วิธีการสังเกตุสำหรับเด็กที่มีพัฒนาการพูดช้ากว่าปกติ!!

WM

รู้ทัน!! เด็กพูดช้า…แค่ไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ

หัวข้อที่ควรนำเสนอในวันนี้นะคะ ก็คือเราอยากจะมานำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการทางด้านร่างกายของลูกน้อยของผู้ปกครองทุกท่านนะคะ ก็จะเห็นว่าเด็กนั้นจะมีช่วงเวลาแห่งการเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางด้านร่างกาย  พัฒนาทางด้านสติปัญญา ตั้งแต่การเจริญเติบโตการพูด  การเขียน   การอ่าน  การฟังแต่ที่สำคัญก็คือการพูด   เพราะการพูดเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตของพวกเขาในอนาคตค่ะ  เด็กๆที่มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัยจะมีการเริ่มพูดอ่านออกเสียงได้เล็กๆน้อยๆ  แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กที่มีพัฒนาการพูดช้ากว่าปกติเขาจะมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติหรือมีการตอบสนองได้ช้า  ผู้ปกครองก็สามารถที่จะสังเกตพฤติกรรมของลูกน้อยของคุณได้อย่างชัดเจนแน่นอนค่ะมาลองอ่านข้อมูลที่น่าสนใจได้ในบทความนี้เลยค่ะ

เด็กมักจะมีพัฒนาการทางด้านภาษา หรือการพูดตั้งแต่แรกเกิด คือจะส่งเสียงร้องไห้ตั้งแต่เกิด และประมาณ 2-3 เดือนต่อมาก็จะเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้บ้าง เหมือนเป็นการพูดคุยกับพ่อแม่ พัฒนามาเรื่อยๆ จนเป็นเสียงหัวเราะ ตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ เล่นน้ำลาย เป่าปาก ส่งเสียงจากลำคอ ทำตามคำพูดหรือคำถาม และพัฒนามาเป็นคำพูดในช่วงประมาณ 1 ขวบ และจะเริ่มพูดคำมีความหมาย 2 คำติดกัน เมื่ออายุประมาณ 2 ขวบ จนกระทั่งเป็นประโยคยาวๆ ประมาณ 3-4 ขวบ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@ronfel

แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าลูกมีความผิดปกติทางการพูดหรือพูดช้า

ลองสังเกตลูกน้อยของคุณ ถ้าเมื่ออายุประมาณ 2 ขวบแล้ว ยังพูดคำที่มีความหมายไม่ได้เลย หรือพูดได้แค่คำศัพท์คำเดียว สื่อสารกับคนอื่นไม่ได้ ถือว่าผิดปกติ อย่างไรก็ตามไม่ควรรอจนกระทั่งอายุ 2 ขวบ หากตามช่วงอายุดังที่กล่าวไปด้านบน ลูกไม่สามารถสื่อสารตามพัฒนาการได้ หรือหากเราพูดหรือสั่งลูกแล้ว เด็กไม่เข้าใจว่าเราพูดว่าอะไร หรือเรียกชื่อแล้วไม่หัน แสดงว่าลูกอาจผิดปกติจากการฟัง ควรพาลูกเข้ามาปรึกษาหมอ เพื่อหาทางรักษาต่อไป

 

สาเหตุที่เด็กพูดช้าเกิดจากอะไรได้บ้าง…

ประสาทหูพิการ คือเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หรือได้ยินมากกว่า 25 เดซิเบล ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้ภาษาและการพูด จากการได้ยินเสียงและคำพูดปกติได้ แต่จะใช้ภาษาท่าทางในการสื่อสาร หรืออาจจะมีปัญหาทางอารมณ์ร่วมด้วยเช่น ร้องไห้โวยวายเมื่อขัดใจแต่บอกความต้องการไม่ได้ เป็นต้น

สมองถูกทำลาย คือเด็กที่มีความผิดปกติของสมอง ขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพและขนาดของรอยโรคเช่น เด็กที่มีความผิดปกติทางประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว เป็นต้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@cdc

ออทิสติก คือเด็กที่มีพัฒนาการด้านภาษาล่าช้าร่วมกับความบกพร่องในการเข้าสังคม การสื่อความหมาย มีปัญหาพฤติกรรม และมีความเข้าใจที่ต่างจากเด็กทั่วไป ความผิดปกตินี้จะเกิดก่อนอายุ 30 เดือน หรือเกิดร่วมกับความบกพร่องอย่างอื่นด้วย เด็กจะไม่มองหน้า ไม่เข้าใจคำสั่ง เล่นคนเดียว ส่งเสียงไม่เป็นภาษา ชอบเล่นแบบเดิมๆ ซ้ำๆ มีปัญหาในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางการได้ยิน มองเห็น สัมผัส ได้กลิ่น หรือรับรสความรู้สึกอาจจะไวหรือช้าเกินไป

ปัญญาอ่อนคือเด็กที่มีเชาว์ปัญญาต่ำกว่า 70 มีพัฒนาการด้านภาษาและด้านอื่นๆ ล่าช้า โดยเฉพาะการใช้ตาและมือทำงานประสานกันเช่น การร้อยลูกปัด เป็นต้น รวมถึงมีปัญหาด้านอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น ปัญหาการสื่อความหมาย การดูแลตัวเอง การเข้าสังคม การศึกษา เป็นต้น แต่ปัญหาเหล่านี้ต้องเกิดก่อนอายุ 18 ปี

การขาดการกระตุ้นทางการพูดอย่างเหมาะสม แม้ว่าเด็กจะสามารถเข้าใจภาษาได้ดี แต่กลับไม่ยอมพูดหรือพูดน้อย เพราะมีคนที่คอยพูดแทนให้ตามความต้องการ เด็กจึงไม่ยอมพูดและอยู่ในภาวะพูดช้า แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดูที่เหมาะสม เด็กจะมีพัฒนาที่ดีมากขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@lesanderso

หากคุณรู้แล้วว่าลูกของคุณมีอาการพูดช้า ควรพามาพบหมอเพื่อวินิจฉัยอาการตามความเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญเช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา กุมารแพทย์ นักตรวจการได้ยินหรือนักแก้ไขการพูด เป็นต้น ถ้าต้องการที่จะแก้ไขการพูดช้าของเด็ก ควรส่งเสริมพัฒนาการทางการพูดให้เร็วที่สุด ด้วยการเรียนรู้ ฝึกให้เด็กเรียนรู้ภาษาตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะหากรู้เร็ว การแก้ไขหรือพัฒนาการต่างๆ ของเด็กก็จะเร็วขึ้นด้วย

ก็จบกันแล้วนะคะเป็นไงกันบ้างค่ะ DooDiDo ขอแนะนำเสนอข้อมูลและสาระน่ารู้อย่างยิ่งกับพัฒนาการของลูกโดยเฉพาะเรื่องของการพูดเลยใช่ไหมคะจะได้เห็นว่าการพูดเป็นสิ่งที่สำคัญในเด็กอย่างมากนะคะถ้าพวกเขาไม่มีการตอบสนองที่เหมาะสมกับใบหน้าแสดงว่าเขามีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติแล้วค่ะซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรที่จะพาลูกน้อยของคุณไปพบกับแพทย์โดยด่วนค่ะสาเหตุที่เด็กผู้ชายก็มีได้หลายอย่างนะคะอาจจะมาจากประสาทหูพิการหรือสมองถูกทำลายหรือแม้แต่โรคออทิสติกค่ะซึ่งจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเด็กที่มีพัฒนาการทางด้านภาษาช้ากว่าหรือว่าเป็นกลุ่มที่มีความบกพร่องนั่นเองนะคะครั้งนี้เองคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไรก็หวังให้ลูกค้าของคุณมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอค่ะขอบคุณค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.phyathai.com