฟมากกว่าในชา สารกาเฟอีนนี้ส่งผลไปกระตุ้นสมอง ทำให้ไม่ง่วงนอน กระตุ้นการหายใจ การเต้นของหัวใจ และเพิ่มการขับปัสสาวะ ซึ่งบางคนอาจจะไวต่อสารกาเฟอีนนี้ได้ โดยมักมีอาการใจสั่น (หัวใจเต้นเร็ว) เมื่อดื่มกาแฟ จึงควรหลีกเลี่ยงกาแฟ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/artificialog-1886751/

3. นมและน้ำเต้าหู้ที่มีไขมันต่ำ นมเป็นสารอาหารที่สำคัญของเด็กที่อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม และวิตามินดี ส่วนน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองที่เติมแคลเซียมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว แต่ก็มีรายงานว่า นมมีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและมดลูก ในผู้ใหญ่จึงควรดื่มนมไม่เกินวันละ 2 แก้ว

4. เครื่องดื่มรสหวานที่ไม่ใช้น้ำตาล เครื่องดื่มประเภทนี้มีส่วนผสมของสารที่ให้ความหวานชนิดอื่นที่ไม่ใช้น้ำตาล เช่น แอสพาร์แทม (aspartame) แซ็กคาริน (saccharin) ฯลฯ ตัวอย่างเช่น ไดเอ็ทโค๊ก เป็ปซี่ซีโร่ เป็นต้น ซึ่งเป็นน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลที่ให้แคลอรี (พลังงานแก่ร่างกาย) จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ยังติดรสชาติของน้ำอัดลม แต่ไม่ต้องการแคลอรี แต่ก็มีรายงานมีส่วนทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้

5. เครื่องดื่มที่ผสมสารอาหาร กลุ่มนี้ได้แก่ น้ำผลไม้ น้ำผัก นม เครื่องดื่มเกลือแร่ เครื่องดื่มเสริมวิตามิน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ควรระวังถึงจำนวนแคลอรีหรือจำนวนพลังงานที่มีอยู่ในเครื่องดื่ม ที่จะส่งผลเพิ่มน้ำหนักตัวของผู้ที่เดิมได้

6. เครื่องดื่มรสหวานจากน้ำตาล กลุ่มนี้ถือเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าน้อยที่สุด ไม่แนะนำให้ดื่มเป็นประจำ เพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลที่ให้ความหวานแก่ผลิตภัณฑ์ เพราะถ้าดื่มเป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้พลังงานเพิ่มขึ้น ถ้าใช้ไม่หมด ก็จะไปสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ยังส่งผลต่อโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคฟันผุอีกด้วย ตัวอย่างเช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ประเภท smoothies กาแฟชนิด 3 in 1 กาแฟพร้อมดื่ม ฯลฯ ซึ่งอุดมไปด้วยน้ำตาล ครีม หรือนม จึงมีพลังงานหรือจำนวนแคลอรีในปริมาณที่สูง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stocksnap-894430/

ควรเลือกเครื่องดื่มที่ดีกับสุขภาพอย่างไร

จากการแบ่งกลุ่มเครื่องดื่มที่มีผลต่อสุขภาพเป็น 6 กลุ่ม เรียงตามผลดีที่มีต่อสุขภาพจากมากไปน้อยนั้น ในทางปฏิบัติจะแนะนำว่า ในปริมาณน้ำหรือเครื่องดื่มที่จะบริโภคไปทั้งหมดใน 1 วันนั้น มากกว่าร้อยละ 70 ควรเป็นเครื่องดื่มในกลุ่มที่ 1 และ 2 รวมกัน อันได้แก่ น้ำ ชา และกาแฟรวมกัน และจะต้องเป็นกาแฟและชาที่ไม่เติมน้ำตาลและครีม

ส่วนที่เหลืออีกไม่เกินร้อยละ 30 เป็นเครื่องดื่มในกลุ่มที่ 3-6 รวมกัน โดยภาพรวมแล้ว ถือว่า น้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุด ควรดื่มเป็นประจำ และเป็นปริมาณส่วนใหญ่ของเครื่องดื่มทั้งหมด

ส่วนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและครีมเป็นเครื่องดื่มมีคุณค่าต่อสุขภาพน้อยที่สุด ไม่ควรดื่มเป็นประจำ ถ้าไม่ดื่มเลยก็จะดีที่สุด เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพทั้งในด้านน้ำหนักตัว ความอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และฟันผุ อีกด้วย

สำหรับบางคนที่ไม่ได้ซีเรียสหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพแล้ว ก็คงจะปล่อยปะละเลย หรือก็คืออยากกินอะไร อยากทานอะไร ก็ทานแบบตามใจอยาก ไม่ค่อยคำนึงถึงส่วนประกอบของเครื่องดื่มให้ดี ถ้าหากเป็นแบบนี้ตลอดแล้วล่ะก็ คงเป็นเรื่องยากที่จะมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวซักเท่าไหร่ เพราะถ้าไม่สังเกตดีๆ บนฉลากสินค้า เครื่องดื่มที่เราซื้อมาก่อนนั้นจะรู้ได้เลยว่า เครื่องดื่มๆ สุดอร่อยเหล่านั้น มีน้ำตาลสูงมากแค่ไหน และนั่น DooDiDo คิดว่าจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มีคนจำนวนมากมักเป็นโรคเบาหวานกันค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.thaihealth.or.th