รู้ทัน!! การดูแลและป้องกัน โรคที่เกี่ยวกับสุขภาพของผู้หญิง

WM

ผู้หญิงต้องอ่าน 3 โรคร้ายที่คุณต้องไม่ละเลย

สุขภาพของผู้หญิงนั้นมีลักษณะเฉพาะและต้องการการดูแล เอาใจใส่อย่างใกล้ชิด เพราะร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากวัยเยาว์เข้าสู่วัยรุ่น วัยรุ่นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยชรา มักจะเป็นที่รู้กันดีของผู้หญิงว่าเมื่อร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงก็มักมีอาการต่างๆ แทรกซ้อนเข้ามา เช่น การปวดประจำเดือน ปวดหัว เจ็บหน้าอก เป็นต้น  บางทีอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือของโรคร้ายบางอย่างก็ได้

ว่าด้วยเรื่องสุขภาพของผู้หญิง ดาบก็แกว่ง เปลก็ไกวŽ ยังเป็นคำพูดอมตะ เพียงแต่วันนี้ผู้หญิงยุคใหม่ไม่ต้องถือดาบออกไปสู้รบกับใคร หากนำความสามารถออกไปทำงานนอกบ้าน ต่อสู้หยัดยืนภายใต้เศรษฐกิจและสังคมในยุคบริโภค เพราะสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนแปลงไป การงานหรือก็เคร่งเครียดวุ่นวาย ไหนลูกก็ยังโยเย สามีก็ต้องการอาหารรสมือภรรยา ผู้หญิงจึงยังต้องแบกรับภาระและปัญหาอันหนักหน่วง ด้วยเลือดแห่งความเสียสละ อยากปรนนิบัติเอาใจทุกฝ่ายนานวันเข้าผู้หญิงยุคใหม่จึงลืมดูแลตัวเอง วันนี้เราลองมาสังเกตกันดูนะคะว่าคุณมีอาการที่เสี่ยงกับโรคเหล่านี้หรือไม่ สุขภาพของผู้หญิง มาฝากกันค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/ljnovascotia-1859446/
  1. โรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis)

เป็นโรคในผู้หญิงที่เกิดจากการลดลงของแบคทีเรียชนิดแลคโตบาซิไล (Latobacilli) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียก่อโรคในช่องคลอด ทำให้แบคทีเรียก่อโรคมีจำนวนเพิ่มขึ้น จนเกิดการอักเสบของช่องคลอด สามารถเกิดได้กับสตรีที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ปัจจัยเสี่ยงยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน

อาการที่พบบ่อย    

ลักษณะตกขาวจะมีสีขาวเนียนปนสีเทาอ่อน มีกลิ่นเหม็นอับคล้ายกลิ่นคาวปลาเค็ม กลิ่นมักจะรุนแรงหลังการร่วมเพศหรือหลังหมดระดูใหม่ๆ ระดับความรุนแรงของกลิ่นแตกต่างกันไป บางคนไม่มีกลิ่น บางคนมีกลิ่นแรงจนคนข้างเคียงได้กลิ่น อาจมีอาการระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด และเจ็บช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์

การรักษา  

แพทย์จะให้การรักษาโดยใช้ยารับประทานในกลุ่ม Metronidazole และต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1 สัปดาห์ระหว่างรับการรักษา หากได้รับการรักษาแล้วมีอาการที่สงสัยว่าจะแพ้ยา เช่น มีผื่นคันตามตัว ควรรีบมาพบแพทย์ทันที

คำแนะนำการปฏิบัติตน และการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

  1. งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย ถ้าจำเป็นควรใช้ถุงยางอนามัย
  2. ไม่สวนล้างช่องคลอดหรือใช้น้ำยาล้างโดยไม่จำเป็น
  3. ดูแลความสะอาดร่างกาย เสื้อผ้า ชุดชั้นใน ไม่ควรสวมใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อผ้าที่เกิดความอับชื้นได้ง่าย ไม่ใส่ซ้ำหมักหมม และไม่ใช้ชุดชั้นในร่วมกับผู้อื่น     
  4. ดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์หลังการขับถ่ายทุกครั้ง โดยล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง แล้วซับให้แห้งด้วยผ้า หรือทิชชู่สะอาด
  5. ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น ตกขาวมีกลิ่นเหม็นหรือเป็นหนอง คันบริเวณช่องคลอด ควรมาพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง
  6. โรคเนื้องอกมดลูก (Myoma uteri / Leiomyoma)
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/unknownuserpanama-19295630/

2. เนื้องอกมดลูก

เป็นโรคในผู้หญิงที่พบบ่อย ส่วนมากจะพบในผู้หญิงช่วงอายุ 40 – 50 ปี การเกิดเนื้องอกมดลูกเชื่อว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์กล้ามเนื้อปกติของมดลูก โดยไม่ทราบสาเหตุแน่นอน สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม นอกจากนี้ ยังสันนิษฐานว่าฮอร์โมนเพศหญิง และตัวเร่งการเจริญเติบโตที่มดลูกจะทำให้เนื้องอกโตขึ้น เพราะพบว่าส่วนใหญ่เนื้องอกจะมีขนาดเล็กลงหลังวัยหมดระดู

สัญญาณอันตราย และอาการที่พบบ่อย

  1. เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด  ส่วนใหญ่มักจะมีเลือดระดูออกมากขึ้น 
  2. อาการจากการกดเบียดของมดลูกที่โตขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการไม่สบายบริเวณหัวหน่าว ปัสสาวะบ่อยขึ้น
  3. ผู้ป่วยบางรายอาจคลำพบก้อนในท้อง หรือรู้สึกท้องโตขึ้นโดยไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย
  4. เจ็บปวดบริเวณท้องน้อย แต่โดยทั่วไปเนื้องอกมดลูกจะไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด นอกจากจะเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น เช่น เลือดออกภายในก้อนเนื้องอก  หรือเกิดการอักเสบของก้อนเนื้องอก เป็นต้น

การรักษา

ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของผู้ป่วย ขนาดของเนื้องอก ความต้องการบุตร อาการหรือภาวะแทรกซ้อน และสภาพของผู้ป่วย ในผู้ป่วยที่ก้อนเนื้องอกไม่โตมากและไม่มีอาการผิดปกติ อาจไม่ต้องให้การรักษา แต่ต้องคอยติดตามขนาดเนื้องอก เพราะในวัยหมดระดูก้อนเนื้องอกจะมีขนาดเล็กลง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/nastya_gepp-3773230/
  1. โรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือช็อกโกแลตซีสต์ (Endometriosis) 

เป็นโรคในผู้หญิงที่เกิดจากการลอกหลุดของเยื่อบุโพรงมดลูกในแต่ละรอบเดือนทำให้เกิดเลือดประจำเดือนในสตรีตามปกติ  แต่เมื่อเยื่อบุเหล่านี้ไปเจริญอยู่ผิดที่และมีการลอกหลุดในแต่ละรอบเดือน ก็จะเกิดแผลและมีเลือดประจำเดือนขังอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่  หากมีขังอยู่ปริมาณมากและนาน เลือดเก่าจะมีลักษณะข้นคล้ายช็อกโกแลตสะสมอยู่บริเวณนั้น ที่เรียกกันว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” นั่นเอง

อาการที่พบบ่อย

ผู้ป่วยมักมีอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง บางรายปวดมากจนต้องหยุดงาน ส่วนอาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง เจ็บในอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์ และภาวะมีบุตรยาก เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน นอกจากนี้ อาจมีท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ชึ่งอาการเหล่านี้มักรุนแรงขณะที่มีเลือดประจำเดือน

การรักษา

การใช้ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ส่วนการรักษาที่เฉพาะเจาะจง จะใช้ฮอร์โมนซึ่งมีทั้งชนิดกินและชนิดฉีด เช่น    ยาเม็ดและยาฉีดคุมกำเนิด ฮอร์โมนเหล่านี้จะออกฤทธิ์กดการทำงานของรังไข่ มีผลทำให้รอยโรคเกิดการฝ่อ จึงช่วยลดอาการปวดได้ แต่ข้อเสียคือ ผู้ป่วยจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น หากผู้ป่วยต้องการมีบุตร จึงควรรักษาด้วยการผ่าตัด  

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 3 โรคร้าย ที่คุณผู้หญิงทั้งหลายต้องไม่ละเลย นอกจากการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ DooDiDo แนะนำว่าอย่าลืมสังเกตด้วยว่าคุณมีภวะความเสี่ยงตามอาการของโรคหรือไม่ หากเกิดความผิดปกติก็รีบไปพบแพทย์และรักษาตามอาการต่อไปค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.siphhospital.com