“วัณโรค” สามารถรักษาหายได้ ภัยร้ายใกล้ตัว ที่ไม่ควรละเลย!!

SA Game

รู้ทัน!! “วัณโรค” รู้เร็วรักษาหาย เชื้อไม่แพร่กระจาย

“วัณโรค” คือโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรงซึ่งมีหลายชนิด เชื้อที่พบบ่อยที่สุดและเป็นปัญหาในประเทศไทย คือเชื้อ Mycobacterium tuberculosis วัณโรคเกิดได้ในทุกอวัยวะของร่างกายค่ะ ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอดพบร้อยละ 80 ส่วนวัณโรค นอกปอดเป็นผลมาจากการแพร่กระจายของการติดเชื้อไปยังอวัยวะอื่นๆ

ซึ่งสามารถติดต่อกันผ่านทางอากาศได้ด้วยการหายใจ การจาม การไอ หรือการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยวัณโรคติดต่อกันเป็นเวลานานๆ วัณโรคเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้หากผู้ป่วยรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง มาดูสาเหตุและการรักษาวัณโรคกันค่ะ วัณโรค (3,000-5,000 ปีก่อนคริสตศักราช) ก็เคยพบลักษณะของวัณโรค กระดูกสันหลังฮิปโปเครตีส (400 ปีก่อนคริสตศักราช)ได้เคยบันทึกเกี่ยวกับวัณโรคนี้ไว้ และเรียกชื่อว่าคอนซัมชั่น (Consumption) ในสมัยแรกไม่มีการรักษาที่จําเพาะ

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/qimono-1962238/

การป้องกันจะอาศัยการแยกผู้ป่วยไปอยู่ในสถานที่ที่จัดให้ผู้ป่วยวัณโรคอยู่ โดยเฉพาะผู้ป่วยบางรายจะได้รับการรักษาโดยการเจาะปอดหรือใส่เฝือกยึดตรึงกระดูกที่เป็นโรค ต่อมาจึงมีการใช้วัคซีนเพื่อป้องกัน และเมื่อมีการค้นพบยาต้านวัณโรคหลายขนานทําให้การรักษาวัณโรคได้ผลดีขึ้น

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/publicdomainpictures-14/

สาเหตุ

“วัณโรค” เป็นโรคติดเชื้อที่ทําให้อัตราป่วยและตายสูงเกิดจากเชื้อแบคทีเรียซึ่งมีอยู่หลายสายพันธ์ด้วยกัน แต่เชื้อที่พบว่าเป็นสาเหตุการเกิดวัณโรคในมนุษย์ที่พบบ่อยที่สุดคือ เชื้อมัยโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium tuberculosis) ซึ่งมีรูปร่างหลายแบบคือ ยาว เรียว แทง หรือโค้งเล็กน้อย มีขนาดยาวประมาณ 1-2 ไมครอน กว้าง 0.3-0.6 ไมครอน เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ไม่มีสปอร์ แต่มีผนังหุ้มเซลล์หนา จากการที่มีไขมันที่ผนังหุ้มเซลล์จํานวนมาก ทําให้ทนทานต่อสิ่งแวดล้อม

SA Game
ขอบคุณภาพจาก: www.maerakluke.com

อาการ

  • อาการที่พบได้โดยทั่วไปในผู้ป่วยวัณโรคคือ ไข้เรื้อรัง น้ำหนักลด มีเหงื่อออก เวลากลางคืน เบื่ออาหาร
  • และอาการที่สําคัญที่แสดงทางปอดที่พบได้บ่อยคือ ไอเรื้อรังเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์
  • โดยเริ่มจากการไอแห้งๆ หากมีอาการรุนแรงมากจะมีเสมหะปนออกมามากจนในที่สุดอาจมีเลือดปนออกมากับเสมหะ ทําให้เสมหะเป็นสีน้ำตาล หรือเป็นเลือดสดๆ ในบางครั้งผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บหน้าอกหรือรู้สึกแน่นหน้าอกร่วมด้วย
SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/elenabuzmakova_borisova-12151052/

การวินิจฉัย

  • การซักประวัติและการตรวจร่างกาย อาการทั่วไป ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย  เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีไข้ต่ำๆ มักเป็นตอนบ่ายหรือตอนเย็น
  • อาการทางปอด จะมีอาการไอ อาจไอเป็นเลือด ไอเสมหะมีเลือดปน เสมหะมักมีสีเหลืองเขียวและมีกลิ่นเหม็น บางรายมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย
  • ตรวจเสมหะโดยวีธีย้อมเชื้อทนกรด การตรวจเชื้อทนกรดด้วย เสมหะนี้มีความไว  ซึ่งการตรวจหาเชื้อทนกรดในเสมหะด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะมีโอกาสพบเชื้อวัณโรคได้ ถ้าในเสมหะ 1 มิลลิลิตร มีเชื้อประมาณ 5,000-10,000 ตัว ขึ้นไป แต่ถ้าปริมาณเชื้อน้อยกว่านี้ โอกาสตรวจพบด้วยกล้องจุลทรรศน์จะลดลงมาก
  • การตรวจ ควรตรวจซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง การเพาะเชื้อในเสมหะ เป็นการตรวจที่ให้ผลถูกต้องและมีความไว
SA Game
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/qimono-1962238/

การรักษา วิธีการหลักในการรักษาวัณโรคมี 2 ประการ คือ

  1. การรักษาที่มีประสิทธิภาพ จะต้องประกอบด้วยยาที่เชื้อวัณโรคไม่ดื้อยาอย่างน้อย 2 ชนิด และยาชนิดหนึ่งต้องเป็นยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อวัณโรค (bactericidal drug)
  1. การรักษาด้วยระบบยาระยะสั้น ใช้เวลารักษา 6-9 เดือน และมีประสิทธิผลสูง ยาที่ใช้ส่วนใหญ่ เป็นยาในกลุ่มที่มีฤทธิ์ฆ่าทําลายเชื้อ คือไรแฟมซิน ไอโสไนอะซิด สเตร็พโตมัยซิน พัยราซินาไมด์

นอกจากนี้ การรักษาวัณโรคให้หายขาด ต้องการระบบยาที่ดีที่สามารถทําให้ผู้ปวยมีอาการดีขึ้น และไม่กลับมาเป็นใหมภายหลังหยุดการรักษาแล้วด้วย

วัณโรค คือเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่ทำลายร่างกายคนเราแบบช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้เหมือนกับแบคทีเรียอื่นๆ ซึ่งทุกคนล้วนมีโอกาสพร้อมเป็นวัณโรคได้เหมือนกันหมดค่ะ แต่จะเป็นเมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคนและปริมาณเชื้อที่ได้รับนั่นเองค่ะ DooDiDo ขอแนะนำให้รักษาสุขภาพกันให้ดีเพื่อห่างไกลวัณโรคกันค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.justforwomensite.com/health/