รู้หรือไม่!! การนอนหลับผิดท่า ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างคาดไม่ถึง

WM

เรียนรู้เทคนิคการนอน นอนหลับให้ถูกท่า ช่วยให้สุขภาพดี

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ตื่นนอนตอนเช้าแล้วรู้สึกปวดเมื่อยร่างกายแทบทุกครั้ง ราวกับเพิ่งผ่านการออกกำลังกายที่หักโหมมานั่นอาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณนอนหลับไม่ถูกท่า การนอนหลับผิดท่าไม่เพียงแต่จะสร้างอาการปวดเมื่อยให้รำคาญใจ แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพและประสิทธิภาพในการนอนอีกด้วยนะ วันนี้เราเลยอยากให้ทุกคนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอน เริ่มจากการ “นอนหลับให้ถูกท่า” พร้อมเรียนรู้เทคนิคการนอน ว่าจะนอนคว่ำ นอนหงาย และนอนตะแคงอย่างไร ไม่ให้รู้สึกปวดเมื่อยเมื่อตื่นนอน

ทุกคนนั้นมีท่าในการนอนหลับเป็นของตัวเอง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้มีท่านอนท่าไหนที่ถูกต้องและเหมาะสมมากที่สุด ท่านอนหลับแต่ละท่าก็ล้วนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป แต่การนอนหลับที่จะช่วยให้ผู้นอนพักผ่อนได้อย่างสบายที่สุด คือนอนโดยที่ไม่มีข้อต่อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายถูกกดทับ และกล้ามเนื้อก็ต้องไม่ยืดหรือหดตัวนานจนเกินไป

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stocksnap-894430/

1.นอนคว่ำ

การนอนคว่ำนอกจากจะทำให้หายใจไม่สะดวกสบายแล้ว เวลาที่ใบหน้าไปสัมผัสกับหมอนก็อาจเกิดสิวและริ้วรอยจากแบคทีเรียได้ ยิ่งไปกว่านั้นการนอนท่านี้ยังส่งผลต่อกระดูกสันหลัง ลามไปจนถึงบริเวณต้นคอ เพราะการนอนคว่ำจะทำให้กล้ามเนื้อช่วงคอเกิดอาการตึงและกระดูกต้นคอเกิดแรงกดทับ แถมยังมีผลกระทบต่อบริเวณหลังอีกด้วย เมื่อเรานอนคว่ำ เราจะวางศีรษะไว้บนหมอนที่สูงกว่าระดับตัว ทำให้ต้องแอ่นหลังจนกระดูกสันหลังเกิดการโค้งงอผิดรูป เทคนิคการนอนคว่ำให้สบาย แนะนำให้ใช้หมอนอีกใบหนุนบริเวณใต้ท้องน้อยไปจนถึงสะโพก เพื่อให้หลังไม่ต้องแอ่น และตำแหน่งของศีรษะกับลำตัวอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/olichel-529835/

2.นอนหงาย

การนอนหงายอาจไม่ทำให้กระดูกสันหลังโค้งผิดรูปเหมือนกับการนอนคว่ำ แต่การนอนท่านี้ก็ส่งผลให้กระดูกสันหลังเกร็งตัวได้เช่นกัน ไม่แปลกถ้าผู้ที่ชอบนอนหงายตลอดทั้งคืน มักจะตื่นมาพร้อมกับอาการปวดหลัง เนื่องจากตำแหน่งของศีรษะและหลังอยู่คนละระนาบกัน แถมการนอนท่านี้ยังมีผลเสียต่อระบบย่อยอาหารและระบบทางเดินหายใจอีกด้วย การนอนหงายจะทำให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาตามหลอดอาหาร สำหรับผู้ที่นอนกรน ท่านอนหงายนี้จะช่วยเพิ่มเสียงกรนให้ดังยิ่งขึ้นอีก ร้ายแรงเข้าอาจนำไปสู่สภาวะหยุดหายใจขณะที่นอนหลับได้ เทคนิคการนอนหงายให้สบาย อาจจะเริ่มจากการปรับหัวเตียงนอนให้เอนสูงขึ้นกว่าปกติ แล้วหาหมอนมารองบริเวณใต้หัวเข่าทั้งสองข้าง ซึ่งสะโพกจะยกตัวขึ้นเล็กน้อย และทำให้บริเวณหลังสัมผัสกับพื้นที่นอนตามที่ควรจะเป็น โดยระดับของศีรษะและหลังจะต้องสัมพันธ์กันมากที่สุด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/katniss12-14023974/

3.นอนตะแคง

การนอนตะแคงซ้ายจะทำให้หัวใจที่อยู่บริเวณอกข้างซ้ายเต้นลำบาก และทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ส่วนการนอนตะแคงขวาอาจเป็นท่าที่ดีที่สุดถ้าเทียบกับท่านอนอื่นๆ เพราะการนอนหลับในท่านี้จะทำให้หัวใจเต้นสะดวก และอาหารจากกระเพาะถูกบีบลงไปที่ลำไส้เล็กได้ดี แต่ข้อเสียของผู้ที่ชอบนอนตะแคงทั้งคืน คือมักจะตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณลำคอและหัวไหล่ข้างที่ถูกกดทับ หากนอนตะแคงแบบเหยียดขาตรง ก็ยิ่งทำให้ปวดหลังตามมาอีกด้วย เทคนิคการนอนตะแคงให้สบาย แนะนำให้ยกขาข้างที่กอดหมอนข้างให้สูงกว่าขาข้างที่ติดกับที่นอน แล้วเอาหมอนข้างสอดระหว่างแขนและขา เพื่อช่วยรับน้ำหนักและลดแรงกดทับบริเวณสะโพกกับหัวไหล่ ถ้าใช้หมอนข้างเข้ามาช่วย จะทำให้อาการปวดเมื่อยจากการนอนตะแคงลดลง แถมยังช่วยให้สะโพกอยู่ในระนาบเดียวกันกับกระดูกสันหลังอีกด้วย

ก ารนอนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญต่อสุขภาพอย่างมากจริงๆ ค่ะDooDiDo อยากให้ทุกคนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนอน โดยเริ่มจากการนอนหลับให้ถูกท่า ว่าจะนอนคว่ำ นอนหงาย และนอนตะแคงอย่างไร ไม่ให้รู้สึกปวดเมื่อยเมื่อตื่นนอน และรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าทุกครั้งเมื่อตื่นนอนอีกด้วยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.tipsdd.com