วิธีการอ่านฉลากอาหารสัตว์ที่ช่วยในการตัดสินใจเวลาซื้ออาหาร

WM

6 สิ่งที่ต้องดูในการอ่านฉลากเพื่อเลือกซื้ออาหารให้สัตว์เลี้ยงของคุณ

การที่สุนัขของเราจะมีสุขภาพที่ดีได้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาหารเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณมีสุขภาพดี และสามารถเจริญเติบโตตามวัย การที่สัตว์เลี้ยงของเราจะแข็งแรงได้ ต้องได้รับอาหารที่ดี มีมาตราฐานและคุณถาพที่ได้รับการรองรับว่าผ่านตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ และสิ่งสำคัญที่สุดที่จะเป็นตัวช่วยใหห้เจ้าของได้เลือกอาหารที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงก็คือ ฉลากอาหารสัตว์นั่นเองค่ะ

ฉลากอาหารสัตว์เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับเจ้าของในการตัดสินใจเลือกซื้ออาหาร หากคนเลี้ยงสัตว์ทุกคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับฉลากก็จะสามารถซื้ออาหารที่มีคุณภาพเหมาะกับลูกรักตัวน้อยของเราที่บ้านได้ หลายคนหลังจากอ่านฉลากแล้วอาจจะรู้สึกว่าข้อมูลเยอะ ตัวหนังสือเรียงกันเต็มไปหมด แล้วเวลาซื้อจะต้องดูอะไรบ้างล่ะเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมหรือข้อมูลทางโภชนาการ เราจึงมาแนะนำวิธีการอ่านฉลากอาหารสัตว์เพื่อเป็นตัวช่วยให้แก่เจ้าของในการตัดสินใจเวลาซื้ออาหารว่าเราจะดูฉลากข้างถุงยังไงได้บ้าง มาดูกัน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/monika1607-2963260/

1.ส่วนผสมและสารอาหาร
คนเราเวลาเลือกซื้ออาหารก็ต้องเลือกที่มีส่วนผสมที่ดี มีสิ่งที่เรากินแล้วไม่เกิดอาการแพ้หรือก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกาย การเลือกซื้ออาหารสัตว์ก็ควรทำเช่นเดียวกัน อาหารสัตว์เลี้ยงที่ดีควรจะต้องบอกว่าในอาหารประกอบด้วยส่วนผสมอะไรบ้าง ซึ่งรายการของส่วนผสมจะเรียงลำดับตามน้ำหนักจากปริมาณมากไปน้อย ผู้เลี้ยงสัตว์ทุกคนจึงควรเลือกพิจารณาส่วนผสมทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อคุณภาพของอาหาร โดยตามมาตรฐานแล้วส่วนผสมหลักในอาหารสัตว์ 3 อันดับแรก ควรเป็นส่วนผสมที่มาจากเนื้อสัตว์จริง ๆ ไม่ใช่ผลพลอยได้จากสัตว์ (by Product) อย่างน้อย 2 อันดับ เพราะโปรตีนถือเป็นพลังงานหลัก และ 5.5% ควรเป็นไขมันตามที่สภาวิจัยแห่งชาติหน่วยวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันการศึกษาแห่งชาติได้แนะนำไว้

นอกจากนี้ยังควรดูสารอาหาร ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ช่วยเสริมสร้างประโยชน์ภายในร่างกาย ฉลากอาหารสัตว์ทั้งหมดจะต้องระบุปริมาณโปรตีนและไขมันขั้นต่ำในอาหารและร้อยละสูงสุดของเส้นใยและความชื้น ฉลากอาหารบางรายการจะระบุเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมอื่น ๆ ด้วย เช่น แคลเซียมและฟอสฟอรัส

2.สารปรุงแต่ง
BHA, BHT, Ethoxyquin และ Sodium Nitrate เป็นสารปรุงแต่งที่ไม่ควรมีอยู่ในอาหารสุนัข หรือถ้ามีก็ควรมีอยู่ในปริมาณที่น้อยที่สุด สารดังกล่าวเป็นสารกันบูดที่ใส่เพิ่มในอาหารเพื่อให้สามารถเก็บอาหารไว้ได้นาน ถ้าหากฉลากระบุไว้ว่าเป็นสารกันบูดประเภท BHA, BHT, Ethoxyquin จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของสัตว์ในระยะยาว ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติหรืออาจก่อให้เกิดมะเร็งได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/dutchair-685394/

3.เลขทะเบียนอาหารสัตว์
เลขทะเบียนอาหารสัตว์ คือสิ่งที่บอกว่าอาหารผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์แล้ว สามารถสังเกตได้จากตัวเลข 10 หลักที่อยู่ด้านหลังซองอาหาร

4.มาตรฐาน AAFCO
อาหารสัตว์ในประเทศไทยมีทั้งที่ผลิตภายในประเทศและเป็นสินค้าที่นำเข้ามา โดยอาหารสัตว์ที่ถูกนำเข้าจะต้องได้รับการตรวจสอบจาก “AAFCO” (Association of American Feed Control Officials) ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานทางโภชนาการสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยง

AAFCO จะคอยตรวจสอบว่าอาหารมีโภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุลสำหรับสัตว์ในแต่ละช่วงวัยตรงตามที่บอกไว้ในฉลากหรือไม่ และมีการกำหนดปริมาณสารอาหารขั้นต่ำที่จำเป็น เช่น โปรตีน ไขมัน ฯลฯ ถ้าอาหารผ่านการทดลองของ AAFCO ก็จะได้รับอนุญาติให้ผลิต

5.วันหมดอายุ
ทุกครั้งก่อนซื้ออาหารควรดูวันหมดอายุก่อนเลือกซื้อทุกครั้ง เพื่อให้น้องสัตว์ของเราได้กินอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อร่างกาย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/outsideclick-16930317/

6.ปริมาณการให้อาหารที่แนะนำต่อวัน
ปริมาณแนะนำต่อวันที่สัตว์ควรได้รับจะแบ่งตามน้ำหนักตัว เพื่อให้เจ้าของสะดวกในการตวงอาหารในแต่ละวันให้กับน้อง น้องจะได้ไม่ขาดสารอาหารจากการได้รับอาหารน้อยเกินไปหรือกินมากเกินไปจนน้ำหนักเกิน

สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่อยากได้อาหารที่ดีและเหมาะกับสัตว์เลี้ยงของคุณ อย่าลืมนำเทคนิคในการอ่านฉลากอาหารตามที่ DooDiDo ได้นำมาฝากนะคะ เพราะคุณจะได้อาหารที่ดี มีมาตราฐานแล้วยังได้อาหารที่มีสารอาหารตามที่สัตว์เลี้ยงของคุณต้องการ ที่สำคัญอย่าลืมดูเลขทะเบียนอาหารสัตว์ และวันหมดอายุกันให้ดีด้วยนะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.talingchanpet.net